จากการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2557 พบผู้ป่วยและบุคลากรป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ เอ จำนวนมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของบุคลากรที่อาจเกิดติดเชื้อและป่วยได้ โดยมีการแพร่กระจายเชื้อและติดต่อได้ดังนี้
1.เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่อยู่ในเสมหะ น้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย สามารถแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ โดยการพูด ไอจามรดกันหรือ ละออง น้ำมูกน้ำลายเข้าสู่ดวงตา จมูก ปากโดยเฉพาะหากอยู่ใกล้ผู้ป่วยในระยะ 1 เมตร จะมีโอกาสรับเชื้อมากขึ้น บางครั้งได้รับเชื้อทางอ้อมผ่านทางมือ หรือสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อ
2.ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีอาการป่วยจนถึง 7 วันหลังมีอาการป่วย ผู้ที่เสี่ยงป่วยรุนแรง
1.หญิงมีครรภ์ ตั้งแต่ 7 เดือน ขึ้นไป
2.ผู้มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคปอด หอบหืด หัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคเลือด โรคมะเร็ง โรคเอดส์
3.ผู้พิการทางสมอง
4.คนอ้วนมาก(น้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป)
5.เด็กเล็กอายุ 6 เดือน - 2ปี
6.ผู้สูงอายุ
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
วัคซีนป้องกันผลิตจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ตายแล้ว นำมาฉีดเพื่อกระตุ้นร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันการเจ็บป่วยจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ที่แพร่ติดต่อจากคนสู่คน ภูมิคุ้มกัน จะเกิดขึ้นภายใน 2สัปดาห์ หลังจากที่รับวัคซีนและป้องกันได้นานา1 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะได้รับวัคซีนแล้วก็ยังอาจป่วยเป็นโรคนี้ได้ แต่จะมีอาการเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน
ดังนั้น โรงพยาบาลวิภาวดีมีคำแนะนำให้ทุกท่านทราบดังนี้
- เน้นการทำความสะอาดมือด้วย ใช้แอลกอฮอล์ หรือ ใช้น้ำและสบู่ จัดเตรียมแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆเพื่อสะดวกในการทำความสะอาดมือ
-สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องให้การดูแลผู้ป่วย
-หลีกเลี่ยงการสัมผัสอวัยะบนใบหน้า เช่น การขยี้ตา แคะขี้มูก ถ้าหลีกเลี่ยไม่ได้ให้ทำความสะอาดมือด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮออล์ก่อน
-ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เสมอ เช่น ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ
-รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี
ด้วยความปรารถนาดี
จากโรงพยาบาลวิภาวดี