11 ที่หมายสะกดสายมู ณ บึงโขงหลง บึงกาฬ
- วังรัตนพานคร
- ดอนสวรรค์
- เกาะดอนแก้ว ดอนโพธิ์
- ศาล 100 ปี ปู่อือลือ พระตำหนักปู่อือลือ
- บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
- หาดคำสมบูรณ์
- ถ้ำนาคี
- ถ้ำนาคา
- ถ้ำนาคินทร์
- เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์
- วัดห้วยหินแหบ
งานบวงสรวงเจ้าปู่อือลือ 2566
งานบวงสรวงเจ้าปู่อือลือ ณ ตำหนักศาลเจ้าปู่อือลือนาคราช อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เป็นงานประเพณีบุญเดือนสาม (3ค่ำ เดือน 3) ที่ถือเป็นประเพณีสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น โดยในปีนี้จัดขึ้นระหว่าง 22 – 24 มกราคม 2566 โดยในปีนี้ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ มีแนวคิดจะเร่งผลักดันและยกระดับให้เป็นงานระดับจังหวัดและระดับประเทศ หวังให้เป็นเผยแพร่และความงดงามของวัฒนธรรมของดินแดนลุ่มน้ำโขง บึงกาฬ อันมีอัตลักษณ์โดดเด่นมายาวนานออกสู่การรับรู้สู่สายตาชาวโลก
หาดคำสมบูรณ์ หรือบางแสนอีสาน
หาดคำสมบูรณ์ หรือบางแสนอีสานอยู่ในจังหวัดน้องใหม่จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 ของไทยเป็นที่น่าจับตามองในแง่ของสถานที่ท่องเที่ยวทั้งเชิงศาสนาและวัฒนธรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อยู่ในพื้นที่ตำบลบึงโขงหลงอยู่ หมู่ที่ 3 บ้านคำสมบูรณ์ ตำบลบึงโขงหลง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจมีร้านค้ามากมายอาหารอร่อย เช่น ปลาเผากุ้งเผา แปะซะปลา แจ่วฮ้อน ยำรสเด็ด กุ้งเต้น ฯลฯ มีซุ้มไพรหญ้าให้นั่งริมน้ำหาดทรายขาว บรรยากาศดี สดชื่นเย็นสบาย เมื่อนั่งที่ซุ้มมองดูน้ำใสสะอาดจะเห็นฝั่งหมู่บ้านในเขตตัวอำเภอบึงโขงหลงและเห็นภูลังกาตั้งตระหง่านน่าเกรงขาม เขียวชอุ่มไปด้วยต้นไม้และหินผาสวยงามนักท่องเที่ยว จุดเด่นของหาดคำสมบูรณ์ คือ การมีธรรมชาติป่าไม้โอบล้อมแหล่งน้ำขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ มีภูเขาขนาดกลางอยู่ด้านหน้านอกจากนั้น ยังมีบริการเหมือนทะเลทั่วไป คือ สามารถเช่าอุปกรณ์ทางน้ำลงเล่นน้ำได้ตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นห่วงยางเรือกล้วยและอีกมากมาย นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี้ ถ้าหากเป็นเด็กก็จะลงเล่นน้ำ แต่ถ้าหากเป็นกลุ่มวัยรุ่นคนทำงานก็จะนิยมมานอนอาบแดดหรือไม่ก็ทานอาหาร เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่า และเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำลำดับที่ 2 ของประเทศไทยเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ (Ramsar Site อันดับที่1098 ) ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสองอำเภอคือเซกาและบึงโขงหลง
ศาล 100 ปี ปู่อือลือ พระตำหนักปู่อือลือ วัดโศกโพธิ์ LINK
ตามตำนานปู่อือลือที่ข้องเกี่ยวกับบึงโขงหลงนั้น เชื่อว่า เกิดจากการล่มเมืองของพญานาค ซึ่งเกิดจากความรักที่ไม่สมหวังระหว่างพญานาคกับมนุษย์ ทำให้เมืองที่เจริญรุ่งเรืองล่มสลาย บริเวณแห่งนี้เดิมเป็นที่ตั้งเมือง ชื่อ รัตพานคร มี พระอือลือราชา เป็นผู้ครองนคร มเหสีชื่อ นางแก้วกัลยา มีพระธิดาชื่อ พระนางเขียวคำ ต่อมาได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้าสามพันตา มีพระโอรสชื่อ เจ้าชายฟ้ารุ่ง ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาด มีความรอบรู้ และมีรูปงามด้วย ขณะประสูติมีท้องฟ้าสว่างไสว
ต่อมาได้อภิเษกสมรสกับ นาครินทรานี ซึ่งเป็นพระธิดาของพญานาคราชแห่งเมืองบาดาล ที่แปลงกายเป็นมนุษย์ การอภิเษกสมรสจัดกันอย่างมโหฬาร ทั้งเมืองบาดาล และเมืองมนุษย์ (รัตพานคร) ทำอยู่ 7 วัน 7 คืน เพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างพญานาคราช กับ พระเจ้าอือลือราชา ในโอกาสนี้ด้วย
ทั้งสองอยู่กินกันมาเป็นเวลา 3 ปี ก็ไม่สามารถจะมีผู้สืบสายสกุลได้ (เพราะธาตุมนุษย์กับนาค) จึงทำให้เกิดความเศร้าโศกเสียใจกับทั้งสอง ต่อมาเจ้าหญิงนาครินทรานี ล้มป่วยลง ทำให้ร่างกายของนางที่เป็นมนุษย์กลายเป็นนาคตามเดิม โดยข่าวนี้ได้แพร่สะพัดออกไปทั่วกรุงรัตพานคร และถึงแม้นางจะร่ายมนตร์กลับเป็นมนุษย์ ประชาชนและพระเจ้าอือลือก็ไม่พอใจ จึงได้ขับไล่นางนาครินทรานีกลับสู่เมืองบาดาลดังเดิม โดยได้แจ้งให้พญานาคราชมารับตัวกลับ ก่อนกลับพญานาคราช ได้ขอเครื่องกกุธภัณฑ์ของตระกูลคืน แต่พระเจ้าอือลือราชาไม่สามารถคืนให้ได้ เนื่องจากนำไปแปรสภาพเป็นอย่างอื่น ทำให้พญานาคราชกริ้วมาก และประกาศว่าจะทำลายเมืองรัตพานคร และจะเหลือเอาไว้เพียง 3 วัดเท่านั้น
หลังจากพญานาคกลับไป ในตอนกลางคืน พญานาคราชได้ยกไพร่พลมาถล่มเมืองรัตพานคร และประชาชนก็ไม่มีใครรอดพ้นจากฤทธิ์นาคได้ พอนางนาครินทรานีทราบข่าว ก็ขึ้นมาตามหาเจ้าชายฟ้ารุ่ง จนถึงแม่น้ำสงครามก็ไม่พบ จึงกลับเมืองบาดาล เมืองรัตพานครได้ถล่มเป็น "บึงหลงของ" ต่อมานานเข้าคำพูดก็กลายเป็นโขงหลง และวัดที่เหลือ 3 วัด ก็คือ วัดดอนแก้ว (วัดแก้วฟ้า) วัดดอนโพธิ์ (วัดโพธิสัตว์) และ วัดดอนสวรรค์ (วัดแดนสวรรค์) ทางที่นางนาครินทรานีตามหาเจ้าชายฟ้ารุ่ง คือ ห้วยน้ำเมา (เมารัก)
ส่วนพระอือลือราชา ไม่ได้สิ้นพระชนม์ไปกับเหตุการณ์นี้ด้วย แต่ถูกพระยานาคราชจับตัวไว้ พร้อมกับสาปให้พระอือลือราชากลายร่างเป็นนาค เฝ้าอยู่ในบึงโขงหลงชั่วนิรันดร์ จนกว่าจะมีเมืองเกิดใหม่ในดินแดนแห่งนี้ จึงจะล้างคำสาปของพระยานาคราชได้
เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์
เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์ หรือพระธาตุภูลังกา ตั้งอยู่ที่ ตำบลนางัว อำเภอบ้านแพง นครพนม [
แผนที่] เป็น เจดีย์สีทองที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่อัญเชิญมาจากประเทศเนปาล เมื่อปี ๒๕๔๓ ตั้งอยู่บนลานหินที่มีลักษณะคล้ายกองข้าวนำมากองไว้ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของภูลังกาสูงประมาณ ๕๖๓ เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูลังกาประมาณ ๔ กิโลเมตร ลักษณะทั่วไปเป็นลานหินกว้างสลับด้วยพรรณไม้นานาชนิด มีอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี เป็นจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ขึ้นจากแม่น้ำโขง สปป.ลาวในตอนเช้าที่สวยงามมาก
ถ้ำนาคา
“ถ้ำนาคา” ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูลังกา อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ และอยู่ใกล้กับวัดถ้ำชัยมงคล การขึ้นไปเที่ยวถ้ำต้องเดินขึ้นบันไดสูงชันที่ทางอุทยานฯ จัดสร้างขึ้นไปกว่า 1,400 ขั้น ใช้เวลาเดินราว 1-1.30 ชั่วโมง
เหตุที่ถ้ำแห่งนี้ได้ชื่อว่า “ถ้ำนาคา” หรือ “ถ้ำพญานาค” เนื่องจากมีของหินและผนังถ้ำดูคล้ายพญานาค ที่มีรูปทรงคล้ายพญานาคหรืองูขนาดใหญ่นอนขดตัว โดยมีส่วนสำคัญ ๆ ทั้งส่วนหัว ลำตัว และเกล็ดพญานาค (ตามจินตนาการและความเชื่อของชาวบ้าน) ความเชื่อเรื่องพญานาคที่ถ้ำนาคา
ด้วยเหตุนี้จึงมีตำนานเรื่องเล่าเชื่อมโยงกับความเชื่อของถ้ำแห่งนี้ว่า ถ้ำนาคาคือพญานาคหรืองูยักษ์ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหิน โดย “อือลือราชา”หรือ “ปู่อือลือ” เทพบนสรวงสวรรค์ ที่ถูกสาปให้เป็นพญานาคปกครองเมืองบาดาล (เชื่อกันว่าคือบึงโขงหลง จ.บึงกาฬ) ที่มีทั้งพญานาคและมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกัน ได้สาปบริวารพญานาคของตนให้กลายเป็นหินที่ถ้ำแห่งนี้เนื่องจากทำผิดจารีต เพราะไปมีสัมพันธ์สวาทกับมนุษย์ ซึ่งก็คือถ้ำนาคา หรือ ถ้ำพญานาค ที่ อช.ภูลังกา แห่งนี้
ลวดลายหินเกล็ดพญานาคแห่งถ้ำนาคา กำเนิดถ้ำนาคา-ตัวพญานาค หลังถ้ำนาคาถูกเปิดตัวเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่มาแรง
ล่าสุดทางกรมทรัพยากรธรณี ก็ได้ทำการสำรวจถ้ำเพิ่มเติม เพื่อนำชุดความรู้ใหม่ ๆ มานำเสนอ ควบคู่ไปกับการพัฒนาถ้ำแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ในทางธรณีวิทยา นาย “ชัยพร ศิริพรไพบูลย์” หรือ “อาจารย์ชัยพร” ผู้เชี่ยวชาญด้านถ้ำและนักธรณีวิทยา กรมทรัพยากรธรณี ที่เป็นผู้นำทีมการสำรวจถ้ำนาคาอย่างเจาะลึกและเข้มข้น ในช่วงปลายเดือนมิ.ย. 63 ที่ผ่านมา ได้เผยข้อมูล และชุดความรู้ใหม่ ๆ ของถ้ำนาคา ผ่านเฟซบุ๊กบัญชีรายชื่อส่วนตัว Chaiporn Siripornpibul โดยมีประเด็นหลัก ๆ ดังนี้
หินทรายแห่งภูลังกา...ถ้ำนาคาเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาหินทรายชื่อ “ภูลังกา” ที่อยู่ในหมวดหินยุคครีเทเซียสตอนปลาย (ประมาณ 70 ล้านปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงท้าย ๆ ของโลกยุคไดโนเสาร์)
หินทรายบริเวณนี้นอกจากจะมีความหนาค่อนข้างมาก และเนื้อหินมีความเป็นเนื้อเดียวกัน (homogeneous) แล้ว ยังมีความพรุนสูง ซึ่งมีผลสำคัญต่อการเกิดลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาค รอยเว้าผนังถ้ำ กำเนิดแห่งถ้ำนาคา ช
ส่วนตัวถ้ำนาคาหรือส่วนที่เป็นลำตัวพญานาคนั้น เกิดจากการยกตัวของแผ่นดิน (Tectonic uplift) ในภาคอีสาน ทำให้เกิด “รอยเว้าผนังถ้ำ (cave notch)” ที่มีลักษณะโค้งนูนออกมา และคั่นสลับด้วยผนังหินที่โค้งเว้าเข้าไป
จากนั้นเกิดการกัดเซาะที่เป็นวัฏจักร (Cyclic Erosion) ในยุคโลกเย็นหรือ “ยุคน้ำแข็ง” กับยุคโลกร้อนในอดีตที่เกิดสลับกันเป็นวงรอบประมาณทุก ๆ 1 แสนปี โดยมีน้ำเป็นตัวการหลักในการกัดเซาะหินลงไปตามกลุ่มรอยแตกของหินในแนวตั้งที่มีสองแนวตัดกันจนเป็นรูปตารางสี่เหลี่ยม หินลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาคแห่งถ้ำนาคา
ปรากฏการณ์เหล่านี้กินเวลายาวนานมาก จนทำให้เกิดเป็นถ้ำนาคาในปัจจุบัน ที่มีลักษณะเป็นช่องแคบตัดกันเหมือนถ้ำเขาวงกตขนาดเล็กที่ไม่มีหลังคาถ้ำ ทำให้ผนังแห่งนี้มีความโค้งและเว้าสลับกันดูคล้ายลำตัวพญานาคหรืองูยักษ์ ตามจินตนาการของชาวบ้านในแถบนั้น *หัว-เกล็ดพญานาค
ขณะที่ในส่วนของหินที่มีลักษณะทางธรณีวิทยาคล้าย “เกล็ดพญานาค” อ.ชัยพร ได้ให้ข้อมูลว่า เกิดจากการขยายตัวและหดตัวของผิวหน้าของหิน ซึ่งกระบวนการนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “ซันแครก” ( Sun Cracks)
เกล็ดพญานาคจากปรากฏการณ์ซันแครก จะเกิดขึ้นเป็นวัฏจักรเช่นกัน แต่เป็นวัฏจักรที่สลับปรับเปลี่ยนระหว่างความร้อนจากแสงแดดในช่วงกลางวันกับความเย็นในช่วงกลางคืน แต่กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาที่ยาวนานมากคาดว่าจะใช้เวลานับแสนปีหรือนานกว่านั้น
นอกจากนี้ล่าสุดได้มีการตั้งชื่อก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีบางมุมมองแล้วดูคล้ายหัวงูขนาดใหญ่ อันเป็นที่มาของชื่อ “หินหัวพญานาค”นั้น เป็นส่วนของหินที่แตก (ขนาดใหญ่) และหล่นมาจากหน้าผา โดยบริเวณส่วนหัวมีลวดลายเป็นรอยแตกของผิวหน้าของหินแบบซันแครกที่ดูคล้ายผิวหนังของงูยักษ์ไม่น้อยเลย
หลังถ้ำนาคาโด่งดังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ก็ได้มีนักท่องเที่ยวหลายคนเดินทางไปบันทึกภาพของสถานที่แห่งนี้ หลังการเปิดแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศเมื่อ 1 ก.ค. 63 มุมป่าโบราณ โดยหนึ่งในนั้นก็คือเพจ “Buengkan day” ที่มี “ศรัทธา ลาภวัฒนเจริญ” เป็นแอดมินและช่างภาพ ซึ่งได้นำเสนอภาพมุมอันซีนถ้ำนาคาอันสวยงามแปลกตา แฝงลี้ลับน่าพิศวง จนได้รับการแชร์กันในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง สำหรับภาพอันซีนถ้ำนาคานั้นก็อย่างเช่น ภาพสายน้ำไหลผ่านหินหัวพญานาค ลำตัว-เกล็ดพญานาคที่มีรากไม้เกาะเกี่ยว ลวดลายเกล็ดพญานาค (ซันแครก) ที่มีตะไคร้ขึ้นเขียวครึ้ม หรือมุมต้นไม้โบราณที่หลายคนจินตนาการไปถึงป่าโบราณใน “เพชรพระอุมา” สุดยอดนิยายผจญภัยของเมืองไทย อันซีนถ้ำนาคา และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์ของ “ถ้ำนาคา” อช.ภูลังกา จ.บึงกาฬ
วัดห้วยหินแห
วัดห้วยหินแหบ ตั้งอยู่ที่ อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ เป็นวัดสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งที่มีความเชื่อเรื่องตำนานนาคี โดยถูกกล่าวขานเป็นที่รู้จักกันว่า "พญานาคเล่นน้ำ" โดยเป็นลักษณะของก้อนหินขนาดใหญ่ วางเรียงกัน แต่ในช่องว่างของหินก้อนใหญ่ 2 ก้อนนั้น มีหินก้อนยาวๆลักษณะคล้ายงู ทอดตัวอยู่และมีน้ำอยู่รอบๆ ตามความเชื่อศรัทธาของผู้คนในการไปเยือนดินแดนพญานาคอันศักดิ์สิทธิ์ สามารถมากราบไหว้ ขอพร ทำบุญ