ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

มงกุฎวัฒนะ แจ้งสปสช.ส่งคืนผู้ป่วยบัตรทอง มีผล 1 ต.ค. สปสช.ย้ายชื่อลงศูนย์ฯ กทม.แทน

มงกุฎวัฒนะ แจ้งสปสช.ส่งคืนผู้ป่วยบัตรทอง มีผล 1 ต.ค. สปสช.ย้ายชื่อลงศูนย์ฯ กทม.แทน Thumb HealthServ.net
มงกุฎวัฒนะ แจ้งสปสช.ส่งคืนผู้ป่วยบัตรทอง มีผล 1 ต.ค. สปสช.ย้ายชื่อลงศูนย์ฯ กทม.แทน ThumbMobile HealthServ.net

ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ระบุผู้ใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะมีจำนวนมากจนเกิดความแออัด ส่งคืนผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง 70,000 คน ลดจำนวนรับการส่งต่อ เหลือเพียง 150,000 คน (จาก 300,000 คน) ด้านสปสช.แจงเข้าใจเหตุผล พร้อมย้ายประชาชนไปศูนย์บริการสาธารณสุขกทม.


6 สิงหาคม 2565 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวถึง กรณีที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ขอคืนประชากรสิทธิบัตรทองหรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิโดยตรงกับโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน เนื่องจากเกิดปัญหาความแออัด มีผู้ป่วยมากเกินพื้นที่ใช้สอยที่มีอยู่ในปัจจุบัน โดยระบุว่า สปสช. เข้าใจเหตุผลเรื่องความแออัดจนต้องขอลดจำนวนประชากรที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิเพื่อความสะดวกในการให้บริการ และต้องขอขอบคุณโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ที่ได้ช่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองมายาวนานกว่า 12 ปี


จดหมายขอคืนประชากรจาก รพ.มงกุฎวัฒนะ  โดยทางกฎหมายถือเป็นการขอเลิกสัญญากับ สปสช ซึ่งโดยสัญญาการบอกเลิกในกรณีนี้จะมีผลในวันที่ 1 ตุลาคม

 

มงกุฎวัฒนะ แจ้งสปสช.ส่งคืนผู้ป่วยบัตรทอง มีผล 1 ต.ค. สปสช.ย้ายชื่อลงศูนย์ฯ กทม.แทน HealthServ
 

สาเหตุความแออัด


เริ่มต้นเมื่อวันที่  5 สิงหาคม 2565  พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้โพสต์ข้อความ ผ่านเพจส่วนตัว กล่าวถึง สาเหตุและความจำเป็นในการขอส่งคืนผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง ที่ขึ้นทะเบียนกับรพ.ไว้  ดังนี้

"เนื่องจากผู้ใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะมีจำนวนมากจนเกิดความแออัด ถึงแม้ รพ.มงกุฎวัฒนะจะมีการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่อีกมากกว่า 30,000 ตารางเมตร แต่จะเปิดให้บริการได้ในปลายปี พ.ศ.2566 ดังนั้น รพ.มงกุฎวัฒนะจะลดความแออัดของผู้ใช้บริการดังนี้

1] รพ.มงกุฎวัฒนะจะส่งคืนผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับ รพ.มงกุฎวัฒนะทั้งหมด โดยจะส่งคืนสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช)จำนวน 70,000 คน
 
2] รพ.มงกุฎวัฒนะจะลดจำนวนรับการส่งต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทองจากหน่วยต่างๆของ สปสช ลงกึ่งหนึ่ง จาก 300,000 คนคงเหลือ 150,000 คน
 
3] รพ.มงกุฎวัฒนะจะลดจำนวนผู้ประกันตนตามสิทธิประกันสังคมลงกึ่งหนึ่งจาก 120,000 คน คงเหลือ 60,000 คน
 
ทั้งนี้จะเริ่มดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ปัญหาความแออัดใน รพ.มงกุฎวัฒนะ เป็นภาระแก่ รพ.มงกุฎวัฒนะเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป
 
ผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง และประกันสังคม ติดต่อสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช) และสำนักงานประกันสังคม(สปส) เพื่อขอย้าย รพ.ได้ตั้งแต่บัดนี้"





และในบ่ายวันเดียวกัน เวลา 13.49 น. พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ได้ โพสต์ข้อความ ให้ข้อมูล เพิ่มเติม ดังนี้


"ผมเคยเรียนให้สาธารณชนทราบมาหลายครั้งแล้วว่าปัญหาความแออัดของผู้ใช้บริการ รพ.มงกุฎวัฒนะ หากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช) และสำนักงานประกันสังคม(สปส) ไม่ช่วยเหลือ รพ.มงกุฎวัฒนะด้วยการเป็น "หน่วยงานหลัก" ในการประสานงานขอให้กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตเพิ่มจำนวนเตียงและพื้นที่ใช้สอยให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะเป็นกรณีพิเศษแล้ว ในที่สุด รพ.มงกุฎวัฒนะก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการลดจำนวนผู้ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิสิทธิบัตรทอง , ลดจำนวนการรับผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่ส่งต่อมาจากหน่วยปฐมภูมิต่างๆ ของ สปสช. ตลอดจนการลดจำนวนผู้ประกันตนสิทธิประกันสังคมด้วย

ผมทำหนังสือถึง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) แต่ก็เงียบ นิ่งเฉย ไม่ดูดาย ไม่ใส่ใจใยดี แต่ยังโชคดีสำหรับผู้ป่วยประกันสังคมนะครับที่ยังมี สำนักงานประกันสังคม (สปส) ติดต่อผมเมื่อสักครู่นี้ว่าจะเข้ามาพบเพื่อหาทางแก้ไขโดยนัดประชุมหารือเพื่อแก้ไขให้แก่ผู้ป่วยสิทธิประกันสังคมในวันพุธที่ 10 ส.ค.65 เวลา 13.30 น. ณ รพ.มงกุฎวัฒนะ"



ปฏิกิริยา หลัง สปสช.รับทราบการคืนประชาชน



6 สิงหาคม 2565  พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ได้โพสต์ข้อความ ต่อเนื่องหลังจากข่าวปรากฏว่า สปสช.รับทราบและเข้าใจการขอคืนสิทธิประชาชน แล้ว ดังนี้


"ขอขอบคุณ เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช) ที่กรุณารับผู้ป่วยบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับ รพ.มงกุฎวัฒนะคืนเพื่อนำไปกระจายสู่ศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.เพื่อลดความแออัดของจำนวนผู้ใช้บริการในเดือน ต.ค.65 นี้ และขอขอบคุณที่รับเป็น "หน่วยงานหลัก"  เช่นเดียวกับที่สำนักงานประกันสังคม(สปส) ที่รับอาสาประสานงานเพื่อขออนุมัติการเพิ่มจำนวนเตียงรับผู้ป่วยกับกระทรวงสาธารณสุข ด้วยการเพิ่มจำนวนเตียงที่ทั้ง สปสช และ สปส ร่วมกันนี้จะทำให้ รพ.มงกุฎวัฒนะมีจำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยทั้งสิทธิบัตรทองของ สปสช และสิทธิประกันสังคมของ สปส ได้มากขึ้น ลดความแออัดแก่ผู้ป่วยใน [In-Patient] ได้เป็นอย่างมาก

 
กระทรวงสาธารณสุขโดยกรมสนับสนุนบริการสุขภาพได้อนุมัติการเพิ่มจำนวนเตียงให้แก่ รพ.มงกุฎวัฒนะจาก 100 เตียงเป็น 440 เตียงโดยจะอนุมัติในปี พ.ศ.2566 แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีผู้ป่วยทั้งสิทธิบัตรทองและสิทธิประกันสังคมจำนวนมากมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนเป็นที่แน่ชัดว่าในปี พ.ศ.2566 จำนวนเตียง 440 เตียงที่ได้รับอนุมัติจะเต็มและแออัด

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องขอแก้ไขอนุมัติหลักการจาก 440 เตียงเป็น 750 เตียง ทั้งนี้เพื่อให้สามารถรองรับผู้ป่วยจำนวนมากดังที่ปรากฎแล้ว ณ ปัจจุบัน

 
การขอแก้ไขอนุมัติหลักการที่อนุมัติแล้ว 440 เตียงเป็น 750 เตียงหากดำเนินการโดย รพ.มงกุฎวัฒนะตามลำพังเพียงฝ่ายเดียวย่อมไม่ประสบความสำเร็จจึงต้องขอให้ทั้ง สปสช. และ สปส.เป็น "หน่วยงานหลัก" ในการประสานงานเพื่อขอเปลี่ยนแปลงอนุมัติการเพิ่มจำนวนเตียงรับผู้ป่วยจากอนุมัติหลักการ 440 เตียงเป็น 750 เตียงกับกระทรวงสาธารณสุข
 
ปัญหาการเพิ่มจำนวนเตียงให้แก่ รพ.นี้ ผมได้เสนอต่อที่ประชุมคณะอนุกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต กทม.(อปสข) เมื่อครั้งที่จัดประชุมที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อปี 63 ขณะนั้นมี นพ.สุวิทย์ วิบุลย์ผลประเสริฐ เป็นประธาน และ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี (ขณะนั้นยังเป็น รองเลขาธิการ สปสช) ก็มาร่วมประชุมและที่ประชุมรับปากว่าจะดำเนินการให้ แต่ลืม ไม่ได้ดำเนินการให้ จน รพ.มงกุฎวัฒนะประสบปัญหาแออัดล้นพื้นที่ใช้สอยของอาคาร รพ. และจำเป็นต้องส่งคืนประชากรสิทธิบัตรทองที่ขึ้นทะเบียนปฐมภูมิคืน สปสช.

 
หากกระทรวงสาธารณสุขอนุมัติหลักการแก้ไขให้เพิ่มจำนวนเตียงเพื่อลดความแออัดโดย สปสช และ สปส เป็นหน่วยงานหลักประสานให้ รพ.มงกุฎวัฒนะก็จะสามารถรับผู้ป่วยทั้งสิทธิบัตรทองและสิทธิประกันสังคมจำนวนมากในปี "

พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา
ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ
6 ส.ค.65 เวลา 18.33 น.

 
มงกุฎวัฒนะ แจ้งสปสช.ส่งคืนผู้ป่วยบัตรทอง มีผล 1 ต.ค. สปสช.ย้ายชื่อลงศูนย์ฯ กทม.แทน HealthServ
 



การดูแลประชาชน หลังบอกเลิก



สปสช. จะมีกระบวนการในการย้ายสิทธิประชาชนหลังจากมีการยกเลิกสัญญา ในส่วนของประชากรสิทธิบัตรทองที่เคยขึ้นทะเบียนปฐมภูมิกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะนั้น สปสช. จะต้องหาหน่วยบริการอื่นมารับช่วงดูแลเพื่อไม่ให้สิทธิในการรับบริการขาดตอน


สปสช.ได้เตรียมการหารือ กทม. ในการมอบหมายให้ศูนย์บริการสาธารณสุขในสังกัด เป็นเจ้าภาพรับดูแลผู้ใช้สิทธิกลุ่มนี้ต่อ โดยประชาชนจะถูกขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิกับศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้านโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถเข้ารับบริการสุขภาพได้ต่อเนื่องไม่ขาดตอน

กรณีที่ประชาชนที่ได้โอนย้ายแล้ว แต่ไม่สะดวกไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขที่เลือกให้ ก็สามารถย้ายหน่วยบริการปฐมภูมิในภายหลังได้เช่นกัน 


 
ขณะเดียวกัน สปสช. ยังมีนโยบายยกระดับบัตรทองให้เข้ารับบริการปฐมภูมิที่ไหนก็ได้ ดังนั้นในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ หากมีความจำเป็นหรือไม่สะดวกไปรับบริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่เคยขึ้นทะเบียนกับโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็ยังสามารถไปรับบริการที่หน่วยบริการปฐมภูมิอื่น หรือ คลินิกชุมชนอบอุ่น ที่อยู่ในเครือข่าย สปสช. ได้อีกด้วย
 


"หากผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้มีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม สามารถโทรมาที่สายด่วน สปสช. 1330 ทางเฟสบุ๊คสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือไลน์ไอดี @nhso ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลหรือประสานงานแก้ปัญหาให้ท่านอย่างไม่ชักช้า" นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า ในส่วนของข้อเรียกร้องของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะที่ต้องการให้ สปสช. เป็นตัวหลักในการประสานงานกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เพื่อขออนุมัติเพิ่มจำนวนเตียงจาก 440 เตียง เป็น 750 เตียง เพื่อให้สามารถรองรับคนไข้ส่งต่อมากขึ้นนั้น สปสช.ยินดีเป็นตัวกลางประสานงานกับ สบส. ในประเด็นนี้ เพราะการเพิ่มจำนวนเตียงมากขึ้น ก็จะทำให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองมีโอกาสได้เข้าถึงบริการเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน



ข้อมูลเพิ่มเติม
 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด