ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เตรียมพร้อมงานบุญประเพณีออกพรรษา ประจำปี 2566 ทั่วประเทศ เทศกาลฉลองบุญอบอุ่นใจ

เตรียมพร้อมงานบุญประเพณีออกพรรษา ประจำปี 2566 ทั่วประเทศ เทศกาลฉลองบุญอบอุ่นใจ Thumb HealthServ.net
เตรียมพร้อมงานบุญประเพณีออกพรรษา ประจำปี 2566 ทั่วประเทศ เทศกาลฉลองบุญอบอุ่นใจ ThumbMobile HealthServ.net

เทศกาลออกพรรษา วันออกพรรษา เป็นระยะเวลาที่สิ้นสุดการจำพรรษา 3 เดือน ของพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เมื่อครบออกพรรษาจะเป็นห้วงเวลาแห่งงานประเพณีมากหลาย เฉลิมฉลองบุญกุศลร่วมกันของประชาชนพุทธบริษัท ซึ่งประเพณีแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัดล้วนมีความแตกต่าง และเป็นกิจกรรมน่าตื่นตาตื่นใจน่าไปชมไปสัมผัส งานบุญประเพณีเหล่านี้คือสิ่งหลอมรวมใจคนไทยคนพุทธไว้ด้วยกันเนิ่นนาน

เทศกาลออกพรรษา
 
     วันออกพรรษา เป็นระยะเวลาที่สิ้นสุดการจำพรรษา ๓ เดือน ของพระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า "ปวารณา” แปลว่า "อนุญาต” หรือ "ยอมให้” ซึ่งในวันออกพรรษานี้พระสงฆ์จะชุมนุมกันประกอบพิธีกรรมพิเศษ เรียกว่า พิธีมหาปวารณา เป็นการเปิดโอกาสให้ภิกษุทุกช่วงอาวุโสได้วิพากษ์วิจารณ์ว่ากล่าวตักเตือนกัน และยังเปิดโอกาสให้มีการซักถามข้อสงสัยต่างๆ ซึ่งกันและกันด้วย
 
     พร้อมกันวันออกพรรษา ยังมีตำนานเล่าขานว่า เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับคืนสู่โลกมนุษย์ หลังจากขึ้นไปจำพรรษาอยู่ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ครบถ้วนไตรมาส และได้แสดงธรรมเทศนาโปรดพุทธมารดาในเทวโลกมาตลอดช่วงเวลานั้น ครั้นถึงวันมหาปวารณา จึงเสด็จกลับคืนมายังโลกมนุษย์โดยบันไดสวรรค์ ลงมาที่เมืองชื่อ สังกัสสะ แคว้นปัญจาละ วันที่เสด็จลงจากเทวโลกนั้นเรียกกันว่า "วันเทโวโรหณะ” แปลว่า ลงจากเทวโลก ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ถือกันว่าเป็นวันบุญใหญ่วันหนึ่งของชาวพุทธ โบราณเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันพระเจ้าเปิดโลก” เพราะการเสด็จกลับลงมาของพระพุทธองค์ในครั้งนั้น ได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ คือ "โลกวิวรณปาฏิหาริย์” โลกทั้งสาม คือ โลกมนุษย์ นรก และสวรรค์ สามารถมองเห็นซึ่งกันและกันได้
 
     วันรุ่งขึ้นจากวันเข้าพรรษา เป็นวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ จึงมีการทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ เพื่อเฉลิมฉลองการเสด็จลงจากเทวโลกของพระพุทธองค์ โดยตามพุทธประวัติเล่าว่า พุทธบริษัทได้พร้อมใจกันใส่บาตรจนมีผู้คนแออัดมาก ไม่สามารถเข้าถึงพระสงฆ์และพระพุทธองค์ได้ จึงมีการเอาข้าวสาลีของตนห่อบ้าง ทำเป็นปั้นๆ บ้างแล้วโยนเข้าไปถวาย นี่เองจึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดเอกลักษณ์การทำข้าวต้มลูกโยนขึ้นเป็นส่วนสำคัญของการตักบาตรเทโวโรหณะในโลกมนุษย์  ... อ่านต่อ
 

 

วันออกพรรษา ประจำปี 2566 - วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566

วันออกพรรษา ถือเป็นวันสิ้นสุดการจำพรรษา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เป็นวันที่พ้นจากข้อกำหนดทางพระวินัยในช่วงฤดูฝนนั่นเอง วันออกพรรษา 2566 ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566  กิจกรรมสำคัญในเทศกาลออกพรรษา เช่น 
  • พิธีตักบาตรเทโวโรหณะ ที่มีชื่อเสียงคือ ที่พระปฐมเจดีย์ จ.นครปฐม และ วัดสะแกกรัง จ.อุทัยธานี 
  • ประเพณีชักพระ ทางภาคใต้ มีสองกรณี คือ ชักพระทางบก จ.จังหวัดนครศรีธรรมราช และชักพระทางน้ำ จ.สุราษฏร์ธานี
  • พิธีรับพระภาคกลาง มักจะปรากฏในภาคกลางที่อยู่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง ที่เป็นคมนาคมทางน้ำ เช่น อำเภอบางบ่อ บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
  • ประเพณีตักบาตรพระร้อย หรือ ใส่บาตรพระร้อยรูป ส่วนมากจัดพิธีขึ้นทางน้ำเนื่องด้วยแต่เดิมบ้านอยู่ติดริมน้ำลำคลอง จึงใช้เรือสัญจร พระส่วนมากจึงใช้เรือบิณฑบาต

ประเพณีตักบาตรเทโว วัดสังกัสรัตนคีรี จังหวัดอุทัยธานี ประจำปี 2566 (รอประกาศวันที่อย่างเป็นทางการ)

จังหวัดอุทัยธานีมีกิจกรรมประเพณีตักบาตรเทโวหลังออกพรรษาเป็นประจำทุกปี เป็นงานที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่สาธุชนจากทั่วสารทิศหลั่งไหลมาร่วมพิธี ณ วัดสังกัสรัตนคีรี หรือ วัดเขาสะแกกรัง เป็นวัดสำคัญของจังหวัดอุทัยธานี ที่ประดิษฐาน พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี โดยประเพณีตักบาตรเทโวในปีนี้ วัดสังกัสรัตนคีรีจะมีการจัดขึ้นในเดือน ตุลาคม ของทุกปี พิธีจะมีพระสงฆ์กว่า 500 รูป จะเดินลงมาตามบันได 449 ขั้น จากมณฑปบนยอดเขาสะแกกรังมาสู่ลานวัดสังกัสรัตนคีรีเบื้องล่าง เพื่อมารับบิณฑบาต สอดคล้องกับพุทธประวัติในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ภายหลังจากการเทศนาโปรดพระมารดา พุทธศาสนิกชนชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างอยากมาสัมผัสพิธีตักบาตรเทโว จ.อุทัยธานี สักครั้งในชีวิต

งานประเพณีรับบัว วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ (รอประกาศ)

 งานประเพณีรับบัว เป็นโบราณที่ยังคงจัดในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวในโลก ณ วัดบางพลีใหญ่ใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการนี่เอง จะทุกวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี สำหรับปี 2566 นี้ ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนอย่างเป็นทางการ (โปรดติดตาม)

สำหรับปีที่ผ่านมา (2565) งานประเพณีรับบัว จัดขึ้นเมื่อ วันที่ 20-23 ตุลาคม 2565 ที่ลานหน้าโบสถ์หลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ใน (พระอารามหลวง) อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ เป็นประธานเปิดงาน ร่วมกับข้าราชการระดับสูง หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดสมุทรปราการ และอำเภอบางพลี พี่น้องประชาชนร่วมพิธีเปิดงานเป็นจำนวนมาก  

งานประเพณีชักพระ – ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาว ประจำปี 2566 จ.สุราษฎร์ธานี 26 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2566

งานประเพณีชักพระ – ทอดผ้าป่า และแข่งเรือยาว ประจำปี 2566 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2566 และพิธีเปิดงานชักพระในวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 โดยความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ร่วมกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี, อบจ.สุราษฎร์ธานี, ททท. สำนักงานสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานภาคีเครื่อข่าย กิจกรรมในงานปีนี้ อาทิ การแสดงนิทรรศการงานประเพณีชักพระ, พิธีฉลองถ้วยพระราชทานฯ, ขบวนแห่เรือพนมพระทางบกของวัดในเขตเทศบาล, พิธีสมโภชเรือพนมพระ, การจัดพุ่มผ้าป่าหน้าบ้านและหน้าสำนักงาน การชักพุ่มผ้าป่า พุ่มเมือง ตลอดจนการแข่งขันเรือยาวและการประกวดเรือแต่ง รวมถึง กิจกรรมงานวิ่งพรมน้ำมนต์ ที่จัดมาแล้ว 3 ครั้ง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน คณะผู้จัดงานเชื่อมั่นว่า การจัดงานในปีนี้ จะยิ่งใหญ่ไม่แพ้ทุกปีที่ผ่านมา อย่างแน่นอน

งานไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม ประจำปี 2566 วันที่ 20-30 ตุลาคม 2566

งานไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม ประจำปี 2566 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-30 ตุลาคม 2566 (รวม 11 วัน 11 คืน) โดยมีกิจกรรมไฮไลท์ในคืนวันออกพรรษา วันที่ 29 ตุลาคม 2566 ขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ไหลเรือไฟจาก 12 อำเภอ จำนวน 12 ลำ จังหวัดนครพนมได้กำหนดให้มีกิจกรรมในทุกค่ำคืน ได้แก่ การไหลเรือไฟโชว์คืนละ 1-2 ลำ การปล่อยกระทงสายวันละ 25,000 ดวง การแสดงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น การจัดทำเรือไฟโบราณ การแสดงซุ้มวิถีคนทำเรือไฟของ 12 อำเภอ และมหกรรมสินค้า OTOP คาราวานสินค้า การแสดงมหรสพตามประเพณี 

งานประเพณีเเห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร ประจำปี 2566 วันที่ 23 - 29 ต.ค. 2566

งานประเพณีเเห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร ประจำปี 2566 กำหนดจัดงานวันที่ 23 - 29 ต.ค. 2566 บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติฯ 80 พรรษา เเละวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร  การเเสดงปราสาทผึ้งประยุกต์เเละปราสาทผึ้งโบราณ กิจกรรมเเสดงวิถีชีวิตชนเผ่าจังหวัดสกลนคร,กิจกรรมติดดอกผึ้ง, นิทรรศการปรสาทผึ้ง เเละขบวนเเห่ปราสาทผึ้งจากสวนเฉลิมพระเกียรติฯ80พรรษาไปยังวัดพระธาตุเชิงชุมฯ เพื่อถวายพระธาตุเชิงชุมเเละหลวงพ่อพระองค์เเสน  (28 ตุลาคม วันแห่ปราสาทผึ้ง)

งานประเพณีออกพรรษา ลอยประทีปบูชา พุทธกตัญญู จ. ขอนแก่น 25-28 ตุลาคม 2566

จังหวัดขอนแก่นโดยเทศบาลนครขอนแก่น ได้จัดงานประเพณีออกพรรษา ไต้ประทีปโคมไฟและวิถีชีวิตอีสาน ระหว่างวันที่ 25-28 ตุลาคม ของทุกปี ณ บริเวณบึงแก่นนคร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่งเสริมอาชีพของประชาชนในท้องถิ่น และอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นอันดีงามของวิถีชีวิต คนอีสาน กิจกรรมสำคัญในงานประกอบด้วย จัดพิธีทางศาสนา ออกร้านจำหน่ายอาหารและสินค้าพื้นเมือง จัดแสดงนิทรรศการของเก่าน่าสะสม พระเครื่อง ประกวดและโชว์บอนไซ จัดแสดงวรรณกรรมเรื่อง"สินไซ" มหกรรมอาหารของดีเมืองขอนแก่น ประกวดขบวนแห่ประทีปโคมไฟ ประกวดฮ้านประทีป ประกวดสรภัญญะ การแสดงวัฒนธรรม 5 ภาค จัดประกวดนกกรงหัวจุก การแสดงวัฒนธรรมนานาชาติ การแข่ง X-Game การประกวดกวนข้าวทิพย์ การแสดงดนตรีลูกทุ่งของโรงเรียนต่าง ๆ การแสดงคนตรีพื้นเมือง และการแสดงคอนเสิร์ตลูกทุ่งหมอลำ 

งานมหัศจรรย์มุกดาหาร 3 พิภพ ณ สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) 29-30 29 ตุลาคม 2566

งานมหัศจรรย์มุกดาหาร 3 พิภพ ณ สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต) , สี่เเยกหอนาฬิกา ,วัดบรรพตมโนรมย์ เเละ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร 
  • วันที่ 29 ตุลาคม 2566  กิจกรรมสวดมนต์เมือง ฟังธรรมกลางลำน้ำโขง ลอยกระจู้ บูชาพญานาค ณ  สะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร - สะหวันนะเขต)
  • วันที่ 30 ตุลาคม 2566  งานบวงสรวงและทอดกฐินพญานาค 3 พิภพ  วัดศรีบุญเรือง  อำเภอเมือง  จังหวัดมุกดาหาร
  • วันที่ 30 ตุลาคม 2566 กิจกรรมจุดเทียนขึ้นภู บูชาพระใหญ่ ณ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์  อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร 

ประเพณีออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก จ. หนองคาย ประจำปี 2566

จังหวัดหนองคายได้กำหนดจัดงาน “ประเพณีออกพรรษาและบั้งไฟพญานาคโลก” ประขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาชมปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ในคืนวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566   โดยในปีนี้จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม- 6 พฤศจิกายน 2566 ใน 6 อำเภอที่ติดกับแม่น้ำโขงประกอบด้วย อ.สังคม, อ.ศรีเชียงใหม่, อ.ท่าบ่อ, อ.เมือง, อ.โพนพิสัย และ อ.รัตนวาปี ซึ่งมีการจัดกิจกรรมหลากหลาย เช่น
  • วันที่ 21 ตุลาคม วิ่งตามรอยปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ที่ อ.รัตนวาปี
  • วันที่ 22 ตุลาคม วิ่งเปิดเมืองพญานาค ที่ อ.โพนพิสัย
  • วันที่ 26 ตุลาคม บวงสรวงและรำบูชาพญานาค อ.เมือง
  • วันที่ 27 ตุลาคม บวงสรวงและรำบูชาพญาศรีสุวรรณหงส์สัตตนาคราช อ.ศรีเชียงใหม่, รำบวงสรวงบูชาพญานาค ประจำปี 2566 อ.ท่าบ่อ, การแสดงแสง สี เสียง ตำนานบั้งไฟพญานาค อ.เมือง
  • วันที่ 28 ตุลาคม บวงสรวงบูชาพญานาค อ.รัตนวาปี
  • วันที่ 29 ตุลาคม บวงสรวงเจ้าแม่สองนาง บวงสรวงพระธาตุกลางน้ำ, การแข่งขันเรือยาวขนาดใหญ่, ลอยกะโป๋ไฟ กลางแม่น้ำโขง อ.เมือง, บวงสรวงบูชาพญานาคแบบดั้งเดิม, บวงสรวงวันเปิดโลก บูชาพระพุทธเจ้าและบูชาพญานาค รำบวงสรวงพญาพิสัยสัตนาคราช มี ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก มาร่วมรำด้วย อ.โพนพิสัย
  • 30 ตุลาคม ทำบุญตักบาตรเทโวโรหณะ อ.เมือง อ.สังคม อ.โพนพิสัย
  • วันที่ 4 - 6 ตุลาคม การแข่งขันเรือยาว อ.โพนพิสัย เป็นต้น

งานประเพณีออกหว่า อำเภอแม่สะเรียง แม่ฮ่องสอน (รอประกาศ)

งานประเพณีออกหว่า เป็นเทศกาลงานประเพณีออกพรรษาตามความเชื่อของชาวอำเภอแม่สะเรียง เรียกว่า ประเพณีออกหว่า (คำว่า ออกหว่า หมายถึง การออกจากฤดูฝน) ชาวอำเภอแม่สะเรียงที่อยู่ต่างถิ่นจะเดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อร่วมทำบุญและร่วมงานประเพณีออกหว่ากับครอบครัว โดยจะมีการตักบาตรพระสงฆ์ที่หน้าบ้านของตนเองในเวลาตี 4 ตลอดทั้ง 3 วัน จะมีการประดิษฐ์จองพารา ซุ้มราชวัตร และโคมไฟประดับตามบ้านเรือนเพื่อแสดงถึงการรับเสด็จพระพุทธเจ้าที่เสร็จจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กลับสู่โลกมนุษย์ มีพิธีตักบาตรตามวิถีไทยใหญ่ ขบวนแห่เทียนเหง หรือ เทียนพันเล่ม ขบวนแห่ต้นโคม เครื่องไทยทาน และการแสดงศิลปะรำฟ้อน ตามถนนสายต่างๆ ในเขตเทศบาลตําบลแม่สะเรียง ประเพณีออกหว่า อำเภอแม่สะเรียง เป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่มีแห่งเดียวในโลก 

*สำหรับงานปีที่ผ่านมา (2565) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-11 ตุลาคม 2565 ณ เขตเทศบาลตำบลแม่สะเรียง อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยน 2566 สระบุรี วัดพระพุทธฉาย (รอประกาศวันที่)

งาน มหัศจรรย์ ข้าวต้มลูกโยน แห่งสระบุรี ประจำปี 2566 ประเพณีตักบาตรข้าวต้มลูกโยนจังหวัดสระบุรี ประจำปี 2566 วันที่ 29-30 ตุลาคม 2566 ณ วัดพระพุทธฉาย อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี

ตักบาตรเทโว วัดพระปฐมเจดีย์ 30 ต.ค. 2566

ตักบาตรเทโว วัดพระปฐมเจดีย์  30 ต.ค. 2566  เวลา 7.00 น. ทำบุญไหว้พระ องค์หลวงพ่อพระร่วง

งานประเพณีออกพรรษาที่เชียงคาน ประจำปี 22 - 30 ตุลาคม 2566

 งานออกพรรษา เชียงคาน 2566 มีกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
ในระหว่างวันที่ 22 - 30 ตุลาคม 2566
วันที่ 22 - 30 ตุลาคม 2566 (ตรงกับวันขึ้น 8 - 15 ค่ำ เดือน 11, วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11)
ชมการแสดงมหรสพ และจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ 
 
 

งานไหลเรือประเพณีไหลเรือไฟโบราณล่องลำน้ำหมัน ด่านซ้าย 29 ตุลาคม 66

 ประเพณีไหลเรือไฟโบราณบนลำน้ำหมันของชาวอำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย เพื่อขอขมาแม่น้ำ ลำคลองโดยเฉพาะลำน้ำหมันที่หล่อเลี้ยงชีวิตชาวอำเภอด่านซ้าย ประกอบด้วย เรือไฟ 3 ลำ มีม้า จระเข้ และเรือ ทำจากต้นกล้วยและไม้ไผ่ขึ้นเป็นโครง ประดับด้วยไฟจากน้ำมันหมากแตก ส่วนความหมายของเรือแต่ละลำ เรือม้า คือ ความก้าวนำหน้าพาเรืองรุ่งเรือง เรือจระเข้ คือ ผู้เป็นใหญ่แห่งสายน้ำ และเรือคน คือ สายชีวิตอยู่รวมร่วมเกื้อกูลกัน  
 
   ในปี 2566 นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานเลย ได้ประชาสัมพันธ์กระตุ้นการท่องเที่ยว กิจกรรมประเพณีไหลเรือไฟโบราณถึง 8 ลำ โดยได้รับการสนับสนุนจากเทศบาลศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย และบ้านเหนือ ด่านซ้าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ในการทำเรือไฟโบราณเพื่อให้มีความยิ่งใหญ่อลังการกว่าทุกปี โดยจะมีการไหลเรือไฟในวันที่ 29 ตุลาคม 2566  ณ ริมน้ำหมันบ้านนาเวียงใหญ่ อ.ด่านซ้าย จ.เลย พร้อมด้วยกิจกรรมถวายปราสาทผึ้งสามหมู่บ้าน ทำบุญตักบาตร ถวายปราสาทผึ้งกิจกรรมออกร้านอาหารพื้นถิ่นกิจกรรมสอยดาวงานวัด ปิดทองพระทันใจประจำวันเกิดกิจกรรมกีฬาพื้นบ้าน กิจกรรมงานรำวงชาวบ้านย้อนยุค วงโอฬารพิษณุโลก และนางรำสาวสวยพีเคแด้นช์ และกิจกรรมประกวดไหลเรือไฟ อย่างยิ่งใหญ่

งานประเพณีลากพระ และตักบาตรเทโว สงขลา 26 - 31 ตุลาคม 2566

ขอเชิญเที่ยวงานประเพณีลากพระ และตักบาตรเทโว ประจำปี 2566 ตั้งแต่วันที่ 26 - 31 ตุลาคม 2566 เที่ยวชมฟรีตลอดงาน  ณ บริเวณสระบัว สงขลา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา 

งานบุญวันออกพรรษา พิษณุโลก

วันออกพรรษา |วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
วันอาทิตย์ที่ ๒๙ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (วันออกพรรษา)
เวลา ๐๕.๓๐ น. พระภิกษุปวารณาออกพรรษา ณ พระอุโบสถ
เวลา ๐๗.๓๐ น. ทำบุญตักบาตร ณ ศาลาพิบูลธรรม
วันจันทร์ที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (วันตักบาตรเทโว)
เวลา๐๗.๐๐ น. ตักบาตรเทโวโรหณะ  ทำบุญตักบาตร ณ ศาลาพิบูลธรรม 

งานเทสกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ประจำปี 2566

 

เทศกาลออกพรรษา (ต่อจากด้านบน)

  
    ดังนั้น ในทุกวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ของทุกปี ชาวพุทธจึงพร้อมใจกันจัดให้มีการทำบุญตักบาตรให้เหมือนครั้งพุทธกาล เรียกว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ โดยทางวัดต่างๆ จะนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ขึ้นไปพำนักบนที่สูงของวัดก่อน แล้วเมื่อถึงเวลามงคลฤกษ์จึงค่อยนิมนต์ให้เดินเรียงแถวลงมาจากที่สูงให้ประชาชนทั้งหลายได้มองเห็นและตั้งใจใส่บาตรกันทางเบื้องล่างเลียนแบบภาพการเสด็จลงจากดาวดึงส์ของพระพุทธองค์ สำหรับในประเทศไทย เป็นที่ยอมรับกันว่า งานเทศกาลตักบาตรเทโว ของจังหวัดอุทัยธานี ณ ยอดเขาเล็กๆ ใจกลางวัดสังกัสรัตนคีรีนั้น บรรยากาศทั้งหลายใกล้เคียงดูน่าพิศวง จนชวนให้คิดไปได้ว่าเป็น วันตักบาตรเทโวโรหณะ ในสมัยพุทธกาลนั้นจริงๆ
 
     พิธีกรรมประกอบเทศกาล ออกพรรษา
     และนอกจาก การประกอบพิธีมหาปวารณา และการตักบาตรเทโวโรหณะแล้ว ยังมีพิธีกรรมซึ่งวัดและประชาชนนิยมจะประกอบขึ้นเนื่องในโอกาสเทศกาลออกพรรษา หรือใช้โอกาสเทศกาลออกพรรษานี้ เป็นช่วงเริ่มต้นของพิธีกรรมอื่นๆ อีกหลากหลายรายการด้วยกัน อาทิ
 
     ประเพณีถวายกฐิน หรือทอดกฐิน เป็นประเพณีที่สำคัญยิ่งของพุทธศาสนิกชนอีกอย่างหนึ่ง จัดขึ้นทั้งฝ่ายเจ้านายคือ การพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐินขององค์พระมหากษัตริย์ไปจนการทอดกฐินของประชาชนคนธรรมดา โดยจะนิยมทำกันตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ไปจนถึงกลางเดือน ๑๒ (วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ - วันลอยกระทง)
 
     คำว่า กฐิน แปลว่า ไม้สะดึง คือกรอบไม้ชนิดหนึ่งสำหรับขึงผ้าให้ตึง ในสมัยโบราณการทำจีวรต้องเอาไม้สะดึงมาขึงผ้าให้ตึงเสียก่อนแล้วจึงเย็บ เพราะช่างยังไม่มีความชำนาญเหมือนสมัยปัจจุบันนี้ และเครื่องมือในการเย็บก็ยังไม่ดีพอเหมือนจักรเย็บผ้าในปัจจุบัน การทำจีวรในสมัยโบราณจะเป็นผ้ากฐินหรือแม้แต่จีวรอันมิใช่ผ้ากฐิน ถ้าภิกษุทำเอง ก็จะจัดเป็นงานอย่างเอิกเกริก
 
      ประเพณีเทศน์มหาชาติเวสสันดรชาดก หรือ การเทศน์มหาชาติ คือการจัดให้มีธรรมเทศนาเรื่องเวสสันดรชาดก อันเป็นพระชาติสุดท้ายขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งได้ทรงบำเพ็ญบารมีธรรมครบทั้ง ๑๐ บารมี จึงเป็น มหาชาติ คือชาติที่ยิ่งใหญ่ งานบุญพิธีจึงยิ่งใหญ่ตามกันไปด้วย อุบาสก อุบาสิกา มัคทายกวัดนิยมร่วมกันจัดให้มีขึ้นเป็นพิเศษ ส่วนมากจะตั้งใจจัดให้เป็นการหาทุนทรัพย์เข้าวัดครั้งสำคัญ แต่จะมียกเว้นไม่เหมือนใครอยู่ในภาคอีสาน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในฮีตสิบสองต้องปฏิบัติ จะนิยมทำกันในเดือน ๔ เรียกว่า "งานบุญผะเหวด” ซึ่งเป็นช่วงที่เสร็จถัดไปจากการทำบุญคูนลาน หรือบุญเอาข้าวเข้ายุ้ง นั้นเอง
 
 
 
     ประเพณีทอดผ้าป่า การทอดผ้าป่า เป็นประเพณีและเป็นมรดกตกทอดมาแต่สมัยพุทธกาลเมื่อครั้งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้ภิกษุรับผ้าจากคฤหัสถ์ ให้ใช้แต่ผ้าบังสุกุล (ผ้าเปื้อนฝุ่น) เท่านั้น ชาวบ้านมักเรียกว่า ผ้าป่า เนื่องจากเป็นผ้าที่ไม่มีเจ้าของ ทิ้งอยู่ตามที่ต่างๆ ตามกองขยะ หรือพันห่อศพไว้ และต้องนำมาซัก เย็บ ย้อมเป็นสบง จีวรหรือสังฆาฏิ นับเป็นความยากลำบากแก่ภิกษุสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง ชาวบ้านที่มีศรัทธาเห็นความยากลำบากของพระจึงหาทางช่วย โดยนำผ้าไปทิ้งไว้ตามทางที่พระท่านผ่านไปมาเป็นประจำ หรือทิ้งตามกองขยะ หรือนำไปห่อศพไว้ เพราะถ้าไม่ทำเช่นนี้พระภิกษุจะไม่ยอมรับผ้านั้น จึงมีผู้นิยมทำตามกันมาจนเป็นประเพณี
 
     ฤดูของการทอดผ้าป่า จริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีการกำหนดกฏเกณฑ์ใดๆ สุดแต่ชาวบ้านจะศรัทธาเลื่อมใส ส่วนใหญ่มักจะทำในระยะจวนจะออกพรรษาหรือช่วงออกพรรษาแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็จะนิยมทำรวมกันกับขบวนกฐิน คือ เมื่อทอดกฐิน เสร็จแล้ว ก็ทอดผ้าป่าหรือทอดไปตามรายทางที่ไปทอดกฐินนับเป็นหลายสิบวัดรวมๆ กันทีเดียวก็ได้
 
     จากทั้งหมดนี้จึงสามารถสรุปได้ว่า ในวันออกพรรษานี้ พุทธศาสนิกชนไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะกระทำการบำเพ็ญกุศลเป็นพิเศษ เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียนไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา และสิ่งที่ชาวพุทธนิยมจัดทำไปใส่บาตรในวันนี้จนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะงานก็คือ ข้าวต้มลูกโยน นั้นเอง
 
     และไม่เพียงเท่านั้น เนื่องจากช่วงเวลาออกพรรษา ยังเป็นช่วงเวลาที่เสมือนการปิดภาคการศึกษา สิ้นสุดการที่พระภิกษุ และ สามเณร จะไปไหนไม่ได้ในช่วงค่ำคืน ต้องขยันหมั่นเพียรเรียนอรรถแปลบาลีทั้งหลาย ดังนั้น จึงเปรียบเสมือนเชือกที่ถูกบิดเป็นเกลียวแน่นเขม็ง ถึงเวลาคลายออกก็จะมีกำลังเหวี่ยงแรงสักหน่อย ช่วงโอกาสนี้ในแต่ละวัด ในแต่ละชุมชน จึงจะพร้อมใจกันจัดงานเฉลิมฉลองในลักษณะต่างๆ ขึ้นอย่างพร้อมเพรียงโดยมิได้นัดหมาย ช่วยกันทำให้ช่วงเวลาออกพรรษา กลายเป็นช่วงเวลาที่มีการจัดงานเทศกาลประเพณีมากที่สุดในรอบปี
 
     และไม่เพียงแต่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น แม้ในบรรดาประเทศแถบอุษาคเนย์ที่ยังคงมีพระพุทธศาสนาเป็นหลักอยู่ในประเทศ เช่น ประเทศเมียนมา ประเทศสปป.ลาว ประเทศกัมพูชา ก็จะมีช่วงเวลาแห่งการจัดงานเทศกาลประเพณีเป็นพิเศษ เช่นนี้ คล้ายคลึงกับประเทศไทยเช่นกัน
 
     ไทใหญ่ จุดประทีปโคมไฟ ปอยเหลินสิบเอ็ด และออกหว่า
     ชาวไต หรือชาวไทใหญ่ จะมีอยู่จำนวนมากในประเทศไทยที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ประชากรมากกว่า ๗๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นชาวเชื้อสายไทใหญ่นั้น จะมีการจัดงานในเทศกาลออกพรรษาที่แปลกตาเป็นพิเศษกว่าที่อื่นๆ ชาวเมืองแม่ฮ่องสอนเรียกชื่องานประเพณีนี้อย่างง่ายๆ ว่า ปอยเหลินสิบเอ็ด หรือ ปอยเดือนสิบเอ็ด เป็นงานประเพณีเดียวของประเทศไทยที่มีช่วงระยะเวลาการจัดงานยาวที่สุดคือ ตลอด ๑ เดือนเต็มๆ เลยทีเดียว
 
     และจุดเด่นที่สุดของงานประเพณีนี้ คือ มีขบวนแห่จองพารา หรือ ปราสาทกระดาษที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ซึ่งจะแห่กันในช่วงกลางคืน และมีการฟ้อนรูปสัตว์ โต หรือ จามรี นกกิงกาหล่า หรือ กินรี กินรา กาเบ้อ หรือผีเสื้อ ไปพร้อมกับขบวนแห่ ส่วนในช่วงกลางวันพิธีกรรมจะเน้นเรื่องราว การเสด็จนิวัติสู่โลกมนุษย์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวไต หรือ ชาวไทใหญ่จะพร้อมใจกันจัดทำ จองเข่งต่างส่างปุ๊ด หรือ จองพารา แปลว่า ซุ้มปราสาทรับเสด็จ ซึ่งทำจากโครงไม้ไผ่ ประดับลวดลายด้วยกระดาษสาสีต่างๆ บรรจุหน่อกล้วย อ้อย และโคมไฟ ตกแต่งสวยงาม สมมุติเป็นปราสาทรับเสด็จพระพุทธองค์ จากนั้นก็จะยกจองพาราขึ้นไว้นอกชายคา นอกรั้ว หรือบริเวณกลางลาน ทั้งที่บ้านและที่วัด
 
     ช่วงท้ายๆ ของประเพณีปอยเหลินสิบเอ็ด ก่อนวันแรม ๘ ค่ำ จะมีงาน "หลู่เตนเหง” หรือการถวายเทียนพันเล่ม จนมาถึงวันแรม ๘ ค่ำ หรือวันกอยจ้อด เป็นวันสุดท้ายของเทศกาลจะมีพิธี "ถวายไม้เกี๊ยะ” โดยนำฟืนจากไม้เกี๊ยะ (สนภูเขา) มามัดรวมกันเป็นต้นสูงประมาณไม่ต่ำกว่า ๒.๕ เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณไม่ต่ำกว่า ๓๐ เซนติเมตร แล้วนำเข้าขบวนแห่ จุดเด่นของงานวันนี้อยู่ที่การประกวดศิลปะและวัฒนธรรมไทใหญ่ เช่น การประกวดนางสาวไต ประกวดชุดไต ประกวดฟ้อนดาบและ ประกวดจองพารา เป็นต้น ขณะที่ตามถนนหนทางและบ้านเรือนจะพร้อมใจกันเล่นฟ้อนรำรูปสัตว์ต่างๆ จากความเชื่อว่าสัตว์โลกและสัตว์หิมพานต์จะพากันออกมาแสดงความชื่นชม ยินดี ออกมาร่ายรำเป็นพุทธบูชารับเสด็จ
 
      อีกแห่งหนึ่ง ที่เมืองแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่นี่แม้จะมีชาวไทใหญ่เป็นคนส่วนใหญ่ของเมืองเหมือนกับแม่ฮ่องสอน แต่ด้วยความที่เมืองอยู่ห่างจากแม่ฮ่องสอนนับร้อยกิโลเมตร และมีภูเขากั้นขวางมากมายทำให้การไปมาหาสู่กันยากลำบาก จึงทำให้งานเทศกาลออกพรรษาของที่นี่มีความแตกต่างออกไป
 
     คำว่า "ออกหว่า” หมายถึง การออกจากฤดูฝน เป็นงานประเพณีออกพรรษาตามความเชื่อเฉพาะของชาวอำเภอแม่สะเรียงโดยงานจะเน้นที่ "การตักบาตรตีสี่” บริเวณหน้าบ้านของตนเอง ตลอดทั้ง ๓ วันเทศกาล และจะตักบาตรอาหารสดในวันแรก เนื่องจากชาวอำเภอแม่สะเรียงเชื่อว่า การตักบาตรที่หน้าบ้านของตนเองจะเป็นสิริมงคลต่อบ้านและคนในครอบครัว นอกจากนั้นยังมีการจัดทำโคมและซุ้มราชวัติตกแต่งบ้านเรือน ตลอดจนมีขบวนแห่เทียนเหง หรือเทียนพันเล่ม ซึ่งประกอบด้วยขบวนแห่ต้นโคม เครื่องไทยทาน และการแสดงศิลปะรำฟ้อนต่างๆ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองการกลับจากสวรรค์ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า เช่นเดียวกัน
 
 
 
     อีสานริมโขง เรือไฟ บั้งไฟ ผาสาด
     เรือไฟ ในภาคอีสาน มีความหมายทั้งการนำพาเอาเคราะห์ร้ายออกไป และการนำเครื่องบูชาออกไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ แต่ทั้งสองประการที่กล่าวถึงนี้ ต่างใช้ช่วงเทศกาลออกพรรษาเป็นฤกษ์ดี และใช้สายน้ำในการนำพาไปสู่เป้าหมายทั้งสองรายการ
 
     ประเพณีไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม เป็นพิธีกรรมทางพุทธศาสนา จัดในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ คือ วันออกพรรษา เป็นประเพณีโบราณของชาวอีสาน โดยเฉพาะผู้อยู่อาศัยในแถบลุ่มแม่น้ำโขง โดยมาจากคติความเชื่อว่า เป็นการลอยเครื่องสักการะไปกับเรือไฟเพื่อบูชารอยพระพุทธบาท ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที ในชมพูทวีปไกลโพ้น
 
     ในวันนี้ งานประเพณีไหลเรือไฟ จังหวัดนครพนม เป็นงานใหญ่ระดับประเทศที่ เรือไฟ แต่ละลำมีโครงสร้างมหึมา มีการประกวดประขันกันตกแต่งออกแบบไฟประดับไฟแก่เรือลำใหญ่ให้สวยงามอลังการด้วยกระป๋องไฟนับพันนับหมื่นดวง ทั้งยังมีการยิง พลุ ตะไล ไฟพะเนียง เป็นเทคนิคพิเศษออกจากเรือไฟได้อย่างสวยงามตระการตา สว่างไสวไปทั่วทั้งท้องน้ำหน้าเมืองนครพนม
 
     การลอยเรือไฟ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา เช่นเดียวกับเมืองนครพนมนี้ ยังมีเหมือนกันในอีกหลากหลายพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง โดยเฉพาะที่เมืองหลายเมืองริมฝั่งแม่น้ำโขงฟากประเทศ สปป. ลาว เมืองหลวงพระบาง เมืองเวียงจันทน์ก็มีการลอยเรือไฟ ด้วยคติเช่นเดียวกันนี้ไม่แตกต่างกัน เรือไฟ ของประชาชนใน สปป.ลาว ยังมีเรือไฟโคก คือ เรือไฟบนบก และมี เรือไฟน้อย ส่วนบุคคล ซึ่งจัดทำรูปร่างใกล้เคียงกับกระทงในเทศกาลลอยกระทงของภาคกลางภาคเหนือประเทศไทยอีกด้วย
 
     ที่เมืองเชียงคาน จังหวัดเลย ในเทศกาลนี้ ก็มีกระบวนการ ลอยเรือไฟ เช่นกัน หากแต่ความไม่เหมือนกันคือ สิ่งที่ลอยเรียกว่า ผาสาด เป็น ปราสาท ไม่ใช่เรือ และความหมายในการประดับไฟ คือ ธูปและเทียน ก็แตกต่างจากไหลเรือไฟ นครพนม และ ไหลเรือไฟที่อื่นๆ เพราะนอกจากผาสาดนี้จะมีดอกไม้ธูปเทียนแล้ว ยังจะมี ผม หรือ เล็บ ของผู้ลอยใส่ลงไปในผาสาดด้วย ดังนั้นการลอยผาสาดออกไป จึงมิใช่เป็นการลอยไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว หากแต่เป็นการอธิษฐานขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้นำเคราะห์ร้าย หรือ ทุกข์โศกโรคภัยทิ้งออกไปให้ไกลจากตัวผู้ลอยนั้นเอง
 
     บั้งไฟพญานาค ไม่ใช่ทั้งเรือไฟและผาสาด หากแต่เป็นดวงไฟสว่าง ซึ่งพวยพุ่งขึ้นจากลำแม่น้ำโขงพุ่งตรงดิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า ในเขตจังหวัดริมแม่น้ำโขงไล่เรียงตั้งแต่เมืองเลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ จนถึงอุบลราชธานี และจะมีกำหนดพุ่งขึ้นไปอย่างแน่นอนในโอกาสเทศกาลออกพรรษา ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ พอดี
 
     ตำนานเก่าเล่าว่า พญานาคครอบครองนครบาดาล ครั้นพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสหมายใจจะขอบวช แต่ไม่สามารถบวชได้ เนื่องจากยังเป็นสัตว์เดรัจฉาน พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และเสด็จกลับยังโลกมนุษย์ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ พญานาค ซึ่งอยู่เมืองบาดาล จึงบันดาลให้เกิดบั้งไฟพญานาค พุ่งขึ้นเป็นการแสดงความชื่นชมยินดีต่อการเสด็จนิวัตกลับสู่มนุษยโลกขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
 
     ส่วนเรื่องราวใหม่ๆ ในเทศกาลนี้ก็มีอยู่อย่างหลากหลาย ทั้งกล่าวว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของก๊าซในแม่น้ำโขง เป็นการกระทำโดยมนุษย์ด้วยกันเองด้วยเจตนาเร้นลับบางอย่าง ทั้งหมดนี้ ก็ยังเป็นเรื่องที่จะต้องแสวงหาความจริงกันต่อไป แต่ที่แน่ๆ เทศกาลบั้งไฟพญานาค ได้จัดเป็นงานเทศกาลประเพณีหนึ่งของจังหวัดหนองคายไปแล้ว
 
     แห่ปราสาทผึ้ง และ แห่กระธูปออกพรรษาเหมือนกัน แต่จุดหลักต่างกัน
     ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร มีจุดสำคัญอยู่ที่การจัดสร้างปราสาทจากขี้ผึ้งขึ้นอย่างสวยงามและยิ่งใหญ่ ด้วยจุดมุ่งหมายให้เป็นปราสาทเพื่อรับเสด็จการกลับมาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือเป็นประเพณีงานบุญสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสกลนคร ตัวปราสาทขี้ผึ้งที่เป็นศูนย์กลางของงานนี้ ได้มีการพัฒนารูปแบบการสร้างซึ่งมีพื้นฐานมาจากการจัดทำหอผึ้งในสมัยก่อนให้มีความวิจิตรตระการและสวยงามมากขึ้น และสิ่งอื่นๆ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในเทศกาลประเพณีอันยิ่งใหญ่นี้ ก็คือความเป็นตัวของตัวเองของจังหวัดสกลนครอีกหลากหลายสิ่ง นั้นเอง
 
     และใกล้เคียงมากกับงานแห่ปราสาทผึ้ง จังหวัดสกลนคร ที่อำเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ ก็เปลี่ยนจากขี้ผึ้ง ที่นำไปถวายวัดเพื่อจัดทำเทียน มาเป็นกระดาษที่นำไปถวายวัดเพื่อจัดทำธูป ซึ่งเป็นเครื่องใช้จำเป็นของพระสงฆ์ เช่นเดียวกัน พร้อมๆ กันก็ยังมีฝีมือจัดทำปราสาทด้วยธูปสีต่างๆ ให้เป็นปราสาทไว้รอต้อนรับการเสด็จกลับของพระพุทธองค์ดังเรื่องราวในตำนานโบราณของเทศกาลออกพรรษาอีกด้วย
 
     ทั้งปราสาทผึ้ง และปราสาทกระธูป เป็นอีกแนวทางหนึ่งของงานเทศกาลประเพณีที่จัดขึ้นเนื่องในเทศกาลออกพรรษาโดยการนำเอาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ซึ่งเป็นเครื่องประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเฉพาะถิ่น ขึ้นมาขยายเป็นจุดเด่นของงาน จนทำให้ปรากฏชัดแก่สาธารณะทำให้พิธีกรรมทางศาสนาแปรเปลี่ยนไปกลายเป็นจุดรองของภาพรวมงานเทศกาลทั้งหมด ซึ่งในปัจจุบันมีงานเทศกาลประเพณีออกพรรษาเช่นนี้อยู่ไม่ใช่น้อยด้วยกัน
 
 
 
     แห่พระ แข่งเรือ ออกพรรษา หน้าน้ำของชาวลุ่มเจ้าพระยา แม่น้ำเจ้าพระยา
     เกิดขึ้นจากแม่น้ำสี่สายในภาคเหนือ คือ แม่น้ำปิง วัง ยม และ น่าน สายน้ำทั้งห้าสายนี้คือกระดูกสันหลังแกนกลางของประเทศไทย การทำมาหากินของคนไทย นับแต่อดีตจนปัจจุบันผูกพันกับสายน้ำทั้งห้าสายนี้อย่างแนบแน่น และงานเทศกาลประเพณีของพื้นที่ต่างๆ จึงมีความผูกพันใกล้ชิดกับสายน้ำ และคงดำรงอยู่ แม้ชีวิตการเดินทางในวันนี้จะมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางถนนสายต่างๆ เป็นหลักแล้วก็ตาม
 
     ประเพณีแข่งเรือ เป็นประเพณีหน้าน้ำของคนไทย เป็นการละเล่นในยามน้ำหลากที่สืบทอดมาแต่โบราณ และการมาของน้ำหลากก็มักจะมาในช่วงฤดูฝน ครั้นปลายฝนต้นหนาว น้ำเริ่มไหลช้าลงจนพอที่จะขวางเรือกับสายน้ำหันเหได้ตามใจ ก็เป็นช่วงเทศกาลออกพรรษาพอดี ดังนั้น อุบาสก อุบาสิกา มรรคทายกวัดจึงตั้งใจจัดให้สองความสำคัญนี้เข้ามาอยู่ร่วมรวมในงานเทศกาลประเพณีเดียวกัน ส่วนการคลี่คลายของชื่องานจะเป็นชื่ออะไรก็สุดแล้วแต่คณะผู้จัดงานจะตั้งชื่อกันไปตามความเหมาะสม ประเพณีแข่งเรือจังหวัดพิจิตร แห่งลุ่มน้ำยม ประเพณีแข่งเรือเมืองน่านที่มีเรือหัวนาคราชเป็นเอกลักษณ์ ของลุ่มน้ำน่าน ต่างเป็นตัวอย่างสำคัญของสองลุ่มน้ำดังว่านี้ ส่วนประเพณีโยนบัว บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ และประเพณี แห่พระแข่งเรือ ในอีกหลากหลายลุ่มน้ำในภาคกลางก็ล้วนเป็นสิ่งซึ่งแสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงการดำรงอยู่ร่วมกันของ การแห่พระ และการแข่งเรือ ในเทศกาลออกพรรษา ของลุ่มน้ำเจ้าพระยา และ ปิง วัง ยม น่าน กระดูกสันหลังหลักของประเทศไทยในวันนี้
 
     ภาคใต้ ลากพระบก ชักพระน้ำและเอกลักษณ์แข่งเรือ ขึ้นโขน ชิงธง
     การเกิดประเพณีลากพระ และชักพระขึ้นในภาคใต้ นอกจากจะสืบเนื่องด้วยพุทธตำนาน เช่นเดียวกับเทศกาลออกพรรษาในภูมิภาคอื่นๆ แล้ว ยังสันนิษฐานว่า น่าจะมี คตินิยมดั้งเดิมอย่างอื่นเป็นพื้นฐานอยู่ด้วย กล่าวคือ ในเดือน ๑๑ นั้น พื้นที่ภาคใต้ เข้าสู่ฤดูฝนช้ากว่าภูมิภาคอื่นๆ ประชาชนส่วนมากประกอบอาชีพการเกษตร สิ่งปรารถนาที่พ้องกัน จึงได้แก่การขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล งานลากพระ จึงมุ่งขอฝน เพื่อการเกษตร จนเกิดเป็นคติความเชื่อว่า การลากพระจะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล
 
     ประเพณีลากพระของชาวภาคใต้มีอยู่ ๒ ประการ คือ ลากพระทางบก กับ ชักพระทางน้ำ ลากพระทางบก คือการอัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ซึ่งเป็นปางพระพุทธรูปสำหรับการขอฝนโดยเฉพาะขึ้นประดิษฐาน บนพนมพระ หรือบุษบก แล้วแห่แหน โดยการลากไปบนบก วัดส่วนใหญ่ ที่ดำเนินการประเพณีลากพระวิธีนี้ มักตั้งอยู่ในที่ไกลแม่น้ำลำคลอง
 
     ส่วนชักพระทางน้ำ เป็นการอัญเชิญพระพุทธรูปปางอุ้มบาตรขึ้นประดิษฐาน บนบุษบก ในเรือ แล้วแห่แหนโดยการชักลากเรือที่ตกแต่งตามแบบประเพณีท้องถิ่นให้สวยงามแล้วลากเรือพระไปทางน้ำ ประเพณีลากพระที่มักกระทำด้วยวิธีนี้เป็นของวัด ที่ส่วนใหญ่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง
 
     ก่อนถึงวันชักลากพระคือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จะมี "การคุมพระ” ที่วัด การคุมพระ คือการตีตะโพนประโคมก่อนจะถึงวันลากพระประมาณ ๑๐ - ๑๕ วัน เพื่อเป็นการเตือนให้ชาวบ้าน ทราบว่า จะมีการลากพระ เพื่อปลุกใจชาวบ้านให้กระตือรือร้นร่วมพิธีชักลากพระ การคุมพระนี้เองที่จะเป็นต้นเหตุให้เกิดการ แข่งขันประชันโพน กลายเป็นประเพณี แข่งโพนลากพระ จังหวัดพัทลุง และการชักพระ ลากพระ ก็กลายเป็นประเพณีสำคัญในเทศกาลออกพรรษาต่อไปในหลายๆ พื้นที่ภาคใต้ นั้นเอง


 
     นอกจากประเพณีการลากพระบก ชักพระน้ำแล้ว ในภาคใต้ที่จังหวัดชุมพร ยังมีกรณีพิเศษไม่เหมือนที่ไหนจนงานประเพณีมีชื่อเสียงขึ้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนที่อื่นๆ แต่ก็เป็นงาน เทศกาลประเพณีที่มีที่มาหลักคือ เทศกาลออกพรรษา เช่นเดียวกัน คือ งานประเพณีแข่งเรือ ขึ้นโขนชิงธง แม่น้ำหลังสวน จังหวัดชุมพร นั้นเอง
 
     สุดท้าย ประเพณีการลากพระน้ำ ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ก็คือประเพณีการลากเรือพระทางน้ำของประเทศเพื่อนบ้านอุษาคเนย์ นั่นคือ ประเพณีแห่พระพุทธรูปบัวเข็ม พระพองต่ออู ของพี่น้องชาวอินทา ทะเลสาบอินเล รัฐฉาน สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนม่า ดินแดนที่ชาวบ้านในทะเลสาบพายเรือกันด้วยการใช้เท้านั้นเอง งานนี้เป็นงานในเทศกาลออกพรรษาของชาวพุทธในเมียนมา ซึ่งมีภาพหลักคือการนำองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ลงประดิษฐานในเรือการเวกที่ตกแต่งประดับประดาอย่างเมียนมาที่สวยงามอลังการยิ่ง แล้วแต่ละวันก็จะลากเรือพระออกไปประดิษฐานให้ชาวบ้านในทะเลสาบทั้งหลาย ณ วัดในพื้นที่ต่างๆ รอบทะเลสาบได้กราบไหว้บูชา และเรือพระ เมื่อจอดลงที่วัดแห่งใดแห่งหนึ่งริมทะเลสาบแล้วตามวันที่กำหนด ก็จะได้เวลานำออกแห่แหนไปที่วัดอื่นๆ ริมทะเลสาบต่อไปอีก จนครบถ้วน ๑ เดือนแห่งเทศกาลแห่พระ ก็จะจบสิ้นพิธีกรรมนั้นเองอย่างสวยงาม
 
     จากทั้งหมดที่เล่าให้ฟังมาแล้วมากมาย ข้อสรุปจึงอยู่ที่ว่า เทศกาลออกพรรษา ก็คือช่วงเวลาทางพุทธศาสนา ที่ชาวไทยและชาวอุษาคเนย์ได้ช่วยกันใช้ให้เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองให้แก่การเข้าพรรรษา ที่พระภิกษุและสามเณรทั้งหลายต้องหยุดยั้งการเดินทางจาริกไปยังที่ต่างๆ และหันกลับเข้าวัดมุ่งหน้าศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างมุ่งมั่นเคร่งครัด และรวมทั้งเมื่อมีการจัดงานบุญเฉลิมฉลองแล้ว ก็ควรมีสิ่งซึ่งจะเป็นสารัตถประโยชน์แก่ชุมชนต่างๆ อย่างหลากหลาย เช่น ในด้านธรรมศึกษา ด้านความบันเทิง การสืบสานวัฒนธรรมประเพณี รวมทั้ง เรื่องใหม่เรื่องล่าที่มาแรงที่สุดก็คือ การท่องเที่ยวด้วย และทั้งหมดนี้ก็คือ เทศกาลออกพรรษา ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองของคนไทย และชาวพุทธอุษาคเนย์ทั้งหลายนั้นเอง 


เทศกาลออกพรรษา ช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง เรื่อง : อภินันท์ บัวหภักดี
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
 
 

ทุ่งสง ลากพระ ประจำปี ๒๕๖๖

อบจ.นครศรีธรรมราช ร่วมกับอำเภอทุ่งสง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอทุ่งสง ขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว เที่ยวงาน #โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวอำเภอทุ่งสง "ลากพระ ประจำปี ๒๕๖๖" ๓๐ ตุลาคม - ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ณ หน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช
กิจกรรมในงาน
 พิธีเปิดงาน ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๖
 ร้านสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน/ผลิตภัณฑ์ OTOP
 การประกวดนางสาวทุ่งสง
 ประกวดแม่หม้าย
 กิจกรรมศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น อาทิ การแทงต้ม การแข่งขันรำวงเวียนครก การแสดงขับร้องบทเพลงพระราชนิพนธ์ 
การแสดงคอนเสิร์ตและจากการแสดงบนเวที ฯลฯ 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด