โรคพิษสุนัขบ้าในคน
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่เกิดในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมทุกชนิด เกิดจากเชื้อไวรัส อยู่ในสกุล Rhabdoviridae , Genus Lyssavirus ไม่ทนทานต่อบรรยากาศแวดล้อม เชื้อจะถูกทำลายง่ายด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
การกระจายของโรค
พบได้ทั่วโลกพบมากในทวีป เอเชีย แอฟริกา ลาตินอเมริกา จากรายงานขององค์การอนามัยโลก พบว่ามีผู้เสียชีวิตด้วยโรคพิษสุนัขบ้าทั่วโลกในปี 2541 ประมาณ 35,000 - 50,000 ราย
สาเหตุการติดเชื้อ
ส่วนใหญ่จะมีสาเหตุมาจากสุนัขโดยการถูกสุนัขกัด, ข่วน หรือเลียบริเวณเยื่อเมือก( เช่นริมฝีปาก, เยื่อตา ) โดยเชื้อไวรัสในน้ำลายสัตว์ผ่านเข้าทางบาดแผลหรือเยื่อเมือกของผู้สัมผัส
ระยะฟักตัวของเชื้อในคน
จากการสำรวจในประเทศไทย ในปี 2522 –2528 พบว่า 87% มีระยะฟักตัวของโรค 3 เดือน 71% มีระยะฟักตัวของโรค 1 เดือน แต่ทุกรายมีระยะฟักตัวของโรคไม่เกิน 1 ปี แต่ยังขึ้นกับปัจจัยดังนี้
1. อวัยวะที่ถูกกัด
2. ความรุนแรงของแผลที่ถูกกัด
3. ชนิดของสัตว์ที่กัด
4. ปริมาณของเชื้อไวรัสที่เข้าไปในบาดแผล
5. วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการรักษาหลังสัตว์กัด
การติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าในคนและสัตว์ แบ่งเป็น 3 ระยะ
1. ระยะที่เชื้อเดินทางจากตำแหน่งที่เข้าไปยังระบบประสาท
2. ระยะเชื้อเพิ่มจำนวนในระบบประสาทส่วนกลาง
3. ระยะที่เชื้อเดินทางจากระบบประสาทส่วนกลางออกสู่อวัยวะอื่น
จากการสำรวจผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทยปี พ.ศ. 2543 พบว่า
- การเกิดโรคในเพศชาย มากกว่าเพศหญิง
- ส่วนใหญ่ถูกสุนัขที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด
- ส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหลังรับเชื้อ
- กลุ่มอายุที่พบมากจะอยู่ระหว่าง 5 - 9 ปี
การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในคน
องค์การอนามัยโลกได้มีการกำหนดให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กลุ่มคนที่มีอัตราเสี่ยงต่อการติดเชื้อพิษสุนัขบ้าดังนี้
1. กลุ่มที่เสี่ยงมากต่อการติดเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ได้แก่ ผู้ปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการวิจัยเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า กลุ่มดังกล่าวนี้จำเป็นต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
2. กลุ่มที่มีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้าปานกลาง เช่น เจ้าหน้าที่ชันสูตรโรคพิษสุนัขบ้า สัตวแพทย์ นักสัตววิทยา ผู้ปฏิบัติงานควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าในภาคสนาม ผู้พิทักษ์สัตว์ป่า ผู้มีอาชีพเลี้ยงสัตว์(โดยเฉพาะสุนัข แมว และสัตว์ป่า) และรวมถึงบุคลากรในสถานบริการสาธารณสุข
วัคซีนที่ใช้ป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในประเทศไทย
- วัคซีนที่เตรียมจากเซลล์เพาะเลี้ยง มี 3 ชนิด
1. Human Diploid Cell Rabies Vaccine หรือ HDCV
2. Purified Chick Embryo Cell Rabies Vaccine หรือ PCEC
3. Purified Vero Cell Rabies Vaccine หรือPVRV
- วัคซีนที่เตรียมจากไข่เป็ดฟัก
1. Purified Duck Embryo Cell Rabies Vaccine หรือ PDEV
การใช้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในคน
การใช้วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
โปรแกรมการฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้า (Pre-Exposure Immunization) องค์การอนามัยโลกกำหนดโปรแกรมการฉีดวัคซีนป้องกันล่วงหน้าโดยฉีด 3 ครั้ง ในวันที่ 0 7 และ 21 หรือ 28 หลังจากนั้นฉีดกระตุ้นเมื่อสัมผัสเชื้ออีก 1 หรือ 2 เข็ม แต่ถ้าม่มีประวัติสัมผัสแต่ต้องทำงานสัมผัสกับเชื้อตลอดเวลาอาจฉีดกระตุ้นทุก 3 – 5 ปี
โปรแกรมการฉีดวัคซีนป้องกันหลังจากสัมผัสกับโรค (Post-Exposure Immunization)
องค์การอนามัยโลกกำหนดแนวทางการพิจารณารักษาผู้ที่สัมผัสกับโรคพิษสุนัขบ้าไว้ดังนี้
กลุ่ม/ชนิดของการสัมผัส/การรักษา
กลุ่ม 1
ชนิดของการสัมผัส
1.1 ถูกต้องตัวสัตว์ หรือป้อนน้ำป้อนอาหารผิวหนังไม่มีแผลหรือรอยถลอก
1.2 ถูกเลีย สัมผัสน้ำลายหรือเลือดสัตว์ผิวหนังไม่มีแผลหรือรอยถลอก
การรักษา
ล้างบริเวณสัมผัส ไม่ต้องฉีดวัคซีน
กลุ่ม 2
ชนิดของการสัมผัส
2.1 ถูกงับเป็นรอยช้ำที่ผิวหนัง ไม่มีเลือดออก
2.2 ถูกข่วนที่ผิวหนังไม่มีเลือดออกหรือเลือดออกซิบๆ
2.3 ถูกเลีย น้ำลายถูกผิวหนังที่มีแผล รอยถลก รอยขีดข่วน
การรักษา
ล้าง และรักษาบาดแผล ฉีดวัคซีน (1)
กลุ่ม 3
ชนิดของการสัมผัส
3.1 ถูกกัด ถูกข่วนเป็นแผลเดียวหรือหลายแผลและมีเลือดออก
3.2 ถูกเลีย หรือน้ำลายถูกเยื่อเมือก ตา ปาก
3.3 มีแผลที่ผิวหนังและสัมผัสเนื้อสมองสัตว์และ/หรือชำแหละซากสัตว์
การรักษา
ล้าง และรักษาบาดแผล
ฉีดวัคซีน (1)
อิมมูโนโกลบุลิน (2)
____________________
(1) หยุดฉีดวัคซีนเมื่อสัตว์(เฉพาะสุนัขและแมว)ยังเป็นปกติตลอดเวลากักขังเพื่อดูอาการ 10 วัน
(2) กรณีถูกกัดเป็นแผลที่บริเวณใบหน้า ศีรษะ คอ มือและนิ้วมือ หรือแผลลึก แผลฉีกขาดมากหรือถูกกัดหลายแผลถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสูงและระยะฟักตัวมักสั้น จึงจำเป็นต้องฉีดอิมมูโนโกลบุลิน โดยเร็วที่สุด
โปรแกรมการฉีดวัคซีนป้องกันหลังจากสัมผัสกับโรคในประเทศไทยที่ใช้กันแพร่หลายมีอยู่ 2 แบบ
1. โปรแกรมการฉีดวัคซีนแบบปกติ โดยฉีดวัคซีน 1 โด๊ส ในวันที่ 0, 3, 7, 14 และ 30
2. โปรแกรมการฉีดแบบประหยัด ใช้ได้กับวัคซีนPVRV โดยฉีด 2 จุดในวันที่ 0, 3, 7 จากนั้นฉีด 1 จุด ในวันที่ 30 และ 90
____________________
ที่มา : กองสัตวแพทย์สาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร
สรุปจากบทความ แนวทางการป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าในคน โดย ชาญณรงค์ มิตรมูลพิทักษ์ และวีระ เทพสุเมธานนท์
วารสารสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 ประจำเดือน กรกฎาคม – กันยายน 2544
ที่มาข้อมูล
สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ