ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

สธ.เร่งปฏิบัติการฉุกเฉินฯ รับมือ เพลิงไหม้โกดังสารเคมี อ.ภาชี อยุธยา

สธ.เร่งปฏิบัติการฉุกเฉินฯ รับมือ เพลิงไหม้โกดังสารเคมี อ.ภาชี อยุธยา Thumb HealthServ.net
สธ.เร่งปฏิบัติการฉุกเฉินฯ รับมือ เพลิงไหม้โกดังสารเคมี อ.ภาชี อยุธยา ThumbMobile HealthServ.net

1 พ.ค.2567 เวลา 18.20 น. สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ประเทศไทย รายงานเหตุเพลิงไหม้ โกดังเก็บสารเคมี ในพื้นที่หมู่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา มีเสียงระเบิดเป็นระยะ เจ้าหน้าที่เร่งควบคุมเพลิง การตรวจสอบเบื้องต้น จุดเพลิงไหม้เป็นบริเวณโกดังที่ 4 และ 5 ซึ่งเก็บสารที่เคยเกิดกลุ่มควันสีเหลืองส้ม เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้เร่งระดมรถโฟมเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมอพยพประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง ประมาณ 50 หลังคาเรือน ไปที่วัดโคกม่วง

สธ.เร่งปฏิบัติการฉุกเฉินฯ รับมือ เพลิงไหม้โกดังสารเคมี อ.ภาชี อยุธยา HealthServ

สธ.ย้ายผู้ป่วย รพ.ภาชีไปรพ.อื่น 4 แห่ง


       1 พฤษภาคม 2567 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยกรณีเกิดเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี หมู่ที่ 2 ตำบลภาชี อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ได้รับรายงานจาก นายแพทย์ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายเเพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า เหตุเกิดเวลาประมาณ 18.15 น. เป็นโกดังเดิมที่เคยเกิดเพลิงไหม้มาก่อนหน้านี้ ขณะนี้ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ เบื้องต้น ยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บเเละเสียชีวิต แต่มีกลุ่มควันหนาแน่นลอยไปทางโรงพยาบาลภาชี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 600 เมตร มีผู้ป่วยในโรงพยาบาล 35 ราย ได้จำหน่ายกลับบ้าน 4 ราย ที่เหลืออีก 31 ราย นายแพทย์เศกสรรค์ ชวนะดีเลิศ รองนายเเพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายแพทย์ปรัชญา พยัคฆ์เรือง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภาชี กำลังดำเนินการอพยพผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง ได้แก่ โรงพยาบาลท่าเรือ 8 ราย, โรงพยาบาลสมเด็จพระสังฆราชฯ 15 ราย, โรงพยาบาลอุทัย 4 ราย และ โรงพยาบาลวังน้อย 4 ราย
 
          นายแพทย์โอภาสกล่าวต่อว่า โรงพยาบาลภาชี ยังได้จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม พร้อมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ให้กับจุดอพยพประชาชน วัดโคกม่วง อำเภอภาชี และจัดทีมเจ้าหน้าที่จาก รพ.สต. ร่วมดูเเลประชาชน ที่โรงพยาบาลสนามด้วย โดยหลังสถานการณ์เพลิงไหม้สงบแล้ว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะส่งเจ้าหน้าที่กลุ่มงานอนามัยสิ่งเเวดล้อมเเละอาชีวอนามัย ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ เเละเฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนโดยรอบพื้นที่ต่อไป


 

กรมควบคุมโรค ส่งทีมลงพื้นที่ประเมินสถานการณ์

 
          2 พฤษภาคม 2567 นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 จังหวัดสระบุรี เพื่อเฝ้าระวังสุขภาพประชาชน ที่อาจได้รับผลกระทบจากกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมี ที่อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมเร่งค้นหาผู้ที่ได้รับผลกระทบในบริเวณข้างเคียง ตรวจคัดกรองสุขภาพ ให้ความรู้ประชาชนถึงแนวทางปฏิบัติตัว พร้อมทั้งทำการศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อไป ซึ่งจากการตรวจสอบขณะนี้ ยังพบก๊าซฟอสฟีน และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ จึงขอเน้นย้ำผู้ปฏิบัติงาน และประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียง ป้องกันตนเองโดยการสวมหน้ากากN95 หรือหน้ากากอนามัยที่มีคาร์บอน ซึ่งสามารถดูดซับกลิ่นและแก๊สได้บางส่วน โดยสังเกตได้จากการมีสีเทาดำ
 
          กรมควบคุมโรค แนะนำให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ปฏิบัติตัว ดังนี้ 1. คอยสังเกตความผิดปกติ หากพบเห็นควัน หรือได้กลิ่นผิดปกติ รีบแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที  2.ปิดประตูหน้าต่างอาคารบ้านเรือนให้มิดชิด ถ้ายังได้กลิ่น ให้ไปอยู่ในที่โล่งที่มีอากาศบริสุทธิ์ในทิศเหนือลม  3.สวมหน้ากากอนามัยชนิดที่มีคาร์บอน หรือ N95 หากไม่มีให้สวมหน้ากากอนามัยปกติแล้วออกจากพื้นที่ทันที  4.หากพบว่ามีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หายใจติดขัด มีเสียงหวีดในปอดหรือหมดสติ ให้รีบเคลื่อนย้ายไปยังที่ปลอดภัย อากาศถ่ายเทสะดวก และรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที  5.ผู้มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ สังเกตอาการตนเอง หากมีอาการไอมากขึ้น หายใจมีเสียงหวีด และมีอาการผิดปกติอื่นๆ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์ ข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
 
 

กรมการแพทย์แนะแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยหากมีเหตุการณ์โรงงานระเบิดในชุมชน

 
              แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ โกดังเก็บสารเคมี ในพื้นที่หมู่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา และมีเสียงระเบิดเป็นระยะ หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่แจ้งให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณตั้งแต่โรงพยาบาลภาชี ไปจนถึงตลาดภาชี และบริเวณใกล้เคียง สวมหน้ากากอนามัย และออกมาอยู่ในที่โล่ง เพื่อป้องกันอันตรายจากกลุ่มควันที่ฟุ้งกระจาย กระทรวงสาธารณสุข มีความห่วงใยประชาชน จึงสั่งการให้กรมการแพทย์ให้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องแก่ประชาชน เนื่องจากสารเคมีรั่วไหลมีอันตรายต่อชีวิต ได้แก่ มีอาการระคายเคืองตาและระบบทางเดินหายใจ ปวดหัว มึนงง คลื่นไส้ มีผื่นคันและผิวไหม้ร่วมด้วย นอกจากนี้ อาจมีสารก่อมะเร็ง โดยขึ้นอยู่กับชนิด ระยะเวลาและปริมาณสารเคมีที่สัมผัส อย่างไรก็ตาม ประชาชนควรปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วยเพื่อความปลอดภัย
 
              นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า หากประชาชนประสบกับเหตุการณ์ใกล้เคียงกันนี้ มีข้อแนะนำในการปฏิบัติตัว ดังนี้ 1. ปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด หากอากาศร้อนให้ใช้เครื่องปรับอากาศหรือพัดลมเพื่อบรรเทาแทน 2. พยายามอยู่แต่ภายในบ้าน หากต้องออกข้างนอก ให้อยู่ในที่โล่งและไกลห่างจากรัศมีควันและไอสารเคมี 3. ใส่หน้ากากชนิดมีไส้กรองหรือใช้หน้ากาก N95 และแว่นตาว่ายน้ำเพื่อป้องกันอาการระคายเคืองตา 4. หากมีโรคประจำตัวให้แจ้งเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ โรคหอบหืด โรคปอด โรคความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดและได้รับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง เนื่องจากสารเคมีที่เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้อาการของโรคประจำตัวกำเริบขึ้นได้ 5. หากมีอาการแสบตา แสบคอ แสบจมูกมาก หรือ ไอ หอบ เจ็บหน้าอก หรือแน่นหน้าอก ให้รีบพบแพทย์ 6. ห้ามสูบบุหรี่เด็ดขาด 7. ค้นหาเส้นทางและพาหนะที่ใกล้ที่สุด เพื่อไปหาความช่วยเหลือได้ 8. จดหมายเลขโทรศัพท์ผู้ช่วยเหลือและติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด และ 9. หลังเหตุการณ์ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพและติดตามการตรวจสุขภาพเป็นระยะตามที่แพทย์สั่ง
 
              นายแพทย์กิติพงษ์ พนมยงค์ หัวหน้ากลุ่มศูนย์การแพทย์เฉพาะทางด้านอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กรมการแพทย์มีสถาบันอาชีวเวชศาสตร์และเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม ที่พร้อมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนที่ประสบเหตุและประชาชนในพื้นที่โดยรอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเกี่ยวกับสุขภาพที่ถูกต้อง โดยสามารถติดต่อประสานงานหรือขอข้อมูลได้ที่ 0-2517-4333 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด