อาหารที่ไม่ควรกินคู่กัน
- น้ำผึ้ง ไม่ควรกินคู่กับ น้ำร้อน
น้ำผึ้งไม่ควรนำมาชงพร้อมกับน้ำร้อน เพราะความร้อนจะเข้าไปทำลายเอนไซม์และวิตามินในน้ำผึ้ง
- ทุเรียน ไม่ควรกินคู่กับ แอลกอฮอล์
ทุเรียนมีกำมะถันสูง แอลกอฮอล์จะทำให้สารนี้เข้าสู่กระแสเลือดเร็ว จึงอาจได้รับพิษจากสารแอลดีไฮด์เพิ่มขึ้น เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียนและอาเจียน หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ทุเรียน ไม่ควรกินคู่กับ ลำไย
ทั้งทุเรียนและลำไย เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและพลังงานสูง หากกินคู่กันจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นรวดเร็ว
- ผัก หรืออาหารที่มีเส้นใยสูง ไม่ควรกินคู่กับ นม
เพราะใยอาหารจะขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุ แนะนำ ควรกินนมให้ห่างจากมื้ออาหาร
- ชา ไม่ควรกินคู่กับ ยา
ยาควรกินกับน้ำเปล่าจะดีที่สุด น้ำชนิดอื่น อาจทำให้ประสิทธิภาพการดูดซึมยาลดลง
แนะนำ : อาหารบางชนิดไม่เหมาะที่จะรับประทานด้วยกัน เนื่องจากมีส่วนประกอบและคุณสมบัติที่แตกต่าง ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อระบบการย่อย และดูดซึม หรือส่งผลกระทบต่อร่างกายได้
ที่มา: กรมอนามัยกระทรวงสาธารณสุข
กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี
อาหารคู่อื่นๆ ที่ไม่ควรกินคู่กัน
ชา+นม
โปรตีนในนม จะจับกับสารต้านอนุมูลอิสระในชาและป้องกันไม่ให้เกิดการดูดซึม อีกทั้งคาเฟอีนในชาสามารถลดการดูดซึมแคลเซียมลง ทำให้ร่างกายกลับจะไม่ได้แคลเซียมในนมอีกด้วย
วิธีที่แนะนำ บีบมะนาวลงในชาแทน เพราะจะช่วยเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในชาที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้
ขนมปังขาว+แยม
คู่มหัตภัยคู่นี้ จะเร่งให้น้ำตาลในเลือดของคุณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และร่างกายของคุณต้องทำงานหนักมากเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดโดยการปล่อยอินซูลินออกจากตับอ่อน ในระยะยาว กระบวนการนี้อาจทำให้ตับอ่อนเสื่อมลง และสร้างภาวะดื้อต่ออินซูลินและเบาหวานได้ในที่สุด
คำแนะนำที่เหมาะสมคือ เปลี่ยนคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีแล้ว มาเป็นธัญพืชเต็มเมล็ดที่มีเส้นใยสูง ซึ่งจะช่วยชะลอการย่อยอาหาร ชะลอน้ำตาลในเลือดได้ เพราะคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยวจะขัดขวางน้ำตาลในเลือดได้มากที่สุด
สลัด+น้ำสลัดไม่มีไขมัน (non-fat dessing)
การดูดซึมสารอาหารต้องพึ่งไขมัน ดังนั้นหากหลีกเลี่ยงไขมันในสลัด หรือใช้น้ำสลัดไขมันต่ำหรือไร้ไขมันไปเลย ก็จะเป็นปัญหาต่อการดูดซึมสารอาหาร
คำแนะนำ ราดน้ำมันมะกอกและน้ำส้มสายชูลงไปในสลัดจะช่วยได้ดี
แอลกอฮอล์+คาเฟอีน
ปกติแล้วคาเฟอีทำให้ตื่น ลดง่วงมึนงง ตรงข้ามกับแอลกอฮอล์ที่ทำให้มีอาการง่วง เชื่องช้า การดื่มคาเฟอีนเข้าไป คาเฟอีนในกาแฟ (หรือในเครื่องดื่มชูกำลัง) จะไปบดบังฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยเมา ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเมา อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ และอาจทำให้ดื่มมากขึ้นเพราะคิดว่าตนเองไม่เมา
ถั่วเลนทิล + ไวน์แดง
ไวน์แดงมีสารประกอบที่เรียกว่าแทนนิน เมื่อแทนนินผสมกับแหล่งธาตุเหล็กจากพืช เช่น ที่พบในถั่วเลนทิลและถั่วเหลือง แทนนินจะขัดขวางความสามารถของร่างกายในการดูดซึมแร่ธาตุดังกล่าวอย่างมาก ปัญหานี้เกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับผู้ที่รับประทานเจและมังสวิรัติ
เบอร์เกอร์+เบียร์
เมื่อกินทั้งสองอย่างเข้าไป ตับจะทำงานโดยการย่อยแอลกอฮอล์ก่อนตามธรรมชาติ เนื่องจากร่างกายรับรู้ว่าแอลกอฮอล์เป็นสารพิษ ส่วนไขมันจะยังไม่ถูกย่อย และลอยอยู่ในกระแสเลือด จนร่างกายนำไปเก็บไว้ในเนื้อเยื่อ ไขมันทำให้อาหารย่อยช้าลง ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาหารที่มีไขมันสูงทำให้รู้สึกอิ่มและท้องอืดเป็นเวลานานหลังจากที่คุณกินเข้าไป
Foxnews 8 อาหารที่ไม่ควรกินคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
8 อาหารที่ไม่ควรกินคู่กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
1. ขนมขบเคี้ยวรสเค็มๆ กระตุ้นให้รู้สึกกระหายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณดื่มเครื่องดื่มตรงหน้ามากขึ้น
2. พิซซ่า มะเขือเทศที่เป็นส่วนประกอบหลักของพิซซ่า มีความเป็นกรดสูง เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกรดไหลย้อน
3. ถั่ว (กับไวน์) ถั่วต่างๆ อุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ไวน์มีสารเทนนิน ซึ่งจะไปลดความสามารถในการดูดซึมธาตุเหล็ก จึงควรหลีกเลี่ยง ไม่กินพร้อมกัน
4. ขนมปัง (กับเบียร์) ทั้งเบียร์และขนมปังมีส่วนประกอบของยีสต์เป็นจำนวนมากเมื่อกินสองอย่างคู่กัน อาจส่งผลให้ท้องผูกและท้องอืดได้
5. กาแฟกับเครื่องดื่มชูกำลัง คาเฟอีนในกาแฟยังไปบดบังฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยเมา ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะเมา อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
6. น้ำอัดลม 0 แคลอรี เมื่อผสมกับแอลกอฮอล์ ทำให้แอลกอฮอล์ในเลือดสูงกว่าดื่มแอลกอฮอล์ผสมมิกเซอร์รสหวานปกติ
7. ผลไม้ตระกูลส้ม มะนาว มีส่วนประกอบของกรดสูง ทำให้เป็นกรดไหลย้อนได้ง่าย
8. อาหารอุดมไขมัน ของทอดเต็มไปด้วยไขมันก็ทำให้กรดไหลย้อนได้
สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร