19 เมษายน 2566 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ของประเทศไทย ว่า วันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา พบเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ สูงสุดที่ภาคเหนือ 48-234 มคก./ลบ.ม. จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ เชียงราย 279 จุด เชียงใหม่ 215 จุด และน่าน 115 จุด ส่วนภาคกลางและตะวันตก 42-93 มคก./ลบ.ม. กทม.และปริมณฑล 39-69 มคก./ลบ.ม. โดยมีพื้นที่ที่ค่าฝุ่น PM 2.5 มากกว่า 51 มคก./ลบ.ม.ขึ้นไป ติดต่อกันเกิน 3 วัน 8 จังหวัด ได้แก่ น่าน (อ.เมือง อ.เฉลิมพระเกียรติ) เชียงใหม่ (อ.เมือง อ.ฮอด อ.เชียงดาว อ.แม่แจ่ม) เชียงราย (อ.เมือง อ.แม่สาย อ.เชียงของ) แพร่ (อ.เมือง) พะเยา (อ.เมือง) ลำพูน (อ.เมือง อ.ลี้) ลำปาง (อ.เมือง อ.แม่เมาะ) และแม่ฮ่องสอน (อ.เมือง อ.แม่สะเรียง อ.ปาย) คาดการณ์ว่าช่วง 7 วันข้างหน้า (วันที่ 18-24 เมษายน 2566) กทม.และปริมณฑล คุณภาพอากาศมีแนวโน้มปานกลางถึงดี เนื่องจากสภาพอากาศเปิดมากขึ้น เพดานการลอยตัวอากาศสูงขึ้น ประกอบกับกำลังลมทางใต้ช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ ส่วน 17 จังหวัดภาคเหนือ ยังต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เชียงรายและน่าน แต่มีแนวโน้มดีขึ้นหลังวันที่ 19 เมษายน 2566 เป็นต้นไป เนื่องจากความเร็วลมที่ระดับชั้นบนมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้การระบายฝุ่นของพื้นที่ดีขึ้น ประกอบกับช่วงวันที่ 21-24 เมษายน อาจมีฝนตกได้ในบางพื้นที่ของภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง
“หากค่าฝุ่น PM 2.5 มากกว่า 150 มคก./ลบ.ม. พื้นที่จะปฏิบัติตามแนวทางธงเตือนภัยสีแดง โดยผู้ใหญ่บ้านจะแจ้งเตือน 4 ครั้ง/วัน เวลา 07.00 น. 12.00 น. 15.00 น. และ 18.00 น. ให้ รพ.สต. รายงานสถานการณ์ จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ตรวจสุขภาพประชาชน รักษาเบื้องต้น ให้บริการคลินิกมลพิษออนไลน์ ประสานให้งดกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก กิจกรรมวิ่ง และประสานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก สถานศึกษา งดกิจกรรมกลางแจ้งหรืองดการเรียนการสอนหากจำเป็น ส่วนทีม 3 หมอ อสม. ให้ลงพื้นที่เยี่ยมกลุ่มเสี่ยงและให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว โดยส่วนกลางได้สนับสนุนเวชภัณฑ์ไปยังเขตสุขภาพที่ 1 ทั้งหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 แล้วจำนวน 122,000 ชิ้น และเขตสุขภาพที่ 2 จำนวน 50,000 ชิ้น” นพ.โอภาสกล่าว
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า การเฝ้าระวังโรคจากมลพิษทางอากาศ พบว่า มีผู้ป่วยสะสม 2,472,492 ราย สัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 184,465 ราย เป็นกลุ่มโรคทางเดินหายใจมากสุด รองลงมา กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ แนวโน้มพบกลุ่มอาการระบบตา และหูคอจมูก เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงพบกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปมีอาการเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นอาการเล็กน้อย 3 อันดับแรก คือ แสบจมูก 34.23% แสบคอ 24.32% และแสบตา 20.72% สำหรับการสำรวจพฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการสัมผัสฝุ่นช่วงระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2566 พบว่า ภาพรวมปฏิบัติตัวได้ดีเพิ่มขึ้นเป็น 97% โดยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 100% ไม่เผาขยะ กระดาษ จุดธูป เพิ่มขึ้นเป็น 94.6% ปิดประตูหน้าต่างเพิ่มขึ้นเป็น 99.1% งดออกกำลังกายกลางแจ้งเพิ่มขึ้นเป็น 93.7% แต่การลดระยะเวลาออกนอกบ้านลดลงเหลือ 87.4% และการตรวจเช็กคุณภาพอากาศลดลงเหลือ 76.6%
ทั้งนี้ หน่วยงานในพื้นที่ยังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะเข้าสู่ระยะปกติ โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อสุขภาพผ่านช่องทางต่างๆ พร้อมดูแลกลุ่มเสี่ยง 5 โรค ส่งเสริมสนับสนุนการจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นในพื้นที่เสี่ยง เปิดคลินิกมลพิษและคลินิกมลพิษออนไลน์ และสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล แก่กลุ่มเสี่ยงต่างๆ (ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม)