ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เตือนผ่าตัดกระเพาะ ไม่ใช่ทางลัดลดน้ำหนัก

เตือนผ่าตัดกระเพาะ ไม่ใช่ทางลัดลดน้ำหนัก Thumb HealthServ.net
เตือนผ่าตัดกระเพาะ ไม่ใช่ทางลัดลดน้ำหนัก ThumbMobile HealthServ.net

เตือนการผ่าตัดกระเพาะ ใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วน มิใช่ทางลัดในการลดน้ำหนัก แนะหนุ่ม-สาวที่อยากหุ่นเพรียว ใช้วิธีธรรมชาติอย่างการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพช่วยลดสัดส่วนร่างกาย ก่อนพึ่งพาศัลยกรรม

 
           ปัจจุบัน ประชาชนทุกช่วงวัยต่างให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพ ร่างกาย และบุคลิกภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่ม-สาว ที่นอกจากจะมีความต้องการให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว รูปลักษณ์ทั้งใบหน้า ร่างกายก็ต้องมีความสวยงาม สมส่วน แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ขาดการเอาใจใส่ต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่ให้พลังงาน และไขมันสูง อย่างจังค์ฟู๊ด รับประทานไม่เป็นเวลา และขาดการออกกำลังกาย จึงส่งผลให้ร่างกายสะสมไขมันมากเกินกว่าการเผาผลาญจึงก่อให้เกิดโรคอ้วน ซึ่งโรคอ้วนนอกจากจะส่งผลต่อบุคลิกภาพแล้ว ยังเป็นสาเหตุของโรคอื่นๆ อาทิ โรคหัวใจ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเบาหวาน และโรคความดันโลหิต ฯลฯ

         จึงอาจมีประชาชนบางราย ที่ต้องการศัลยกรรม อย่างการผ่าตัดกระเพาะซึ่งกำลังเป็นที่กล่าวถึงในสื่อโซเชียลมาช่วยในการลดน้ำหนัก กรม สบส. ขอเตือนประชาชนว่าการผ่าตัดกระเพาะ มิใช่ทางลัดในการลดน้ำหนักแต่อย่างใด แต่การผ่าตัดกระเพาะนั้น เป็นการรักษารูปแบบหนึ่งสำหรับผู้เป็นโรคอ้วนที่มีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) เกิน 32.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร และผ่านการลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายภายใต้การดูแลของแพทย์แล้วแต่ไม่เป็นผล จึงจะสามารถเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารได้ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้ป่วยมีสุขภาพกายและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มิได้ทำเพื่อความสวยงาม
 
          ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวต่อว่า การผ่าตัดกระเพาะ เป็นการศัลยกรรมประเภทหนึ่งที่ใช้รักษาโรคเรื้อรัง ซึ่งจะต้องมีการปรึกษากับแพทย์ถึงความเสี่ยง ภาวะแทรกซ้อน และปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และต้องกระทำในสถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพร่างกายไม่ให้เกิดไขมันสะสมจนเป็นโรคอ้วนนั้น สามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม โดยการออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที  และควบคุมอาหาร ลดอาหารที่มีไขมันสูง ของทอดต่างๆ เพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารที่มีเส้นใย เพื่อช่วยดูดซึมไขมันคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งจะเป็นการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด