ข่าวสุขภาพ โรงพยาบาล77จังหวัด คลินิก-ร้านยาแนะนำ คลินิกทำฟัน30บาท กทม คลินิกทำฟัน30บาท ปริมณฑล+3 รพ.ประกันสังคม 2568 justView
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ
healthserv.net@gmail.com

พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ประกาศราชกิจจาฯ มีผล 22 มกราคม 2568

พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ลงประกาศในราชกิจจาฯ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 67 และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วัน นั่นคือวันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป เป็นของขวัญรับศกใหม่

    พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม เป็นการ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  โดยพระกรุณาโปรดเกล้าฯ โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา  กำหนดชื่อเรียกใน มาตรา 1 ว่า พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567” และ มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วันแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป 

    นั่นคือมีผลตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568

   
 

สาระสำคัญ


    สาระสำคัญในการแก้ไข ของ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม  คือเปลี่ยนแปลงการระบุสภาพเพื่อการสมรส จาก "ชายหญิง"  เป็น  "บุคคลสองคน"  ตามระบุในมาตรา 15  ไว้ว่า 

     มาตรา 15 ให้ยกเลิก ความในมาตรา 1458 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน 
    "มาตรา 1458 การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลสองคนยินยอมเป็นคู่สมรสกันและต้องแสดงการยินยอมนั้นให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนและให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย"
   
     [ความเดิม  มาตรา 1458 การสมรสจะทำได้ต่อเมื่อชายหญิงยินยอมเป็นสามีภริยากันและต้องแสดงการยินยอมนั้นให้ปรากฏโดยเปิดเผยต่อหน้านายทะเบียนและให้นายทะเบียนบันทึกความยินยอมนั้นไว้ด้วย]




     และการเปลี่ยนจาก "สามีภริยา" ไปเป็น "คู่สมรส"  ตามในมาตรา 18 ว่า 

     มาตรา 18 ให้ยกเลิกความในมาตรา 1461 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และให้ใช้ข้อความต่อไปนี้แทน  
     "มาตรา 1461 คู่สมรสต้องอยู่กินด้วยกันฉันคู่สมรส 
      คู่สมรสต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน" 
      
     [ความเดิม  มาตรา 1461 สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา 
         สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและฐานะของตน]


 
    และการเปลี่ยนแปลงในอีกหลายมาตราอื่นๆ ที่ต่อเนื่องไปจากการเปลี่ยนสิทธินี้  อาทิ 
  • คู่สมรส  กรณีไม่สามารถอยู่กินกันต่อไปได้ตามปกติ ด้วยเหตุอันตรายแก่กายใจหรือทำลายความผาสุก  คู่สมรสอาจร้องต่อศาลได้ 
  • คู่สมรส เป็นผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ได้ ตามศาลสั่ง
  • มีสิทธิในทรัพย์สิน  สัญญาเกี่ยวกับทรัพย์สิน สินสมรส การจัดการสินสมรสร่วมกัน  สิทธิฟ้องร้อง ต่อสู้คดี ดำเนินคดี อำนาจทำพินัยกรรม อำนาจจัดการทรัพย์สิน  และ ฯลฯ  

     นอกจากนี้ปรับอายุขั้นต่ำ การหมั้น สมรส จาก 17 ปี เป็น 18 ปี  และคนไทยจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติโดยใช้กฎหมายไทยได้ รวมทั้งรับบุตรบุญธรรมร่วมกันได้ เรียกค่าทดแทนและเหตุฟ้องหย่า [ThaiPBS]

  อ่าน พ.ร.บ. ฉบับเต็ม 

 
 

ชาติที่ 3 ในเอเซีย 


   ผลจากการประกาศใช้กฏหมายฉบับนี้ ทำให้ประเทศไทยเป็นไทยประเทศที่ 3 ในเอเซีย ต่อจากไต้หวัน และเนปาล และเป็นประเทศแรกในอาเซีย ที่ผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม 


  นับถึงปี 2024 มีทั้งหมด 36  ประเทศที่มีกฏหมายสมรสเท่าเทียม  (ยังไม่นับรวมเนปาล)  โดยปี 2025 จะมี 2 ประเทศที่กฏหมายมีผลบังคับใช้ คือ ลิคเท่นสไตน์ เริ่ม 1 มกราคม 2025  และ ประเทศไทย เริ่ม 22 มกราคม 2025


   ในกรณีของประเทศเนปาล  อยู่ในขั้นรอคำตัดสินขั้นสุดท้ายจากศาลฎีกา  แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลท้องถิ่นทั้งหมดได้รับคำสั่งให้จดทะเบียนสมรสเพศเดียวกันเป็นการชั่วคราวในบันทึกแยกต่างหาก ในเดือนเมษายน 2024 กรมบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนราษฎร์ได้ออกหนังสือเวียนถึงรัฐบาลท้องถิ่นทั้งหมดว่าต้องจดทะเบียนสมรสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้คู่รักเพศเดียวกันมีสิทธิตามกฎหมายในการสมรส และคู่รักเพศเดียวกันที่จดทะเบียนแล้วจะไม่สามารถรับมรดกทรัพย์สิน รับเงินอุดหนุนภาษี ตัดสินใจทางการแพทย์ของคู่สมรส รับบุตรบุญธรรม ฯลฯ ได้ [wikipediasee also 

โปรดใช้ถ้อยคำสุภาพ เหมาะสม เพื่อบรรยากาศที่ดีในการสนทนา และแบ่งปันข้อมูลอันมีคุณค่าต่อกัน

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด