อาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ส่วนใหญ่เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบได้ในทุกเพศทุกวัย
แม้ว่าจะเกิดในเพศชายน้อยกว่า แต่หากเกิดแล้ว อาจจะมีความรุนแรงมากกว่ามาก เพราะอาจหมายถึงความผิดปกติ เช่น ต่อมลูกหมากโต, ต่อมลูกหมากอักเสบ, โครงสร้างของทางเดินปัสสาวะผิดปกติ หรือ การเป็นนิ่ว เป็นต้น
กลับมายังคำถามที่สุภาพสตรีหลายท่านกังวล เนื่องจาก
"ตนเองนั้น ปัสสาวะบ่อย" จนอาจจะเข้าใจว่าเป็น
"โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ" แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องหรือไม่
ตรวจสอบข้อมูลจากเอกสารการแพทย์ มีคำตอบดังนี้
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยแพร่บทความ "
โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบในผู้หญิง" ระบุว่า
อาการปัสสาวะบ่อย (มากกว่า 5 ครั้งใน 24 ชั่วโมง) อย่าเข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
แต่อาจมีสาเหตุดังต่อไปนี้
1. ไตขับปัสสาวะมากกว่าปรกติ
จากสาเหตุต่างๆ เช่น ดื่มน้ำมาก รับยาขับปัสสาวะเนื่องจากเป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ส่งผลให้ปัสสาวะที่มากักเก็บในกระเพาะปัสสาวะเต็มเร็ว จึงปัสสาวะบ่อยกว่าปรกติ
2. มีความผิดปรกติที่กระเพาะปัสสาวะ
อาจเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิ
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ พบมากในผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว (อายุ 30-40 ปี) เนื่องจากมีการอักเสบในช่องคลอดบ่อย ๆ มีตกขาวมากกว่าปกติ ทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้ากระเพาะปัสสาวะง่าย
- กระเพาะปัสสาวะเล็ก ขยายตัวไม่ได้ เนื่องจากถูกฉายแสงรักษามะเร็งของปากมดลูก
- เป็นวัณโรคกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ผนังกระเพาะปัสสาวะชั้นกล้ามเนื้อขยายเพื่อเก็บปัสสาวะมากไม่ได้
- มีเนื้องอกขนาดใหญ่ในมดลูก
- หญิงตั้งครรภ์มากกว่า 6 เดือน มดลูกจะกดกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เก็บปัสสาวะได้ไม่มาก จึงทำให้ปัสสาวะบ่อย
- มีสิ่งแปลกปลอมในกระเพาะปัสสาวะ เช่น ก้อนนิ่ว เนื้องอกขนาดใหญ่ อาจทำให้ปัสสาวะบ่อย แต่พบน้อยมากในผู้หญิง
3 มีความผิดปรกติทางจิตใจ
เช่น ภาวะเครียดจากงาน กลัวโรคภัยไข้เจ็บ มีปัญหาครอบครัว
4 ประสาทควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะมีความผิดปรกติ
ทำให้ผนังกล้ามเนื้อทำงาน บีบตัวบ่อย
คำแนะนำการดูแลสุขภาพ
1. พยายามอย่ากลั้นปัสสาวะนานเกิน 6 ชั่วโมงโดยไม่จำเป็น
2. ดื่มน้ำมาก ๆ ประมาณ 6 - 8 แก้ว (ตั้งแต่เช้าถึงเข้านอน)
3. ควรรักษาอาการตกขาวให้หายขาด
4. ถ้าหากมีอาการปัสสาวะบ่อย ครั้งละน้อย ๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องไปพบศัลยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะทันที