28 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับสถาบันรหัสสากล (GS1 Thailand) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อขับเคลื่อนการยกระดับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพร่วมกัน โดยร่วมมือกันส่งเสริมให้ผู้ประกอบการในประเทศมีการใช้งานรหัสบาร์โค้ดตามมาตรฐานสากล GS1 บนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ และติดตามการกระจายของผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างเป็นระบบ
นายแพทย์ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการฯ อย. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา อย. และสถาบันรหัสสากล ได้ร่วมมือกันใช้มาตรฐานสากล GS1 ในหลายผลิตภัณฑ์ โดยในปี 2563 ได้มีการใช้กับผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ในประเทศไทย เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับและติดตามการกระจายในระดับรายชิ้นได้ตลอดห่วงโซ่อุปทานทั่วทั้งในประเทศและต่างประทศ รวมไปถึงในปี 2564 ได้จัดทำคู่มือเพื่อเป็นคำแนะนำเบื้องต้นในการใช้มาตรฐานสากล GS1 สำหรับใช้ติดตามการกระจายวัคซีนโควิด-19 และตรวจสอบคุณภาพความปลอดภัยของวัคซีน นอกจากนี้ ในปี 2566 ยังได้นำมาตรฐานสากล GS1 (QR Code) มาใช้ในการจัดการฉลากยาอิเล็กทรอนิคส์ (e-Labelling) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยา เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง และรวดเร็ว สำหรับในระยะต่อไป ทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมมือกันพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับและการป้องกันการปลอมแปลงของผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ โดยจะร่วมมือด้านวิชาการและเทคนิคมาตรฐานต่าง ๆ ในการประยุกต์ใช้สัญลักษณ์บาร์โค้ดแบบ 1 มิติ และ 2 มิติ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงในการกำหนดกฎหมายและข้อบังคับด้าน Coding & Serialization ของผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สุขภาพได้อย่างปลอดภัย และเกิดประสิทธิภาพสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับ และป้องกันการปลอมแปลง เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค และยกระดับอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศให้มีมาตรฐานสู่ระดับสากล
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อเตรียมความพร้อมให้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศไทยมีศักยภาพ และต่อยอดขีดความสามารถให้แข่งขันกับตลาดทั้งในและต่างประเทศ เป็นอุตสาหกรรมหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และให้คนไทยมีโอกาสที่จะได้รับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีคุณภาพ ปลอดภัย จึงเป็นที่มาของการกำหนดแนวทางความร่วมมือร่วมกันของ ส.อ.ท. และ อย. ผ่านการทำบันทึกความเข้าใจความร่วมมือในการขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนครั้งนี้ โดย ส.อ.ท. จะเร่งส่งเสริมและผลักดันยกระดับคุณภาพในการผลิตของสมาชิก ส.อ.ท. ทั้ง 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 11 คลัสเตอร์ทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานสากล ภายใต้นโยบาย “One FTI” (One Vision, One Team, One Goal) และจะขับเคลื่อนการนำระบบมาตรฐานสากล GS1 ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านหน่วยงานสถาบันรหัสสากล หรือ GS1 Thailand เพื่อช่วยให้ห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพเกิดความโปร่งใส เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย