กรมควบคุมโรค ร่วมพัฒนาด้านการป้องกันโควิด 19 กับผู้แทนรัสเซีย และหารือเกี่ยวกับวัคซีนใหม่ และการเดินทางระหว่างประเทศ
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมหารือกับคณะผู้แทนจากรัสเซียภายหลังการประชุมกับรัฐมนตรีสาธารณสุขของรัสเซียเมื่อสองปีก่อน มุ่งริเริ่มความร่วมมือด้านการป้องกันโรคติดต่อ โดยเฉพาะ โรคโควิด 19 ด้านรัสเซียได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนตัวใหม่ซึ่งทดลองในคนระยะที่ 3 แล้ว
วานนี้ (10 มีนาคม 2564) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยสัตวแพทย์หญิงเสาวพักตร์ ฮิ้นจ้อย ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ ร่วมหารือด้านสาธารณสุขกับผู้แทนจากสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ประกอบด้วย Mr.Stepan Golovin (ที่ปรึกษาอาวุโส) Mr.Alexey Salnikov (เลขานุการเอก) และ Mr.Arkady Koshcheev (เลขานุการโท) เพื่อพัฒนาความร่วมมือภายหลังการประชุม East Asia Summit (EAS) เมื่อวันที่ 16-17 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งไทยเป็นประธานร่วม มุ่งเน้นการตอบโต้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อใน 9 ด้าน อาทิ การแลกเปลี่ยนความรู้และกรณีศึกษาต่างๆ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร พัฒนาระบบและสมรรถนะห้องปฏิบัติการ การกระจายและสนับสนุนงบประมาณ โดยต้องอาศัยการทำงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
นายแพทย์โสภณ กล่าวว่า การเสริมความมั่นคงให้กับประชาชนในประเทศ ต้องอาศัยการทำงาน กับหลายภาคส่วน และต้องพัฒนาความร่วมมือกับนานาชาติในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยีและทรัพยากร ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) รัสเซียได้พัฒนาวัคซีนชนิด viral vector ที่ชื่อว่า “Sputnik V” ซึ่งขึ้นทะเบียนวัคซีนแล้วใน 40 ประเทศ ผู้แทนรัสเซียได้ให้ข้อมูลว่าตอนนี้ได้พัฒนาวัคซีนอีกตัวเป็นชนิด protein subunit ในชื่อ อิพิแวคโคโรนา (EpiVacCorona Vaccine) โดยใช้ peptide antigen ที่สังเคราะห์ ขณะนี้เริ่มทดสอบในคนระยะที่ 3 เพื่อศึกษาประสิทธิภาพการป้องกันโรคในกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับวัคซีนสองกลุ่มเปรียบเทียบกัน
นอกจากนี้ ได้หารือในการเตรียมรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยกำลังพิจารณาการลดจำนวนวันกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยเป็น 3 กรณี คือ
- คนต่างชาติมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือนก่อนเดินทาง มีเอกสารรับรองปลอดโควิดใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง และตรวจหาเชื้ออีกครั้งในประเทศไทยไม่พบเชื้อ ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน ยกเว้นผู้ที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาให้กักตัว 14 วัน
- คนไทยเดินทางจากต่างประเทศมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อย 14 วัน ไม่เกิน 3 เดือน ไม่มีเอกสารรับรองปลอดโควิด ผลการตรวจหาเชื้อในประเทศไทย 2 ครั้งไม่พบเชื้อ ให้ลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน และ
- คนต่างชาติไม่มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนโควิด มีเพียงเอกสารรับรองปลอดโควิด 72 ชั่วโมงก่อนเดินทาง ลดวันกักตัวเหลือ 10 วัน โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เมษายน 2564 หลังจากได้รับการอนุมัติจาก ศบค.
นายแพทย์โสภณ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัสเซียเชิญชวนนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทยเข้าร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านโรคติดต่ออื่นๆ เช่น โรคติดเชื้อเอชไอวี และท้ายที่สุดทั้งสองประเทศ ได้มีความเห็นพ้องกันว่าให้มีการจัดประชุมทางไกลอีกครั้ง เพื่อพูดคุยรายละเอียดประเด็นความร่วมมืออื่นๆ ต่อไปในอนาคต
สำนักงานความร่วมมือระหว่างประเทศ กรมควบคุมโรค
11 มีนาคม 2564