1. โกหกเป็นประจำ
การโกหกเป็นประจำทำให้สมองต้องทำงานหนักกว่าปกติ จริงๆแล้วสมองของคนเรายิ่งทำงานหนักก็ยิ่งดี แต่คนโกหกที่เป็นประจำ สมองต้องทำงานหนักเป็นพิเศษ ในการที่จะต้องพยายามจำสิ่งที่ได้โกหกเอาไว้ และก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ชัดเจนของการใช้สมองทำงานหนักอย่างไม่สร้างสรรค์ การโกหกเป็นประจำจึงเป็นวิธีหนึ่งที่ทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
2. คิดในทางไม่ถูกต้อง
การใช้สมองคิดในทางที่ไม่ถูกต้อง คือ การทำผิดทำนองคลองธรรม ผิดกระบวนการ ผิดจริยธรรม ผิดจรรยาบรรณ หรือผิดกฎหมาย เช่น การคดโกง การประจบผู้บังคับบัญชา การคอร์รัปชั่น หรือทำผิดกฎหมาย ทำผิดประเพณีปฏิบัติที่ดีงาม โดยที่ไม่ต้องได้รับการลงโทษ สิ่งเหล่านี้ เป็นอีกวิธีหนึ่งในการทำลายประสิทธิภาพการทำงานของสมองของเรา
3. หมกมุ่นอบายมุข
การคิดหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข เช่น การพนัน หวย ฯลฯ ทำให้สมองต้องทำงานหนักทั้งเวลาตื่นและหลับ เพราะเวลาตื่นก็จะหมกมุ่นหาแต่ เลขเด็ด ตีความหมายของการฝันให้เป็นตัวเลข เวลาหลับก็จะฝันแต่เรื่องเป็นตัวเลข พบเห็นสิ่งผิดปกติในธรรมชาติก็จะคิดเป็นตัวเลข การหมกมุ่นกับอบายมุขนั้น ทำลายทั้งประสิทธิภาพการทำงานของสมองและคุณภาพชีวิต
4. เจ้าคิด เจ้าแค้น
คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเป็นประจำ จะมีสภาพเป็นคนหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่ไม่เป็นมงคล สมองจะถูกทำลายเสมือนหนึ่งถูกอาบด้วยยาพิษเป็นประจำ เพราะฉะนั้นจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เป็นการทำลายสมอง
5. เครียด ฟุ้งซ่าน
ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ทำให้สมองต้องทำงานหนักอย่างผิดทาง ทำให้สมองหลั่งสารหรือขาดสารบางอย่างที่หล่อเลี้ยง จึงกระตุ้นให้สมองที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดอาการซึมเศร้าหรือฟุ้งซ่านอย่างหนัก ถึงขั้นขาดสติ ยั้งคิด ทำร้ายตนเองหรือฆ่าตัวตายได้
6. ไม่ยอมคิด
ตรงกันข้ามกับคนที่คิดมากอย่างผิดทาง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงอย่างหนัก คนที่ไม่ยอมคิดอะไรเป็นพิเศษขึ้นมาเลย นอกเหนือไปจากการคิดเพื่อใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ เช่น การกินอาหาร การทำงานตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดเท่านั้น เผินๆ อาจดูคล้ายผู้บรรลุในสัจจะแห่งชีวิต แต่นั่นก็เป็นสาเหตุในการทำลายประสิทธิภาพของสมองอีกทางหนึ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก อ.ส.ม.ท.