ข้อมูลจากโครงการ "อาหารสมุนไพรเสริมสร้างสุขภาพ" โดย TTMIC กล่าวถึงการดูแลสุขภาพ ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น พืช ผัก ผลไม้ และสมุนไพร จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ที่อุดมไปด้วยวิตามินซีหรือสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสมุนไพรที่มีสารสำคัญที่มีศักยภาพในการลดการติดเชื้อไวรัสได้ จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงขึ้น ลดโอกาสติดเชื้อทางเดินหายใจจากโรค COVID-19 หรือหากติดเชื้อก็อาจช่วยลดความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงได้
นอกจากสมุนไพร แล้ว พืชผักหลายชนิด ก็พบว่า ที่มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันและต้านการอักเสบ ได้เช่นกัน
อาการอักเสบ นับเป็นอาการที่สามารถเกิดได้กับร่างกายในทุกส่วน เป็นปฏิกิริยาการตอบสนองทางชีวภาพระหว่างเนื้อเยื่อและหลอดเลือดต่อสิ่งกระตุ้นที่เป็นอันตราย ซึ่งเป็นปกติของสิ่งมีชีวิตที่ร่างกายพยายามจะเอาสิ่งแปลกปลอม หรือสิ่งกระตุ้นดังกล่าวออกไปและพยายามซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย อาการอักเสบ ไม่ใช่อาการของการติดเชื้อ แต่การอักเสบ คือ การตอบสนองต่อร่างกายเพื่อต่อต้านจุลชีพก่อโรค หรือต่อปัจจัยอื่นๆ หรือภูมิคุ้มกันต่อต้านตนเอง สำหรับอาการอักเสบที่เกิดขึ้น
โดยปกติแล้วก็จะถูกรักษาด้วยการใช้ตัวยาชนิดใดชนิดหนึ่ง แต่หากพืชผักสมุนไพรที่ช่วยลดอาการอักเสบได้โดยไม่ต้องรับประทานยา จะช่วยดูแลสุขภาพให้กลับมาแข็งแรงได้ ที่สำคัญของการทานอาหารเพื่อสุขภาพนั้น คือการทานให้หลากหลาย และเมื่อบำรุงของดีแล้ว อย่าลืมลดอาหารที่ทำร้ายสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารที่ทำให้ร่างกายอักเสบง่าย เช่น น้ำตาล แป้งขัดขาว หรือแอลกอฮอล์
พืชผักต่างๆ อาทิ
กานพลู
ในกานพลูมีสารที่ชื่อว่า “ยูจีนอล” ที่ทำให้อาการอักเสบลดลงได้ โดยที่สารตัวนี้จะเข้าไปยับยั้งโปรตีน COX-2 ที่คอยกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ซึ่งเมื่อรวมเข้ากับน้ำมันของกานพลูก็จะมีฤทธิ์ในการต่อสู้กับแบคทีเรีย หากคั้นเอาน้ำมันกานพลูออกมาก็สามารถนำเอาไปใช้บรรเทาอาการอักเสบ จึงสามารถนำเอามารักษาอาการปวดฟันได้อีกด้วย วิธีการก็ง่ายๆ เพียงอมกานพลูเอาไว้ในปากจนนิ่ม จากนั้นก็ให้เคี้ยวกานพลูช้าๆ เพื่อให้น้ำมันที่อยู่ข้างในออกมา จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบและปวดฟัน
ขิง
ออกฤทธิ์รักษาอาการปวดข้อคล้ายกับตัวยาชนิดหนึ่งที่ใช้ต้านอาการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDS) ซึ่งขิงจะช่วยบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบและติดเชื้อในร่างกายอย่างได้ผลแบบที่ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ จึงไม่ต้องกังวล วิธีการทำเพียงนำขิงสดๆ มาต้นดื่ม หรือเลือกรับประโยชน์จากชาขิงก็ได้เช่นกัน
ใบบัวบก
บัวบกมีฤทธิ์เย็น มีสรรพคุณลดไข้ แก้เจ็บคอด้วย มีการศึกษาในหนูทดลองพบว่ามีฤทธิ์ลดการอักเสบในช่องปาก ลดการบวม และลดการอักเสบที่ผิวหนังได้ด้วย มีสาร asiaticoside ที่ช่วยสมานแผลผิวหนัง
ตรีผลา (สมอไทย สมอพิเภก มะขามป้อม)
ตรีผลา เป็นตำรับยาประกอบด้วยผลไม้หรือสมุนไพรสามชนิดคือ สมอไทย สมอพิเภก และมะขามป้อม ตามตำราการแพทย์แผนไทยจัดให้ตรีผลาเป็นยาที่ทานเพื่อปรับธาตุ ปรับสมดุลร่างกาย เป็นยาลดธาตุไฟ จัดอยู่ในกลุ่มยาที่ให้ฤทธิ์เย็นแก่ร่างกาย มีผลในการต้านการอักเสบ ช่วยกำจัดของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลดระดับไขมันทั้งคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ และมีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของเราให้ดีขึ้นได้
คุณประโยชน์จากตรีผลา
- ผลไม้ที่มีรส เปรี้ยวให้มีวิตามินซีสูง
- รสขมฝาดเป็นลักษณะของอาหารที่มี สารแทนนิน ซับโปนิน ฟลาโวนอยด์และโพลีฟีนอล มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดการอักเสบ ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส มะเร็งตับและมะเร็งท่อน้ำดี สามารถทานเป็นยาระบาย เหมาะกับผู้ที่ทานอาหารควบคุมน้ำหนัก
วิธีรับประทานตรีผลา
ตรีผลามีรสชาติเปรี้ยวฝาด และหวานชุ่มคอหลังดื่ม ทานวันละ 20-25 ml สามารถเติมน้ำผึ้งและน้ำอุ่นเพื่อให้ดื่มง่ายและชุ่มคอยิ่งขึ้น
ข้อควรระวังในการรับประทาน
- ตรีผลามีฤทธิ์เป็นยาระบายควรทดลองทานทีละน้อยเพื่อดูการตอบรับของร่างกาย (ประมาณ 20-25 ml ต่อวัน)
- เด็ก สตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่เลือดแข็งตัวช้า ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
ผักใบเขียว
ผัก นั้นเป็นพืชที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติเด่นของคลอโรฟีล , ไฟเบอร์ และวิตามิน A ที่อยู่ในผักใบเขียวทุกชนิด ช่วยลดอาการอักเสบของผิว ลดริ้วรอย และต้านสิวได้เป็นอย่างได้
ถั่วเปลือกแข็ง
ในถั่วเปลือกแข็ง อย่างอัลมอนต์ เป็นธัญพืชที่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ , แคลเซียม และวิตามิน E ส่วนถั่ววอลนัท อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งโดยทั่วๆ ไปแล้วถั่วทุกชนิดก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ค่อนข้างสูง เป็นประโยชน์ต่อการบริโภคเพื่อรักษาเนื้อเยื่อและอวัยวะที่ถูกทำลายจากการติดเชื้อ หรือเกิดการอักเสบได้เป็นอย่างดี
เห็ดต่างๆ
“เห็ด” หลายชนิดมีข้อมูลการศึกษาในคนที่พบว่ามีฤทธิ์เพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย สามารถใช้ในการป้องกันและรักษาโรคระบบทางเดินหายใจส่วนบน
มีคุณค่าทางยา โดยมีสารประกอบที่มีสรรพคุณช่วยเสริมให้ร่างกายมีภูมิต้านทานมากขึ้น สารสำคัญในเห็ดคือ สารกลุ่มเบต้ากลูแคนส์ (beta-glucans : เป็นสารเชิงซ้อนกลุ่มโพลีแซคคาไรด์) สารกลุ่มนี้พบได้มากใน เห็ด รา ยีสต์ และพืช สารกลุ่มนี้มีฤทธิ์ปรับเสริมภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และฤทธิ์ต้านการติดเชื้อ
เห็ดซิตาเกะหรือเห็ดหอม (Shitake หรือ Lentinus edodes)
อุดมไปด้วยวิตามินบี2 บี5 และบี6 เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมาก อีกทั้งยังมีแร่ธาตุต่างๆ มากมาย เช่น แมงกานีส ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม ซีลีเนียม ทองแดง สังกะสี แมกนีเซียม วิตามินดี และใยอาหาร นอกจากนี้ยังมีสาร ไฟโทนิวเทรียน และโพลีแซคคาไรด์ กลูแคน ที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น มีงานวิจัยในคนที่พบว่า การรับประทานเห็ดหอม ขนาด 5 กรัม หรือ 10 กรัม ทุกวัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ร่างกายจะมีภูมิต้านทานสูงขึ้น โดยเพิ่มระดับของสารที่จะคอยทำลายสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ของร่างกายและลดระดับสารที่จะสร้างการอักเสบ
เห็ดไมตาเกะ
มีคุณสมบัติในการป้องกันมะเร็ง มีสาร Grifolan ซึ่งเป็นสาร เบต้า-กลูแคน โพลีแซคคาไรด์ ซึ่งประกอบไปด้วยโมเลกุลของน้ำตาลเกาะกันเป็นสายยาว มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า Grfolan สามารถกระตุ้นเซลล์แมคโครฟาจ (Macrophage) ซึ่งเปรียบเสมือนกองทัพใหญ่ที่ทำงานในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในระดับเซลล์อีกด้วย
เห็ดหลินจือ (Reishi mushroom หรือ Ganoderma lucidum)
รักษาโรคตับ ความดันโลหิตสูงและข้ออักเสบ เห็ดหลินจือมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงในปอด โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาหอบหืด และผู้ที่ไอเรื้อรัง ปัจจุบันมีการวิจัยเพิ่มเติมพบว่า เห็ดหลินจือมีผลในการต้านภูมิแพ้ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อไวรัส ต้านแบคทีเรีย และมีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์
เห็ดหูหนู
โรคริดสีดวง บำรุงกระเพาะ คุมการทำงานของสมอง หัวใจ ปอด ตับ อาการเส้นโลหิตฝอยแตก ช่วยการไหลเวียนของโลหิต กระตุ้นการทำงานของเลือดให้เป็นปกติ บรรเทาอาการเจ็บปวด เช่น การปวดฟัน บรรเทาอาการตกเลือด ริดสีดวง บรรเทาการเป็นตะคริว อาการของบิด ยับยั้งเนื้อร้ายหรือมะเร็ง
เห็ดหูหนูขาว
บำรุงน้ำอสุจิ ไต ตับ ร้อนใน ปอด หลั่งน้ำลาย ย่อยอาหารและบำรุงกระเพาะ อาการไอ ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ระบบเลือด หัวใจ และบำรุงสมอง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง อาการไอ ขับเสมหะและโรคหอบหืด อาการไอแห้ง ๆ แผลเรื้อรังในปอด หลอดลม บำรุงสุขภาพมารดาหลังคลอด รอบเดือนของสตรี ช่วยการระบาย รักษาโรคบิด ยับยั้งเซลล์มะเร็ง
เห็ดตระกูลนางรม
บำบัดอาการปวดเอว ปวดขา ชาตามแขนขา ขยายหลอดเลือด และอาการเอ็นยึด ยังยั้งเซลล์มะเร็ง กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ปรับความดันโลหิตและความเข้มข้นของไขมันในเลือด ยับยั้งการเติบโตของเนื้อร้าย ลดอาการอักเสบ ลดการก่อโรคของจุลินทรีย์
เห็ดฟาง มีวิตามินซี จำนวนมาก(ไม่ควรรับประทานสด)ลดการติดเชื้อ สมานแผล ลักปิดลักเปิด โรคเหงือก ลดอาการผื่นคัน มีสาร volvatioxin ชะลอและยับยั้งเซลล์มะเร็ง บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง แก้ช้ำใน บำรุงตับ
เห็ดเข็มทอง
รักษาโรคตับ กระเพาะและลำไส้อักเสบเรื้อรังได้สาร flammulin ยับยั้งเซลล์มะเร็งของเยื่อบุช่องท้อง ในเห็ดเข็มทองมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) มีคุณสมบัติสลายไขมันที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร จึงส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้นและทำให้ไขมันสะสมได้รับการเผาผลาญมากขึ้นอีกด้วย
เห็ดกระดุมหรือเห็ดแชมปิญอง
ช่วยในการย่อยอาหาร ความดันโลหิตสูง และคลายความตื่นตระหนก ยังยั้งเซลล์มะเร็ง และการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียได้ มีบทบาทในการรักษาและป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมมากที่สุด โดยสารบางอย่างในเห็ดนี้ไปช่วยยับยั้งเอนไซม์อะโรมาเตส (aromatase) ทำให้เกิดการยับยั้งการเปลี่ยนฮอร์โมนเอนโดรเจนเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้ หญิงวัยหมดประจำเดือน เมื่อร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนได้น้อยลงก็ลดโอกาสการเจริญเติบโตของเซลล์ มะเร็งเต้านมให้น้อยลง – เห็ดถั่งเช่า
บำรุงร่างกาย แก้อาการอ่อนเพลีย โลหิตจาง แก้ไอละลายเสมหะ หอบหืด ไอเรื้อรัง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เข่าอ่อน เหมาะสำหรับบำรุงกำลังหลังการฟื้นไข้ ขยายหลอดเลือด สารสกัดที่เป็นผลึกสีเหลืองอ่อน สามารถยับยั้งแบคทีเรียได้หลายชนิด
เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบ
มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงร่างกายและธาตุเหล็ก ลดอาการร้อนใน เนื่องจากมีฤทธิ์เย็น แก้ชำในและชูกำลัง ช่วยสมานแผล ลดอาการอักเสบและบวม แก้ไข้ตัวร้อน ช่วยทำให้เลือดแข็งตัวได้เร็วขึ้น บรรเทาอาการคันตามร่างกาย และยังมีส่วนช่วยยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งอีกด้วย