ข้อมูลบริการสุขภาพของไทย

Jon Sarlin พิธีกรช่วง CNN Nightcap เรียกเพลงนี้ว่าเป็น เพลงฮิตจาก AI เพลงแรกเลยก็ว่าได้ เมื่อดูจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเอไอที่ทยอยออกมาใหม่ทุกสัปดาห์  เขามองว่าเพลงนี้ เป็น  เทคโนโลยีที่ดีที่สุดบางอย่างที่เคยเห็น อันนึงเลย เพราะความเนียนจนแทบแยกไม่ออกจากเสียงนักร้องตัวจริง ก็ว่าได้นั่นเอง 

 

 

เขาให้ความเห็นตรงไปตรงมาว่า ถ้ามองกันจริงๆ ในปัจจุบันนี้ ใครที่มีทักษะสูงหน่อย รู้เรื่องทำเพลง ใช้ซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็สามารถทำเพลงได้เองที่บ้านทั้งนั้น การจะใส่เสียงนักร้องชื่อดังลงไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก สามารถทำได้ เนียนจนคนฟังแยกไม่ออกเลยด้วย หนำซ้ำยังทำก๊อปปี้ได้ไม่รู้จบอีก จะแจกจ่ายไปไหนก็ได้

 

การทำลักษณะนี้ ก็เหมือนกับ Fanfiction ที่แฟนๆ ทำให้หรือทำเลียนแบบศิลปินต้นแบบที่เขาชื่นชอบนั่นแหละ และทุกคนก็รู้ว่านั่นไม่ใช่งานหรือจากตัวศิลปินจริงๆ คุณค่าของศิลปินตัวจริงยังคงอยู่ แม้ว่าใครๆ จะทำเพลงแบบ Drake ได้ก็ตามมันก็ไม่มีค่าอะไรเทียบกับงาน Drake จริงๆ นั่นเอง 

 

ที่เป็นปัญหา น่าจะเป็นเรื่องข้อกฏหมายมากกว่า ที่ไล่ตามไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทเจ้าของสิทธิ์เพลงที่ต้องรับมือกับเรื่องนี้ตรงๆ เต็มๆ 

 

กรณีนี้ UMG ที่เป็นต้นสังกัด ได้ส่งหนังสือถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Spotify และ Youtube  (และอื่นๆ ที่เพลงนี้ไปโผล่ เช่น Soundcloud) แทบจะทันทีให้หยุดเผยแพร่  เรียกร้องให้แพลตฟอร์มแบน AI พร้อมกับเดินเรื่องไปถึงวุฒิสภาให้บังคับใช้กฏหมายลิขสิทธิ์ อีกด้วย 

 

ที่ต้องเล่นหนัก ก็เพราะว่า ของเล่นแบบนี้ มันสั่นสะเทือนขุมทรัพย์ของค่ายเพลงตรงๆ และเต็มๆ และดูเหมือนจะเป็นรองอยู่ด้วยซ้ำ หากไม่ทำอะไรก่อน

 

บางคนเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น แนปสเตอร์ยุคใหม่ (A modern Napster moment)

 

ก็ต้องดูต่อไป ว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์จะเขย่าวงการไหนต่อไปอีก 


CNN