นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้รายงานข้อสรุปผลการตรวจราชการ รอบ 6 เดือนแรก ซึ่งมีผลการดำเนินงานก้าวหน้าในหลายเรื่อง อาทิ ประเด็น Health for Wealth หรือการนำสุขภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้สนับสนุนการพัฒนามาตรฐานสถานประกอบการด้านสุขภาพ 910 แห่ง และ wellness center 320 แห่ง มีเส้นทางท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในทุกเขตสุขภาพรวมกว่า 80 แห่ง ส่วนกลุ่มผู้ผลิตฐานราก วิสาหกิจชุมชน SME ได้รับการสนับสนุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพเพิ่มขึ้นถึง ร้อยละ 64.3 ซึ่งทั้งหมดสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่กัญชาทางการแพทย์ มีการใช้ในผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 178.95 และในผู้ป่วยระยะประคับประคอง (Palliative care) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.02 ทั้งนี้ ทุกเขตสุขภาพยังมีการทำงานวิจัยและการจัดการด้านความรู้กัญชาทางการแพทย์ควบคู่กัน ซึ่งจะช่วยให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดด้วย
ในด้านสุขภาพกลุ่มวัยและการยกระดับบริการผู้สูงอายุ สามารถคัดกรองการพัฒนาการล่าช้าในกลุ่มเด็กปฐมวัยและส่งเข้ารับการกระตุ้นจนมีพัฒนาการสมวัย ได้สูงกว่าค่าเป้าหมาย เช่นเดียวกับกลุ่มวัยทำงาน ที่ผู้ที่มีปัญหาซึมเศร้า สามารถเข้าถึงบริการสุขภาพจิตได้ถึงร้อยละ 92.28 ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุ ได้รับการคัดกรองความถดถอย 9 ด้านตามเป้าหมาย โดยพบปัญหา 3 อันดับแรก ได้แก่ ด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย 14.02% ด้านสุขภาพช่องปาก 12.20% และการมองเห็น 12.09% ซึ่งจะได้รับการดูแลจากคลินิกผู้สูงอายุที่ขณะนี้ดำเนินการครอบคลุมในรพ.ทุกระดับแล้ว ร้อยละ 65 และจะดำเนินการครบทุกแห่งภายในเดือนกันยายน 2566 นอกจากนี้ ทุกเขตสุขภาพได้เร่งสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงความสำคัญของระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้อย่างไร้รอยต่อ สอดรับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการ อาทิ ระบบ Telemedicine, AI Screening เป็นต้น