โดยโครงการการริเริ่มนี้ได้พัฒนาขึ้นจากการที่ทั้งสองบริษัทได้ตระหนักถึงการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าหลัง คลอด โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่คุณแม่หลายคนจำต้องเผชิญกับภาวะต่าง ๆ ด้วยตัวคนเดียว นักวิจัยของวิทยาลัยสาธารณสุขแห่งฮาร์วาร์ด (Harvard T.H. Chan School of Public Health) พบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่หลังคลอดอาจพบเจอกับภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความโดดเดี่ยว และความเครียดในระดับสูง โดยผู้ป่วยบางรายได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม ระดับความเครียดที่สูงนี้ อาจเกิดผลกระทบต่อตัวคุณแม่ และส่งผลต่อสุขภาพและการพัฒนาของเด็กในครรภ์หรือเด็กทารกได้
ทั้ง GDTT และ theAsianparent Thailand ได้ช่วยสนับสนุนคุณแม่มือใหม่โดยเน้นที่การเผยแพร่ข้อมูลสุขภาพที่เชื่อถือได้และให้ความรู้ในการใช้บริการสุขภาพทางไกลเพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพต่าง ๆ แม้หญิงไทยหลายคนจะมีความคุ้นชินกับเทคโนโลยีและพร้อมที่จะเปิดรับและใช้บริการสุขภาพดิจิทัลที่สะดวกสบาย แต่อย่างไรก็ตาม การแพทย์ทางไกลยังคงเป็นสิ่งใหม่ในประเทศไทย GDTT และ theAsianparent Thailand จึงได้ใช้นวัตกรรมเพื่อช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัลและการปรึกษาแพทย์ที่น่าเชื่อถือให้กับคุณแม่มือใหม่และคุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคน
GDTT และ theAsianparent Thailand หวังยกระดับมาตรฐานความรอบรู้ด้านสุขภาพของคุณแม่มือใหม่ด้วยการมอบความรู้เกี่ยวกับการเป็นพ่อแม่ และสนับสนุนพวกเขาให้สามารถเข้าถึงความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญเกี่ยวกับการเลี้ยงดูบุตร เช่น การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตและโภชนาการ แอปพลิเคชัน GDTT จะช่วยให้พ่อแม่ได้คำตอบจากผู้เชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว หลังจากการลงทะเบียนแล้วพวกเขาสามารถติดต่อแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป กุมารแพทย์ และนักจิตวิทยาของ GDTT ได้ภายใน 60 วินาที เพื่อรับบริการปรึกษาแพทย์ทางไกล และได้รับการวินิจฉัยโรคหรือคำแนะนำในการรักษา คุณแม่มือใหม่อาจมีความต้องการด้านสุขภาพโดยเฉพาะ บริการการแพทย์ทางไกลของ GDTT ยังรวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแม่และเด็กเพื่อทำให้แน่ใจว่าความต้องการด้านสุขภาพเหล่านี้จะได้รับการตอบรับอย่างทันท่วงทีตลอดเวลา
“ประเทศไทยมีอัตราการใช้งานดิจิทัลสูง และเป็นเรื่องปกติที่ผู้คนมักค้นหาแนวทางการแก้ปัญหาอาการเจ็บป่วยของพวกเขาบนอินเทอร์เน็ตโดยหวังว่าจะพบข้อมูลทางการแพทย์เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการกับอาการต่าง ๆ ด้วยการเพิ่มการเข้าถึงบริการการแพทย์ทางไกลให้กับคนจำนวนมากขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ที่กำลังมองหาข้อมูลเฉพาะเพื่อเป็นแนวทางสำหรับการดูแลลูก ๆ ของพวกเขา เราสามารถช่วยให้คุณแม่เหล่านั้นสามารถควบคุมและจัดการสุขภาพจิตและสุขภาพกายของพวกเขาได้” นพ.สุทธิชัย โชคกิจชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กล่าว เขากล่าวต่ออีกว่า “คุณแม่มือใหม่กำลังพบเจอกับภาระผูกมัดด้านเวลามากขึ้น และบริการสุขภาพทางไกลจะช่วยให้พวกเขาได้รับการดูแลที่ถูกต้องและถูกเวลา”
ทั้งสองบริษัทได้เริ่มโครงการให้ความรู้สำหรับบุคคลทั่วไปในช่วงต้นปีนี้โดยการจัดเสวนาอย่างต่อเนื่องเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยมกับคุณแม่มือใหม่และคุณแม่ตั้งครรภ์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ GDTT ได้รับเชิญให้จัดกิจกรรมเวิร์กช็อปในงาน "Central X theAsianparent Baby Fair 2022” ซึ่งจัดโดย ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และ theAsianparent ในช่วงเวิร์กช็อปนี้ ทีมแพทย์ของ GDTT ได้นำผู้เข้าร่วมงานพูดคุยเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลหลังคลอด (หรือขณะตั้งครรภ์) ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลงด้านฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในช่วงการตั้งครรภ์ คลอด และการให้นมลูก การเลี้ยงดูลูกในระยะแรกอาจทำให้เกิดผลกระทบด้านสุขภาพจิต โดยเฉพาะในด้านการนอนหลับ นอกเหนือจากการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตแล้ว GDTT ยังได้นำเสนอบริการสุขภาพทางไกลอันก้าวหน้าแก่พ่อแม่มือใหม่อีกด้วย
“ในตอนที่เรากำลังคิดคอนเซปต์ของงาน “Central X theAsianparent Baby Fair 2022” หนึ่งในเป้าหมายของเราคือการให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์กับคุณแม่ที่เข้าร่วมงาน โดยคุณแม่สามารถเข้าถึงความรู้จากแพทย์ผู้ชำนาญการ และเราเห็นว่า GDTT เป็นพันธมิตรที่เหมาะสมที่สุดในการมอบความรู้แก่คุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่มือใหม่ที่มีลูกอายุต่ำกว่าสองขวบ โดยหัวข้อทุกหัวข้อที่เราพูดคุยกันในช่วงเวิร์กช็อปนั้นจะมีความเกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์กับคุณแม่เป็นอย่างมาก” คุณนิธินันท์ อัศวทร ผู้บริหาร theAsianparent ประจำประเทศไทยและประเทศเวียดนาม กล่าว
GDTT และ theAsianparent ประเทศไทย กำลังหาทางร่วมมือกันในด้านอื่น ๆ เพื่อช่วยส่งเสริมให้คุณแม่เป็นจำนวนมากขึ้นสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพดิจิทัลในประเทศไทย “ในอนาคตอันใกล้นี้ theAsianparent และ GDTT จะเปิดตัวโครงการความร่วมมือต่าง ๆ เพื่อช่วยให้คุณแม่ทั่วประเทศสามารถเข้าถึงแพทย์เฉพาะทางได้โดยสะดวกและรวดเร็ว ความสำเร็จนี้เป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมการตั้งครรภ์และการดูแลลูกที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายร่วมกันของ theAsianparent และ GDTT” คุณนิธินันท์ อัศวทร กล่าวเสริม
เกี่ยวกับบริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (GDTT)
บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (GDTT) คือบริษัทในเครือของกู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (GDT) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลชั้นนำในระดับภูมิภาค GDT เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างแพลตฟอร์มบริการดูแลสุขภาพแบบครบวงจรชั้นนำของจีน Ping An Healthcare and Technology Company Limited กับ Grab Holdings Inc (“Grab”) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม O2O แนวหน้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อให้บริการด้านสุขภาพออนไลน์ที่จะมาพลิกโฉมการให้บริการ ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะทำให้ “หนึ่งแพทย์ต่อหนึ่งครอบครัวทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)” และพันธกิจที่จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการด้านการรักษาพยาบาลได้ในราคาประหยัด GDT เปิดตัวครั้งแรกในปี 2561 มีสำนักงานใหญ่ในประเทศสิงคโปร์ และเข้าไปให้บริการในประเทศอินโดนีเซียในปีต่อมา บริษัท กู๊ด ด็อกเตอร์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด (GDTT) เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2564 โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มโอกาสด้านการดูแลสุขภาพบนช่องทางดิจิทัลให้กับประเทศ และในไม่ช้าก็ได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมโปรแกรมการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation - HI) ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะผู้ให้บริการดูแลสุขภาพผ่านทางแอปพลิเคชันสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ในเดือนสิงหาคม พ.ศ.2564 นอกจากโครงการ HI ของสปสช. แล้ว ยังมีบริการ กู๊ด ด็อกเตอร์ให้กับประชาชนในประเทศไทยผ่านข้อตกลงกับบริษัทที่เป็นคู่สัญญาด้วย ในปัจจุบัน GDTT กำลังทำงานโดยตรงกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อมอบบริการดูแลสุขภาพให้กับพนักงาน ซึ่งรวมถึงการมอบบริการอย่างรวดเร็วที่เกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังโควิด-19 และการคัดกรองโรคที่บ้าน ซึ่งสามารถเข้าใช้งานได้โดยลูกค้าปัจจุบัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.gooddoctor.health/
เกี่ยวกับ theAsianparent (ดิเอเชี่ยนพาเรนท์)
theAsianparent (ดิเอเชี่ยนพาเรนท์) เป็นคอมมูนิตี้สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีคุณแม่ในคอมมูนิตี้กว่า 35 ล้านคน ให้บริการด้วย 11 ภาษา ใน 13 ประเทศ theAsianparent มีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยเหลือพ่อแม่ให้มีการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย และดูแลลูกที่มีสุขภาพดี มีความสุข และมีความมั่นใจ theAsianparent (ดิเอเชี่ยนพาเรนท์) เกิดขึ้นจากแนวคิดสำคัญ คือ การนำเสนอคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับแม่และเด็ก ด้วยเนื้อหาที่ครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพ การเตรียมความพร้อมสำหรับ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ การวางแผนชีวิตครอบครัว พัฒนาการของเด็กในทุกช่วงวัย เทคนิคเคล็ดลับวิธีการเลี้ยงดูลูก รวมถึงนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ สินค้าและบริการต่างๆ เกี่ยวกับแม่และเด็ก ที่พร้อมจะตอบโจทย์คุณพ่อคุณแม่ในยุคปัจจุบันไว้อย่างครบครัน นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ให้พ่อแม่ได้แลกเปลี่ยนความรู้ แชร์ประสบการณ์การเลี้ยงดูลูกในมิติต่างๆ ผ่านทางเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้ theAsianparent เป็นคอมมูนิตี้สำหรับคุณพ่อคุณแม่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน โดยในประเทศไทยมีการดาวน์โหลดใช้งานแอปพลิเคชัน theAsianparent แล้วกว่า 2 ล้านครั้ง