การเบิกจ่ายตรงเงินสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล
โครงการเบิกจ่ายตรง คือ โครงการคู่ขนานกับระบบเบิกจ่ายค่ารักษาเดิม(ใบเสร็จ,หนังสือต้นสังกัด) เป็นโครงการแบบสมัครใจสําหรับผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว ยกเว้นผู้ป่วยไตวายเรื้อรังและผู้ป่วยมะเร็งที่จําเป็นต้องใช้ยานอกบัญชีหลักแห่งชาติที่มีค่าใช้จ่ายสูง 6 ชนิด ต้องเข้าระบบเบิกจ่ายตรงทุกคน
สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการเบิกจ่ายตรง คือ
ผู้ป่วยนอก : ไม่ต้องทดรองจ่ายเงินไปก่อน
ผู้ป่วยใน : ไม่ต้องมีหนังสือรับรองการมีสิทธิ (หนังสือส่งตัว) จากต้นสังกัดไปยื่นให้สถานพยาบาลก่อนเข้า
รับการรักษา
เพื่อให้เกิดความถูกต้องตามระเบียบการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล กรมบัญชีกลางจึงเห็นควรให้มีการจัดทําฐานข้อมูลเพื่อยืนยันสิทธิการรักษาพยาบาลของตนเองและบุคคลในครอบครัว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกนําไปใช้เชื่อมโยงกับการจ่ายเงินบําเหน็จตกทอดอีกด้วย โดยมีแนวปฏิบัติของผู้ใช้สิทธิการเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาล ดังนี้
1. ผู้ใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก
ต้องเป็นข้าราชการ ลูกจ้างประจํา ผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญ และบุคคลในครอบครัว (บุตรบุญธรรมไม่สามารถใช้สิทธิจ่ายตรงได้) ที่มีชื่อในฐานข้อมูลบุคลากรภาครัฐของกรมบัญชีกลาง โดยติดต่อนายทะเบียนที่ต้นสังกัดเพื่อจัดทําฐานข้อมูลบุคลากรภาครัฐให้สมบูรณ์ครบถ้วน
2. กรมบัญชีกลางปรับปรุงข้อมูลที่สมบูรณ์แล้วทุก 15 วัน (วันที่ 4 และวันที่ 8 ของเดือน)
ข้าราชการ ลูกจ้างประจํา ผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญ และบุคคลในครอบครัวสามารถตรวจสอบว่ามีชื่อใน
ฐานข้อมูลตามข้อ 1 หรือไม่ ผ่าน website กรมบัญชีกลาง (http://www.cgd.go.th/) โดยเข้าไปที่
หัวข้อสวัสดิการรักษาพยาบาลและเลือกรายการตรวจสอบสิทธิการรักษาสวัสดิการ
2.1 กรณีที่ตรวจสอบแล้วมีชื่อ : ต้องสมัครลงทะเบียนและแสกนลายนิ้วมือ ณ สถานพยาบาลที่จะเข้ารับการรักษาก่อน (ไม่จํากัดจํานวนโรงพยาบาลที่จะสมัคร) กรณีผู้ป่วยนอก สามารถใช้ระบบจ่ายตรงได้หลังจากลงทะเบียนแล้ว 15 วัน และในช่วง 15 วันนั้น หากต้องเข้ารักษาพยาบาล ให้นําใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลไปวางเบิกกับต้นสังกัด
2.2 กรณีที่ตรวจสอบแล้วไม่มีชื่อ : ให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจํา ผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญ และบุคคลในครอบครัว ติดต่อนายทะเบียนของส่วนราชการที่ตนสังกัดอยู่ เพื่อทําการปรับปรุงข้อมูลในฐานข้อมูลบุคลากรภาครัฐของกรมบัญชีกลาง กรณีที่บิดา-มารดาของข้าราชการที่มีบุตรเป็นข้าราชการหลายคน ฐานข้อมูลรักษาพยาบาลของบุตร(ที่เป็นข้าราชการ)ทุกคนต้องถูกต้องตรงกัน หากมีข้อมูลของรายใดไม่ถูกต้องสมบูรณ์อาจทําให้บิดา-มารดาไม่มีสิทธิรักษาพยาบาลได้ จึงต้องปรับปรุงข้อมูลของผู้มีสิทธิในฐานข้อมูลฯ ให้สมบูรณ์ หลังจากมีชื่อในฐานข้อมูลฯ แล้ว จึงจะสามารถสมัครลงทะเบียนตามข้อ 2.1 ได้
3. ข้าราชการ ลูกจ้างประจํา ผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญ และบุคคลในครอบครัวที่มีสิทธิซ้ําซ้อน (เช่น
สิทธิประกันสังคม ข้าราชการรัฐวิสาหกิจ สิทธิองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น อบต., เทศบาล, ครูเอกชน ฯ)
ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการจ่ายตรงรักษาพยาบาลได้ ต้องใช้ใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลหรือหนังสือ
รับรองจากต้นสังกัด(ใบส่งตัว) ประกอบการเบิกจ่ายจากต้นสังกัดของตน เว้นแต่ค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับ
นั้นต่ํากว่าเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลที่มีสิทธิจะได้รับจากทางราชการ ก็มีสิทธิเบิกค่า
รักษาพยาบาลส่วนที่ขาดอยู่ได้
4. หนังสือรับรองการมีสิทธิสําหรับโครงการผู้ป่วยนอกรักษาต่อเนื่อง (แบบ 7101/1), หนังสือ
รับรองการมีสิทธิรับเงินค่ารักษาพยาบาล (แบบ7100/1), และวิธีการรับรองใช้ยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติไม่สามารถนํามายื่นต่อสถานพยาบาลได้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 เพราะผู้รับการรักษาโรคต่อเนื่อง ต้องเข้าระบบจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลทุกคน
5. ข้าราชการ ลูกจ้างประจํา ผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญ และบุคคลในครอบครัวที่ไม่ได้เข้าร่วม
โครงการจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลยังคงสามารถนําใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลมาวางเบิกกับต้นสังกัดกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอก และขอหนังสือต้นสังกัดกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยในได้ตามปกติ หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐที่ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ใช้สิทธิเบิกจ่ายตรง สามารถนําใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลมาเบิกจากต้นสังกัดได้ การตรวจสุขภาพประจําปีไม่สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงได้ต้องนําใบเสร็จมาเบิกจากต้นสังกัด
6. กรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยใน
หากตรวจสอบแล้วมีชื่อตามข้อ 2.1 สามารถแจ้งโรงพยาบาล เพื่อให้ขอเลขอนุมัติแทนหนังสือรับรองการมีสิทธิทาง web page ได้หนังสือรับรองสิทธิฯ จากต้นสังกัดของผู้ป่วยยังใช้ได้อยู่ เหตุที่ยังคงหนังสือรับรองสิทธิในกรณีผู้ป่วยใน เป็นเพราะการปรับปรุงฐานข้อมูลผู้มีสิทธิฯ จากต้นสังกัดอาจจะต้องใช้เวลาเกินกว่าระยะเวลาการรักษาตัวในสถานพยาบาลก็ได้ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นก็จะเป็นปัญหากับการเบิกของสถานพยาบาลเอง ใน
อนาคตเมื่อฐานข้อมูลผู้มีสิทธิฯ สมบูรณ์ขึ้น เชื่อว่าผู้ป่วยจะใช้หนังสือรับรองสิทธิลดลงและเลิกไปในที่สุด ระบบจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลได้เริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 เมื่อลงทะเบียนครั้งแรกครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป ทั้งนี้เพื่อให้ข้าราชการ ลูกจ้างประจํา ผู้รับเบี้ยหวัดบํานาญ และบุคคลในครอบครัวได้รับคุณภาพในการรักษาพยาบาลเพิ่มมากขึ้นอย่างเป็นธรรม สามารถควบคุมและตรวจสอบค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทําให้ผู้มีสิทธิได้รับความสะดวกและลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโดยยังได้สิทธิเหมือนเดิม
ทั้งนี้ รายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลให้ถือปฏิบัติตามหนังสือ กระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0417/ว.84 ลงวันที่ 28 กันยายน 2549 สามารถ download ได้ที่ Website กรมบัญชีกลาง (www.cgd.go.th) ส่วนทะเบียนประวัติและบําเหนจความชอบ
สิทธิเบิกจ่ายตรง [รพ.รามาธิบดี]