หนึ่งศตวรรษที่อินซูลินช่วยชีวิตผู้คนที่เจ็บป่วยจากเบาหวานนับหลายล้านคน
ซาโนฟี่ร่วมฉลองครบรอบ 100 ปี "อินซูลิน" นวัตกรรมแห่งความหวังของผู้เป็นเบาหวานทั่วโลก พร้อมเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน
"อินซูลิน" ถูกค้นพบเมื่อ 100 ปีก่อน ในปี ค.ศ. 1921 โดยทีมนักวิจัยชาวแคนาดา ได้แก่ เซอร์เฟรเดอริก จี แบนติง (Sir Frederick G. Banting) และนักศึกษาแพทย์ ชาร์ลส์ เบสท์ (Charles Best) ภายใต้การควบคุมดูแลของ เซอร์จอห์น แมคเคลาด์ (Sir John Macleod) ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 เด็กชายวัย 14 ปีได้กลายเป็นบุคคลแรกที่ได้รับการรักษาโรคเบาหวานด้วยการฉีดอินซูลิน ที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดเป็นอินซูลินบริสุทธิ์ขึ้น ทำให้เด็กชายวัย 14 ปีได้มีชีวิตอยู่ต่อมา และจากนั้นยาฉีดที่มีชื่อว่า ‘อินซูลิน’ ถือเป็นนวัตกรรมแห่งความหวังของผู้เป็นเบาหวานทั่วโลกที่ช่วยต่อชีวิตผู้คนได้มากมาย และได้รับการพัฒนาผสานเข้ากับเทคโนโลยีในการรักษาโรคเบาหวานใหม่ๆ ในปัจจุบันเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้งาน
อินซูลิน คือ อะไร
อินซูลินคือ ฮอร์โมนที่สร้างโดยตับอ่อน มีหน้าที่สำคัญในกระบวนการเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงร่างกาย หากร่างกายไม่สามารถสร้างอินซูลินได้ หรือสร้างได้แต่ดื้อต่ออินซูลิน หรือใช้อินซูลินได้ไม่เต็มที่เพราะอิทธิพลของฮอร์โมนจากรก ก็จะเกิดเป็นโรคเบาหวานซึ่งนำไปสู่โรคอื่นๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคตับ โรคไต หรือแม้กระทั่งโรคหัวใจ
สถิติโรคเบาหวานทั่วโลก ในปี 2564
IDF Diabetes Atlas 2021 ระบุถึง สถิติโรคเบาหวานทั่วโลก ในปี 2564 ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจ อาทิ
• ผู้ใหญ่ (อายุ 20-79 ปี) จำนวน 537 ล้านคน ป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคนภายในปีพ.ศ. 2573 และเพิ่มเป็น 784 ล้านคน ภายในปีพ.ศ. 2588
• ผู้ใหญ่ จำนวน 240 ล้านคน ที่เป็นเบาหวานที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย
• ผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ในอัตรา 4 ต่อ 5 (หรือ 81%) อาศัยอยู่ในประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง
• โรคเบาหวานมีส่วนทำให้เสียชีวิต สูงถึง 6.7 ล้านคนในปี 2564 หรือเสียชีวิต 1 ราย ในทุกๆ 5 วินาที
• โรคเบาหวานทำให้เกิดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพอย่างน้อย มูลค่า 966 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือเทียบเป็นเงินไทย ประมาณ 31,713 พันล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้น 316% ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
• ผู้ใหญ่ จำนวน 541 ล้านคน มีความทนทานต่อกลูโคสบกพร่อง (Impaired Glucose Tolerance Test หรือ IGT) ซึ่งทำให้พวกเขามีความเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2
จากข้อมูลทั่วโลกข้างต้น แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นของผู้เป็นเบาหวาน ซึ่งก็ไปในทิศทางเดียวกับประเทศไทย ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านสุขภาพระดับโลก ซาโนฟี่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมและการรักษาที่ใช้อินซูลิน รวมทั้งขับเคลื่อนให้ผู้เป็นเบาหวานเข้าถึงการดูแลตนเองอย่างเท่าเทียมและสม่ำเสมอ อีกทั้งพร้อมร่วมสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน รวมถึงภาคีเครือข่ายต่างๆ ในการขยายความร่วมมือและร่วมกันหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน
100 ปี อินซูลิน
ปี 2564 นี้ ถือเป็นวาระครบรอบ 100 ปี ของการค้นพบอินซูลิน เหตุการณ์ครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์การแพทย์ บริษัท ซาโนฟี่-อเวนตีส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะบริษัทชั้นนำด้านสุขภาพระดับโลก ตระหนักดีถึงความสำคัญของการดูแลผู้เป็นเบาหวานด้วยอินซูลิน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของระบบนิเวศของการดูแลผู้เป็นเบาหวานในวงกว้าง ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจที่ผ่านมานั้น ซาโนฟี่มีความมุ่งมั่นในการสานต่อหนึ่งในพันธกิจหลักขององค์กร คือการสร้างสรรค์นวัตกรรมยารักษาโรค ซึ่งรวมถึงการพัฒนายาอินซูลินอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้เป็นเบาหวานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้ดำเนินการขับเคลื่อนร่วมกับพันธมิตรในชุมชน สนับสนุนให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงนวัตกรรม ยารักษาโรค และการเข้าถึงการดูแลรักษาสุขภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน ซึ่งสอดคล้องกับธีมหลักของวันเบาหวานโลก ในปี 2564 นี้ (Word Diabetes Day 2021) ก็คือ การรณรงค์เรื่องการเข้าถึงการรักษา หรือ Access to Diabetes Care
ในด้านการสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อให้ผู้เป็นเบาหวานสามารถเข้าถึงการรักษาตนเองอย่างเท่าเทียมกันนั้น ซาโนฟี่ ได้ร่วมมือกับสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ และสมาคมผู้ให้ความรู้โรคเบาหวาน สนับสนุนการจัดทำแพลตฟอร์มการเรียนรู้บนเว็บไซต์ www.t2dminsulin.com เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้เป็นเบาหวาน ชนิดที่ 2 ที่ต้องใช้อินซูลิน มีเนื้อหาที่เข้าใจง่ายผ่านการ์ตูนแอนิเมชั่น ประกอบด้วย 8 บทเรียนสำคัญ ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลความรู้ที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้เป็นเบาหวานสามารถนำไปปรับใช้ดูแลตนเองได้ในระยะยาวอีกด้วย
แม้ว่าทุกวันนี้จะมีการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ นวัตกรรมการรักษา หรือยารักษาโรคใหม่ๆ มาใช้กันแพร่หลายมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่สามารถเข้าถึงยาหรือการรักษาได้ โดยมีปัจจัยสำคัญคือ ประชาชนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโรคภัยต่างๆ และด้วยจำนวนผู้เป็นเบาหวานที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความไม่สมดุลระหว่างแพทย์ที่ดูแลรักษาและจำนวนผู้ป่วย ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา รวมถึงสิทธิของผู้ป่วยในการเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน
แหล่งข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์