มีงานวิจัยและบทความ ให้ข้อมูลน่าสนใจว่า มีบางพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ที่เร่งให้เกิดริ้วรอย ดูมีอายุ เกินกว่าวัย โดยที่เราอาจไม่รู้ตัว และบางพฤติกรรมไม่เพียงแค่กับรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังมีผลต่อสุขภาพภายในและองค์รวมอีกด้วย
พฤติกรรมอะไรที่ส่งผลอย่างนั้น ไปศึกษากัน
1.นอนตะแคง เหตุของริ้วรอย
คนวัยผู้ใหญ่มักไม่ค่อยคำนึงเท่าไหร่เกี่ยวกับท่วงท่าการนอน ทั้งที่ความจริงแล้วมีผลอย่างมาก มีรายงานการศึกษา(1) พบว่า การนอนตะแคงจะทำให้เกิดแรงกดบนผิวหน้าระหว่างที่เรา ทำให้ใบหน้ามีอาการบิดเบี้ยวไป แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ความสม่ำเสมอของพฤติกรรมที่เกิดขึ้นทุกคืนๆ เป็นปัจจัย ขณะที่รายงานอีกชิ้น (2) ระบุว่าชัดว่า ท่านอนส่งผลทำให้เกิดแนวเส้นบนผิวหน้า ซึ่งเป็นเหตุสำคัญของริ้วรอย
สังเกตดูว่าถ้าตื่นมาแล้วมีรอยย่น ร่องรอย เส้นหรือริ้วรอย บนใบหน้า นั่นไม่ดีอย่างที่กล่าว การนอนตะแคงจะเป็นการกดใบหน้ากับหมอน และยังเป็นปัญหากับคอและกล้ามเนื้อบริเวณนั้นอีกด้วย(3) คำแนะนำสำหรับที่ตรงไปตรงแต่แก้ปัญหาได้ตรงจุด ก็คือนอนตรงๆ บนแผ่นหลังของคุณนั่นเอง การนอนราบบนแผ่นหลัง น้ำหนักร่างกายจะกระจายไปทั่วตัว ทำให้ผ่อนคลาย หลับได้สบาย ซึ่งนอกจากไม่ก่อให้เกิดปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าแล้ว จะไม่ก่อปัญหากับบริเวณคอด้วยเช่นกัน เพราะคอก็จะไม่บิด น้ำหนักที่ไม่จำเป็นที่จะเกิดและกดลงบนกล้ามเนื้อคอ (รวมถึงบริเวณบ่าและไหล่) ก็จะไม่มาก (หรือไม่มีเลย) เลี่ยงปัญหาคอเคล็ดหรืออาการตกหมอนได้อีกทางหนึ่ง
2.ไม่ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
แสงอัลตร้าไวโอเลต (Ultraviolet - UV) มีผลต่อรูปลักษณ์สูงวัย (Aging) ถึง 80% ซึ่งผลจากการที่ผิวพรรณได้รับแสง UV มากเกินไปนั้น จะมีลักษณะที่เห็นได้ชัดทั้งริ้วรอย ผิวที่แห้งกร้าน หย่อนคล้อย หรือมีจุดเม็ดสีเด่นชัดขึ้น ยังมีการศึกษาที่ระบุว่ามีผลถึงระดับเซลส์ผิวเลยทีเดียว
ครีมกันแดด จึงเป็นคำตอบ ต่อการดูแลผิวพรรณ
มีการรายงานการศึกษา (4)ใน 900 ตัวอย่าง เป็นระยะเวลา 4 ปี พบว่าผู้ที่ใช้ครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติ Broad Spectrum Sunscreen (ชนิดที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB) ในทุกๆ วัน จะทำให้ดูมีอายุช้าลงกว่ากลุ่มที่ใช้เป็นระยะๆ จำนวนถึง 24%
3.บริโภคน้ำตาลมากเกินไป
น้ำตาลเป็นเหตุของการแก่เร็วอย่างแน่นอน ในปี 2013 กลุ่มนักวิจัยทำการศึกษา(5) โดยการพิจาณาจากภาพถ่ายของบุคคล 602 ราย ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่างๆกัน เพื่อเดาว่าแต่ละคนอายุเท่าไหร่ ผลคือผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง จะดูมีอายุมากกว่าคนที่มีระดับต่ำกว่า
น้ำตาลในร่างกายจะทำให้เกิดกระบวนการ glycation ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย
"กระบวนการไกลเคชั่น (Glycation) คือการเกิดการเชื่อมข้ามสายโมเลกุล (cross-linking) ซึ่งเกิดจากการสร้างพันธะทางเคมีระหว่างโปรตีนด้วยกันหรือโปรตีนกับโมเลกุลขนาดใหญ่ทั่วไป เกิดเป็นสารประกอบตัวใหม่ที่แข็งกว่าเดิม มีความยืดหยุ่นน้อย และมีแนวโน้มจะแตกเปราะได้ง่าย ในคนที่มีอายุมาก การเชื่อมข้ามสายโมเลกุลนี้ เป็นผลให้โครงสร้างคอลลาเจน(ภาพด้านซ้าย)ถูกทำลาย กลายเป็นผิวที่ไม่สามารถยืดหยุ่นได้เหมือนเดิม และเกิดรอยเหี่ยวย่นที่ผิว พูดแบบง่ายๆ glycation ก็คือการที่น้ำตาลในเลือดในร่างกายไปทำปฎิกิริยากับโปรตีนทำให้โปรตีนผิดรูป
***การรับประทานของหวานในปริมาณมากเป็นประจำนั้นส่งผลให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก่อให้เกิดปฏิกิริยาไกลเคชั่น และก่อให้เกิดสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า AGEs (Advanced Glycation End-Product) จากการวิจัยพบว่า AGEs เป็นตัวทำลายคอลลาเจนรวมไปถึงใยโปรตีนในผิวหนัง ส่งผลให้เกิดริ้วรอยและมีจุดด่างดำตามมา" (6)
สำหรับสตรี กระบวนการไกลเคชั่นนี้จะชัดเจนขึ้นมาก เมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป (British Journal of Dermatology)
4.นอนหลับอย่างไม่มีคุณภาพ
การนอนหลับคือคุณภาพชีวิตขั้นสุด ที่มีต่อทั้งร่างกายและจิตใจ มีรายงานยืนยันข้อสรุปนี้มากมาย แต่กระนั้นคนส่วนใหญ่กลับไม่ตระหนักในความสำคัญนี้ คนในวัยทำงานชาวอเมริกันถึง 35% บอกว่าตนเองหลับไม่เพียงพอ (7) นั่นคือนอนไม่ถึง 7 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งไม่ถึงมาตรการที่กำหนดไว้ คือ 7-9 ชั่วโมง และนี่คือเหตุของความชรา การศึกษาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (8) ระบุชัดว่า ไม่เพียงจำนวนชั่วการนอนเท่านั้น แต่การนอนต้องมีคุณภาพด้วย
5. รับพลังงานจากอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์มากเกินไป
ชีวิตประจำวันยุคนี้ ทุกอย่างล้วนพึ่งพาระบบออนไลน์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ทั้งสิ้น กว่า 60% ใช้เวลาถึง 6 ชั่วโมงต่อวันกับอุปกรณ์สมัยใหม่เหล่านี้ แต่ทราบหรือไม่ว่าอุปกรณ์เหล่านี้ จะเปล่งแสงสีฟ้า หรือ Blue Light เป็นแสงที่มาในรูปแบบของคลื่นแสงพลังงานสูงที่มีความยาวคลื่นต่ำกว่า 300 นาโนเมตร (ปกติแล้ว ประสาทตาของมนุษย์สามารถสัมผัสความยาวคลื่นอยู่ระหว่าง 400-700 นาโนเมตรเท่านั้น) ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวเรา หลายๆประการ เช่น ทำให้จอประสาทตาเสื่อม (9)
แสงสีฟ้า เป็นต้นเหตุแห่งริ้วรอย ทำให้ใบหน้าหมองคล้ำ เหี่ยวย่น และขาดความชุ่มชื้น และยังก่อให้เกิด สิว ฝ้า กระ โดยไม่รู้ตัว
"แสงสีฟ้าจะลงลึกเข้าไปถึงชั้นผิวหนัง ลึกกว่าแสง UV เสียอีก หากรับแสง 60 นาที จะส่งผลต่อปัญหาผิว ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า แค่ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงหน้าจอคอมพิวเตอร์ เทียบเท่ากับการรับพลังงานจากแสงอาทิตย์นาน 20 นาทีเลยทีเดียว"
ความจริงคือ ในแต่ละวัน เรารับรังสีทั้งสองชนิดเป็นกิจวัตร
นั่นหมายถึง รับพลังทำลายผิว เติมความชราแบบคูณสองให้กับร่างกายกันเลยทีเดียว
บทสรุป
ความชรา เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและกิจวัตร เพื่อชะลอสิ่งที่จะเกิดนั้น ยังมีอยู่และไม่ยากเกินไปที่จะทดลอง เริ่มต้นเสียแต่วันนี้
อ้างอิง
(1) https://academic.oup.com/asj/article/36/8/931/2613967
(2) https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/15370809/
(3) https://www.dermstore.com/blog/health-beauty-benefits-of-sleeping-on-your-back/
(4) https://edition.cnn.com/2013/06/04/health/sunscreen-aging/index.html
(5) High serum glucose levels are associated with a higher perceived age https://link.springer.com/article/10.1007/s11357-011-9339-9
(6) มาทำความรู้จัก Glycation และ AGEs สาเหตุความชรา (ตอนที่1) - Dr.Thitima Health and Skin Care UBON https://www.facebook.com/drthitimaclinic/photos/a.477105309136084/734348250078454/
Glycation - https://www.primotrading.co.th/th/articles-th/glycation/
(7) https://www.sleepadvisor.org/sleep-statistics/#reference
(8) Partial sleep deprivation linked to biological aging in older adults - https://aasm.org/partial-sleep-deprivation-linked-to-biological-aging-in-older-adults/
(9) Blue Light คืออะไร - Aikchol Hospital https://www.facebook.com/Aikcholhospital/posts/744561485704546/
(10) Blue light-induced oxidative stress in live skin https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/28315451/
5 Everyday Habits That Make You Age Faster - Victor Mong
https://victormong.medium.com/5-toxic-everyday-habits-that-make-you-age-faster-3cca112a6c8b
