ปัญหาสุขภาพจิตมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
กระทรวงสาธารณสุข รายงานปัญหาสุขภาพจิต ว่า ในปี 2565 มีผู้ป่วยเข้ารับบริการด้านจิตเวช 2.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นมาจากปี 2558 ที่มีจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาเพียง 1.3 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 84 ในเวลา 8 ปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา พบว่า ภาวะเครียด ซึมเศร้า ฆ่าตัวตาย และภาวะหมดไฟ สูงขึ้นทุกรูปแบบ
จากข้อมูลอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ จากกรมสุขภาพจิต ปีงบประมาณ 2562-2566 มีตัวเลขที่น่าสนใจและน่าตกใจ หลายประการ ดังนี้
1) แนวโน้มการฆ่าตัวตาย เพิ่มขึ้นจาก 7.26 เป็น 7.94 ต่อประชากรแสนคน โดยกลุ่มวัยทำงานอายุ 20-59 ปี มีจำนวนคนที่พยายามฆ่าตัวตายมากสุด แต่กลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มมีอัตรา
ฆ่าตัวตายสำเร็จสูงสุด คือ 10.39 ต่อประชากรแสนคน
2) ปี 2566 จำนวนคนพยายามฆ่าตัวตาย 25,578 คน โดยกลุ่มวัยรุ่น/นักศึกษา อายุ 15-19 ปี มีอัตราพยายามฆ่าตัวตายสูงสุด คือ 116.81 ต่อประชากรแสนคน
สอดคล้องกับข้อมูลศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์เพื่อการแพทย์ด้านจิตเวช
(AIMET) ที่ประเมินว่า มีเยาวชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ตรวจพบอาการซึมเศร้าสูงถึง 2,200 ต่อประชากรแสนคน
ขณะที่ ประเทศไทย มีจำนวนบุคลากรด้านจิตเวช ต่อจำนวนประชากร ที่อัตราส่วน 9 : 100,000 คน
Infographic ปัญหาการฆ่าตัวตาย สัญญาณ และทางออก
ภาพ Infographic จากกรมสุขภาพจิต เกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาการฆ่าตัวตาย การสังเกตผู้ที่อาจเสี่ยงฆ่าตัวตาย วิธีเลี่ยง