ทุเรียน ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งผลไม้ ไปแล้ว เพราะความอร่อยติดใจไม่เพียงแต่คนไทยเท่านั้น แต่คนต่างชาติมากมายที่เคยลิ้มลองต่างติดใจไปตามๆ กัน โดยเฉพาะชาวจีน จนทุกวันนี้ ทุเรียนเป็นผลไม้ยอดนิยม อันดับหนึ่งที่คนจีน เมื่อมาเที่ยวเมืองไทย ต้องถามหาเพื่อลิ้มลอง
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า ปัจจุบันจีนเป็นผู้บริโภคทุเรียนรายใหญ่และไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออก ทุเรียนสด (เปลือก) ไปยังประเทศจีน ในปี 2018 ไทยส่งออกทุเรียนไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกถึง 48 ประเทศ รวมกว่า 490 ตัน มากที่สุดคือส่งไปจีนประมาณ 343 ตัน ปี 2019 การส่งออกทุเรียนไทยไปยังประเทศจีน 518,424 ตัน พิสูจน์ความนิยมของผู้บริโภคชาวจีนต่อทุเรียนไทยได้เป็นอย่างดี
เทคนิคการเลือกทุเรียน
1) ดูสีเปลือก - ลักษณะที่ปรากฏส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับขนาดและสีของทุเรียน ทุเรียนส่วนใหญ่ในมาเลเซียเป็นสีเขียว หากมีสีเหลืองจะบอกถึงมีความสุกของทุเรียน โดยหากยิ่งสีเหลืองสุกมากเท่าใดก็ยิ่งมีรสชาติดีขึ้นเท่านั้น
2) ดูหนาม - หนามของทุเรียนสามารถบอกถึงเนื้อในของทุเรียนได้ โดยหากหนามของทุเรียนเป็นเหมือนพีรามิดอ้วนกว้างแสดงว่ามีเนื้อภายในมาก แต่ถ้าทุเรียนมีหนามหนามที่ผอมบางแสดงว่ามีเนื้อน้อย
3) หยิกปลาย – หยิกหนามที่มีลักษณะเป็นพีรามิดแล้วหักหนาม หากสามารถหักหนามได้แสดว่าทุเรียนสุกกำลังดี
4) ดมกลิ่น – โดยทุเรียนมาเลเซียจะมีกลิ่นหญ้าอ่อนๆ แต่หากได้กลิ่นแก๊สแสดงว่าทุเรียนสุกเกินไปและอาจจะเริ่มเน่าแล้ว
ข้อควรระวังในการกินทุเรียน
ความอร่อยของทุเรียนเป็นที่ยอมรับ แต่จริงๆ แล้วทุเรียนก็มีข้อที่ต้องระวังอยู่เช่นกัน
1. ทุเรียน เป็นผลไม้ที่แคลอรี่สูง มีคาร์โบไฮเดรตและพลังงานสูง หากกินมากเกินไปมีผลต่อแคลอรี่ในร่างกายและน้ำหนักตัวได้
2. ทุเรียน มีปริมาณน้ำตาลสูงมาก ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง หัวใจ เส้นเลือด และไขมันในเลือด
3. ทุเรียน เป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน จึงห้ามกินร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เหล้า เบียร์ ทุกชนิด
4. แนะนำกินพอเหมาะ เพียง 1-2 เม็ดต่อวัน
5. กินแล้วท้องอืด แน่นท้อง เพราะทุเรียนมีความเป็นกรดเยอะ มักจะเกิดขึ้นจากการกินทุเรียนเนื้อห่าม ทำให้ย่อยยาก