- สภายุโรปโหวตรับพระราชบัญญัติควบคุมปัญญาประดิษฐ์ของสหภาพยุโรปแล้ว นับเป็นกฎระเบียบที่ครอบคลุมสำหรับอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ ฉบับแรก
- สาระสำคัญ เสนอให้ต้องมีการตรวจสอบรีวิวระบบ generative AI เช่น ChatGPT ก่อนที่จะถูกใช้ในเชิงพาณิชย์ รวมถึงการแบนการใช้ระบบจดจำใบหน้าแบบเรียลไทม์
- ระเบียบสำคัญฉบับนี้ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก ที่พยายามจำกัดความเสี่ยงจากการใช้เทคโนโลยีนี้ ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่มีต่อสังคม อาชีพของผู้คนและด้านการเมือง
รัฐสภายุโรปผ่านความเห็นชอบกฎระเบียบฉบับสำคัญ ที่จะนำมาใช้ควบคุมการใช้ปัญญาประดิษฐ์ เรียกว่า พระราชบัญญัติเอไออียู ถือว่าเป็นเครืองมือสำคัญที่จะขจัดอุปสรรคที่อาจมีต่อการควบคุมการใช้เอไอในโลกตะวันตก
เป็นที่ทราบกันชัด ณ ปัจจุบันว่าเอไอเป็นสมรภูมิใหม่ของบรรดาบริษัทเทคต่างๆ ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เฉพาะอย่างยิ่งกับปัญญาประดิษฐ์แบบรู้สร้าง หรือ Generative AI (GenAI) ที่ถูกนำมาใช้สร้างเนื้อหาใหม่จากการคีย์คำสั่งของผู้ใช้
จากตัวอย่างการใช้ GenAI หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การทำเพลง แต่งเนื้อร้อง เขียนโค๊ด ฯลฯ ผลงานที่เกิดขึ้นนั้นน่าทึ่ง จนทำให้แต่ละภาคส่วนต้องหันมาพิจารณาอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ โรงเรียน รวมถึงความกังวลในวงกว้าง ว่าเอไอจะมาแย่งงานจากมนุษย์ไป ระคนความหวาดระแวงต่อการแพร่ข้อมูลที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อน หรือมีอคติของเอไอ
ผลการโหวตของสภายุโรปเมื่อวันพุธ มีมติเห็นชอบ 499 เสียง คัดค้าน 28 เสียง และงดออกเสียง 93 เสียง แม้ว่าระเบียบฉบับนี้ จะห่างไกลกว่าจะถูกประกาศเป็นกฏหมายของยุโรป แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกของการมีกฏระเบียบที่ควบคุมเอไออย่างจริงจัง
สมาชิกสภาเห็นพ้องในความจำเป็นที่จะต้องควบคุมการใช้ระบบ GenAI อย่างเช่นใน chatGPT อย่างเคร่งครัด ระบบ GenAI ใดที่พัฒนาขึ้นมาจะต้องถูกตรวจสอบก่อนนำออกใช้ในเชิงพาณิชย์
สภายังให้ความชอบในการระงับและห้ามการใช้ ระบบระบุตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์แบบรีลไทม์ อีกด้วย ซึ่งระบบนี้มักนำมาใช้ในการให้คะแนนทางสังคม
นักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน แสดงความกังวลต่อการที่พรรคการเมืองในยุโรปพยายามจะตีตกระเบียบนี้ โชคดีที่ฝ่ายการเมืองเห็นพ้องกันว่าควรห้ามการใช้ระบบไบโอเมตริกซ์แบบนี้ในพื้นที่สาธารณะทุกแห่ง
แน่นอนว่ากฏระเบียบฉบับนี้ ส่งผลต่อบ.เทคยักษ์ใหญ่ อย่างไมโครซอฟต์ ที่ใช้ OpenAI ChatGPT หรือ กูเกิ้ล เจ้าของระบบ บาร์ด
ผู้เชี่ยวชาญ ให้ความเห็นว่า กฏระเบียบฉบับนี้จะสร้างมาตรการกำกับทั้งการพัฒนาและการใช้งานเทคโนโลยีนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าเทคโนโลยีมีความปลอดภัยและก่อประโยชน์ต่อสังคม
ถัดจากนี้ จะนำเข้าสู่การหารือของสภายุโรปและประเทศสมาชิกทั้ง 27 ประเทศต่อไป
ผู้บริหาร GitHub โธมัส ดอห์มเก้ เรียกร้องให้สหภาพยุโรปและอเมริกาใส่ใจและรับฟังมุมมองจากภาคธุรกิจให้มากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะฝั่งนักพัฒนาเท่านั้น แต่ควรเปิดกว้างรับฟังกลุ่มอื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัย ชุมชนนักพัฒนา เป็นต้น
คาดว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก จับจ้องกฏระเบียบฉบับนี้และพิจารณาปรับใช้ต่อไป
นายกรัฐมนตรีริชี่ ซูนัก แห่งสหราชอาณาจักร แสดงความพยายามที่จะให้สหราชอาณาจักรขึ้นมามีบทบาทนำในการสถาปนากฏระเบียบคุมเอไอ และยังเสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพจัดงานซัมมิทต่อประเด็นนี้ภายในปีนี้อีกด้วย
ข่าว CNBC