ปัจจุบันนวัตกรรมและเทคนิคขั้นสูง ทำให้เทรนด์ “ศัลยกรรมดึงหน้า” (Facelift) เป็นที่นิยม เพราะเชื่อว่าเมื่ออายุมากขึ้น ความหย่อนคล้อยเริ่มปรากฏ ทั้งหญิงและชายก็ต่างต้องการอยากย้อนวัยให้ใบหน้าของตนเองกลับมาดูดี สดใส และตึงกระชับ
ในมุมมองของ นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เปิดเผยว่า ในปี 2024 ทางศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าคิดค้นและพัฒนาเทคนิคการทำศัลยกรรมอย่างต่อเนื่อง
เทรนด์ดึงหน้าใหม่ๆ ที่จะมาแรง
ปัจจุบันการทำศัลยกรรมดึงหน้ากำลังเป็นที่นิยม มีเทรนด์ใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและกำลังมาแรง ดังนี้
เทรนด์ที่ 1 ศัลยกรรมดึงหน้าในคนอายุน้อย ซึ่งต่างจากในอดีตคนทำส่วนใหญ่จะมีอายุตั้งแต่ 50 – 70 ปี หรือทำในคนมีปัญหาความหย่อนคล้อยมาก ๆ แต่ในปัจจุบันคนอายุตั้งแต่ 30-40 ปี เริ่มทำศัลยกรรมดึงหน้ากันมากยิ่งขึ้น โดยที่ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ได้ประยุกต์ข้อดีของเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กลายมาเป็น Modern Facelift เทคนิคการดึงหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยผ่าตัดในผิวหนังชั้นลึกขึ้น ที่เรียกว่าชั้นสแมช (SMAS) ดึงหน้าได้ใน 4 ส่วน ได้แก่ บริเวณหน้าผาก (Forehead lift) ใบหน้าส่วนบนและหางตา (Upper Facelift, Temporal lift) ใบหน้าส่วนกลางและส่วนล่าง (Lower Facelift) รวมทั้งลำคอ (Neck lift) ให้ผลลัพธ์การผ่าตัดอยู่ได้ยาวนานและคงทนมากขึ้น
ส่วนการดึงหน้าในคนอายุน้อย เราเรียกว่าเทคนิค Facelift in the young สามารถดึงหน้าแยกส่วนได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาเป็นส่วน ๆ โดยแพทย์จะทำการประเมินความหย่อนคล้อยในแต่ละส่วนของใบหน้าอย่างละเอียด และเน้นการทำเฉพาะส่วนที่มีความหย่อนคล้อย เช่น บางคนหย่อนคล้อยที่ลำคอ ก็ดึงเฉพาะลำคอ ข้อดีคือสามารถเลือกทำเฉพาะส่วนที่เป็นปัญหาจริง ๆ ไม่จำเป็นต้องทำทุกส่วน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อคนไข้
เทรนด์ที่ 2 ผู้ชายมีแนวโน้มทำศัลยกรรมดึงหน้า เฉลี่ยแล้วจำนวนใกล้เคียงกับผู้หญิง เนื่องจากเทคนิคการดึงหน้า Modern Facelift ในปัจจุบัน ทำให้คนไข้หมดความกังวลเรื่องรอยเเผลผ่าตัด เพราะด้วยเทคนิคใหม่เฉพาะทำให้เเผลเล็ก เเละซ่อนรอยเเผลไว้ที่ไรผม ทำให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงมากเกินไป สาเหตุนี้ทำให้ผู้ชายนิยมทำศัลยกรรมดึงหน้ากันมากขึ้น
เทรนด์ที่ 3 ชาวต่างชาติเดินทางมาทำศัลยกรรมดึงหน้าในประเทศไทยมากขึ้น จากสถิติศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด พบว่าในปีนี้ มีคนไข้ต่างชาติจำนวนเพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากสนใจในเทคนิคดึงหน้า Modern Facelift และคาดว่าในปี 2024 จะมีชาวต่างชาติเดินทางมาทำศัลยกรรมดึงหน้าในประเทศไทยและที่ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เทรนด์ที่ 4 ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการทำศัลยกรรมดึงหน้า ไม่ใช่ทำให้หน้าตึงขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำให้ใบหน้าดูมีความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ได้คิดค้นพัฒนาเทคนิคเฉพาะในการศัลยกรรมดึงหน้า เรียกว่า New Modern Facelift 2023 ถือเป็นขั้นกว่าของการศัลยกรรมดึงหน้าด้วย 4 เทคนิคพิเศษ ได้แก่ การผ่าตัดดึงหน้าในชั้นกล้ามเนื้อระดับ SMAS ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น เพราะเพิ่มเทคนิคการเย็บที่ชั้น SMAS มากขึ้น ถึง 3 เทคนิค (Triple SMAS technique) ได้แก่ SMAS plication การเย็บทบชั้น SMAS ให้สั้นลงและตึงขึ้น, SMASectomy การตัดเย็บชั้น SMAS ที่หย่อนคล้อยออกบางส่วน และ SMAS anchoring การเย็บดึงชั้น SMASให้อยู่ในแนวที่สูงขึ้น
นอกจากการผสมผสานเทคนิคทั้ง 3 นี้ ทำให้การดึงหน้าดูมีความเป็นธรรมชาติ ให้ผลลัพธ์ยาวนานมากขึ้น สามารถปรับตามโครงสร้างร่างกายและตามความหย่อนคล้อยของแต่ละบุคคล ยังมีการผสมผสาน การฉีดไขมันของตัวเอง (Fat Grafting) ผสานสารสกัดพลาสม่า (PRP) ทั่วใบหน้า ด้วยเทคนิคบางมด สามารถทำร่วมกับการผ่าตัดดึงหน้าได้ในครั้งเดียว เพื่อช่วยเติมเต็มร่องและริ้วรอยต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้น และทำให้คุณภาพของผิวดีขึ้นอีกด้วย
เทรนด์ที่ 5 ผู้ทำศัลยกรรมดึงหน้า มีการศึกษาข้อมูลเรื่องเทคนิคการผ่าตัดก่อนมาพบแพทย์ ซึ่งข้อดีทำให้คนไข้มีความเข้าใจในเรื่องรายละเอียด รวมทั้งข้อดี ข้อเสีย วิธีการเตรียมตัว และการพักฟื้นหลังผ่าตัด ได้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าการดึงหน้าจะทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์มากขึ้น แต่คนไข้ควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้าและหลีกเลี่ยงปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำร้ายผิว เพื่อคงสภาพความเต่งตึงไว้ให้นาน และช่วยยืดระยะเวลาความงามของผิวหน้าให้นานยิ่งขึ้น