ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยการใช้บอลลูน

ปัจจุบันโรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดแดงโคโรนารีที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease, CAD) เป็นโรคหัวใจที่พบได้บ่อย และเป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยมักจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือเหนื่อยง่ายเวลาออกกำลัง และในบางรายก็มีอาการเฉียบพลันเกิดหัวใจวายได้ซึ่งวิธีการรักษา โรคนี้ในปัจจุบันมีอยู่ 3 วิธี คือ การผ่าตัดนำหลอดเลือดที่ขา หรือหลอดเลือดแดงบางที่มาตัดต่อกับหลอดเลือดที่อุดตันทำทางเดินของเลือดใหม่ ซึ่งเราเรียกการผ่าตัดนี้ว่า Coronary Artery Bypass Graft (CABG)การใช้ยารักษาและการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจรวมถึงการใส่ขดเลือดในหลอดเลือดหัวใจด้วย

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยการใช้บอลลูน

ปัจจุบันโรคหัวใจขาดเลือด หรือโรคหลอดเลือดแดงโคโรนารีที่ไปเลี้ยงหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease, CAD)เป็นโรคหัวใจที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุการตายของผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ป่วยมักจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือเหนื่อยง่ายเวลาออกกำลัง และในบางรายก็มีอาการเฉียบพลันเกิดหัวใจวายได้ซึ่งวิธีการรักษา โรคนี้ในปัจจุบันมีอยู่3วิธี คือ การผ่าตัดนำหลอดเลือดที่ขา หรือหลอดเลือดแดงบางที่มาตัดต่อกับหลอดเลือดที่อุดตันทำทางเดินของเลือดใหม่ ซึ่งเราเรียกการผ่าตัดนี้ว่าCoronary Artery Bypass Graft (CABG)การใช้ยารักษาและการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดหัวใจรวมถึงการใส่ขดเลือดในหลอดเลือดหัวใจด้วย

ในเดือนกันยายน ปี ค.ศ.1977นายแพทย์ชาวเยอรมันชื่อAndreas Gruentzig
ได้ทำการรักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยการใช้บอลลูนขยายหลอดเลือดเป็นผลสำเร็จตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาก็มีการรักษาและพัฒนาวิธีการรักษาแบบใหม่นี้ ทำให้ได้ผลการรักษาที่ดีและยอมรับกันทั่วไป เรียกวิธีการรักษาแบบนี้ว่าPercutaneous Translumianl CoronaryAngioplasty (PTCA)

Percutaneousหมายถึง การรักษาโดยการเจาะรูผ่านทางผิวหนังบริเวณขาหนีบเพื่อใส่สายสวน หัวใจเข้าไป
Translumianlหมายถึง การรักษานี้กระทำภายในหลอดเลือด (หรือท่อ)
CoronaryหมายถึงหลอดเลือดCoronaryที่ไปเลี้ยงหัวใจ
Angioplastyหมายถึง การรักษาด้วยการใส่สายสวนหัวใจที่มีballoonหรือลูกโป่งเล็กๆ อยู่บริเวณปลายของสายสวน ซึ่งบอลลูนนี้จะใส่เข้าไปในหลอดเลือดแดงที่ตีบอยู่ หลังจากนั้นแพทย์จะดันให้ลูกโป่งก็จะดันให้ลูกโป่งพองออกตรงตำแหน่งที่ตีบ แรงกดของลูกโป่งก็จะดันผนังหลอดเลือดที่ตีบนั้นให้ขยายออกทำให้เลือดสามารถไหลผ่านไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น

ข้อดีของการทำการขยายหลอดเลือดหัวใจทางหลอดเลือดแดงบริเวณ ข้อมือ (Radial artery)

ข้อดีของวิธีนี้คือ คนไข้สามารถลุกนั่งหรือเดินได้ทันทีหลังจากที่สวนหัวใจเสร็จแต่วิธีนี้ต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการขยายหลอดเลือดหัวใจอย่างมาก แตกต่างจากวิธีการสวนหัวใจเข้าทางขาหนีบคนไข้จะต้องนอนราบไม่งอขาข้างที่ทำเป็นเวลาอย่างน้อย6ชั่วโมง

ทำไมต้องรักษาโรคหัวใจขาดเลือดด้วยวิธีPTCA ?

ก่อนทำPTCAได้แพร่หลายและนิยมกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยก็ได้มีการรักษาโดยวิธีPTCAในโรงพยาบาลใหญ่ๆ หลายแห่งทั้งของรัฐและเอกชน ระยะเวลาในการทำPTCAเฉลี่ยส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 1/2 -1 1/2ซม. ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของหลอดเลือดที่ตีบ และจำนวนของหลอดเลือดที่ตีบด้วย ข้อดีของการทำPTCAคือการทำให้ผู้ป่วยหายจากการเจ็บหน้าอกได้อย่างรวดเร็ว และระยะเวลาพักฟื้นภายในโรงพยาบาลก็จะสั้นมาก ผู้ป่วยส่วนมากจะสามารถกลับบ้านได้ภายใน1-2วัน และกลับไปทำกิจกรรมหรืองานต่างๆ ได้ตามปกติภายใน1สัปดาห์ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการผ่าตัดแล้วพบว่าผู้ป่วยต้องอยู่โรงพยาบาล1-2สัปดาห์ และกลับไปทำงานได้ตามปกติภายในประมาณ3-4สัปดาห์

พบปัญหาการทำPTCAหรือไม่

สำหรับปัญหาในการทำบอลลูนในช่วงแรกๆ ที่สำคัญมีอยู่2อย่างคือ การเกิดปิดของเส้นเลือดทันที (Abrupt Closure)หลังจากการทำPTCAซึ่งเกิดได้ประมาณ3-6 %และอาจจำเป็นต้องไปทำผ่าตัดCABGเป็นกรณีฉุกเฉินถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้พบประมาณ1%ของผู้ป่วยที่มาทำ PTCAและเกิดการตีบใหม่ (Rest enosis)ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ30-40 %และมักเกิดจากภายหลังการทำPTCA 3-6เดือนแรก

มีวิธีการลดการตีบใหม่ของหลอดเลือดหรือไม่?

ปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการขยายหลอดเลือดหัวใจมาใช้กันมากขึ้น เพื่อลดการตีบซ้ำ (Restenosis)เช่น การใช้เครื่องมือตัดก้อนไขมัน หรือแคลเซียมในเส้นเลือด (Directional Coronary Arthrectomy, DCA)การใช้หัวกรอเพชร (Rotablator)การใช้ขดเลือดเล็กๆไปถ่างเส้นเลือดไว้ (Stent)หรือการใช้แสงเลเซอร์ร่วมกับการใช้ballonเราอาจเรียกวิธีการขยายหลอดเลือดด้วยการใช้บอลลูนร่วมกับเครื่องมือใหม่ๆ เหล่านี้ว่าPercutaneous Coronary Intervention (PCT)และพบว่าการใช้ขดลวดเล็กร่วมกับบอลลูนอาจลดการตีบซ้ำใหม่ เหลือเพียง10-20 %และสามารถแก้ไขการยุบตัวของหลอดเลือดได้ โดยลดอัตราเสี่ยงที่จะต้องส่งไปผ่าตัดเหลือน้อยกว่า0.5 %

ผลสำเร็จของการทำด้วยวิธีPCI

อย่างไรก็ตาม การทำ PTCAด้วยการใช้บอลลูนธรรมดาก็ยังเป็นที่นิยมใช้กันอยู่โดยมีการใส่ขดลวดร่วมด้วยมากกว่า80 %และยังมีขดลวดแบบใหม่ที่สามารถลดการตีบ
แบบใหม่ ที่สามารถลดการตีบใหม่ลงเหลือน้อยกว่า5 %อีกด้วย ผลการรักษาด้วยวิธีPCIนี้ ปัจจุบันมีผลสำเร็จตั่งแต่85-99%ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างโดยที่เราไม่สามารถใช้การรักษาแบบนี้ทดแทนการผ่าตัดได้ในบางกรณี

ดังนั้น แพทย์ผู้รักษาจะเป็นผู้แนะนำได้ดีที่สุดว่าควรจะให้การรักษาแบบใดในผู้ป่วยรายใดและภายหลังการรักษาแล้วแพทย์จะอธิบายการปฏิบัติตัว หรือจำกัดกิจกรรมบางอย่างรวมทั้งเกี่ยวกับการรับประทานยาและอาหารที่จำเป็นดังนั้นการกลับมาพบแพทย์ตามนัดเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะอาจต้องมีการตรวจบางอย่างอีกเพื่อให้แน่ใจว่าหลอดเลือดของหัวใจยังมีการไหลเวียนโลหิตได้ดี ทำให้ผู้ป่วยโรคหัวใจนั้นสามารถมีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

ขดลวดถ่างเส้นเลือดแบบพิเศษ ดีกว่าขดลวดธรรมดาอย่างไร?

การใช้ขดลวดแบบพิเศษ จะสามารถป้องกันการตีบใหม่ของหลอดเลือดได้มาก ปกติถ้าใช้ขดลวดธรรมดาในการตีบใหม่อยู่ที่ประมาณ15-20 %แต่ถ้าใช้ขดลวดแบบพิเศษที่มียาเคลือบอยู่นี้ ส่วนใหญ่จะเป็นยาที่ออกฤทธิ์ ต้านการแบ่งตัวของเซลล์ ลักษณะคล้ายกับยาที่ใช้กับโรคมะเร็ง เพราะฉะนั้นถ้าใช้ขดลวดแบบมาตรฐานเกิดการตีบใหม่ประมาณ10-20 %แต่ถ้าใช้ขดลวดแบบพิเศษปรากฏว่าการตีบใหม่ลดลง เหลือน้อยกว่า 5 %และพบว่าคนไข้จะไม่ค่อยมีปัญหาหลังจากทำไปแล้ว และก็ลดการที่ต้องมาทำใหม่อีกในช่วง3-6เดือนแรกที่จะมีการตีบใหม่ นั่นก็คือข้อดีของขดลวดแบบพิเศษที่มียาเคลือบอยู่

ด้วยความปรารถนาดีจาก
ศูนย์หัวใจ วิภาวดี
โทร.0-2941-2800 , 0-2561-1111กด1

กายดี ใส่ใจดี โรงพยาบาลวิภาวดี

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด