ผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2566 ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อเป็นขวัญปีใหม่ในปี 2566 มากที่สุด
5 อันดับแรก ได้แก่
(1) ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค (ร้อยละ 91.1)
(2) ลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา (ร้อยละ 67)
(3) แก้ปัญหาด้านการเกษตร เช่น ราคาพืชตกต่ำ จัดหาตลาดรองรับผลผลิต และราคาปุ๋ยแพง (ร้อยละ 30)
(4) แก้ปัญหาการว่างงาน (ร้อยละ 23.4)
(5) เพิ่มมาตรการ/สวัสดิการ/เงินช่วยเหลือเยียวยา เช่น โครงการคนละครึ่ง เพิ่มเงินผู้มีรายได้น้อย และเพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา/ผู้พิการ
2. มาตรการ/โครงการที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชน/หมู่บ้านมากที่สุด
ได้แก่
(1) โครงการคนละครึ่ง (ร้อยละ 75.8)
(2) โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ร้อยละ 69.9)
(3) มาตรการลดค่าไฟฟ้า (ร้อยละ 59.2)
(4) โครงการเราชนะ (ร้อยละ 25.1)
(5) โครงการ ม.33 เรารักกัน (ร้อยละ 14.8)
3. ความพึงพอใจต่อการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา
โดยประชาชนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ 42.1 แบ่งเป็น
พึงพอใจมากที่สุด ร้อยละ 7.7 และพึงพอใจมาก ร้อยละ 34.4)
ระดับปานกลาง (ร้อยละ 41)
ระดับน้อย-น้อยที่สุด (ร้อยละ 14.7 แบ่งเป็น
พึ่งพอใจน้อย ร้อยละ 11.8 และพึงพอใจน้อยที่สุด ร้อยละ 2.9)
และไม่พึงพอใจ (ร้อยละ 2.2)
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า
- ประชาชนในภาคใต้มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น (ร้อยละ 62.2)
- ขณะที่ประชาชนในกรุงเทพมหานครมีความพึงพอใจ ในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่ต่ำกว่าภาคอื่น (ร้อยละ 22.2)
นอกจากนี้ ประชาชนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี เช่นเดียวกับกลุ่มอาชีพเกษตรกรและกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้แก่ พ่อบ้าน แม่บ้าน ผู้เกษียณอายุ นักเรียน นักศึกษา และผู้ว่างงาน มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น
4. ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
โดยประชาชนมีระดับความเชื่อมั่น ดังนี้
4.1 ระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 35.4
แบ่งเป็นเชื่อมั่นมากที่สุด ร้อยละ 5.8 และเชื่อมั่นมาก ร้อยละ 29.6
4.2 ระดับปานกลาง ร้อยละ 40.8
4.3 ระดับน้อย-น้อยที่สุด ร้อยละ 20.6
แบ่งเป็น เชื่อมั่นน้อย ร้อยละ 15.7 และเชื่อมั่นน้อยที่สุด ร้อยละ 4.9
4.4 ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ 3.2
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ประชาชนในภาคใต้ มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าคนอื่น (ร้อยละ 54.8) ขณะที่ประชาชนในกรุงเทพมหานคร มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่ต่ำกว่าภาคอื่น (ร้อยละ 19)
นอกจากนี้ประชาชนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี
เมื่อมองจากกลุ่มอาชีพ พบว่า กลุ่มอาชีพเกษตรกรและกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้แก่ พ่อบ้าน แม่บ้าน ผู้เกษียณอายุ นักเรียน นักศึกษา และผู้ว่างงาน มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย
ดังนี้
1.ควรมีมาตรการ/โครงการช่วยเหลือและลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เช่น มาตรการลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค และเพิ่มวงเงินในโครงการคนละครึ่ง
2.ควรเร่งแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการจ้างงานและสร้างอาชีพแก่ประชาชน เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำในการประกอบอาชีพ และหาตลาดรองรับผลผลิตทางการเกษตร
3.ควรเร่งสร้างความร่วมมือ เครือข่าย และกระบวนการป้องกันไม่ให้คนในสังคมเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเข้าไปสู่วงจรของยาเสพติด เช่น สร้างความสามัคคีในชุมชน สร้างการสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ในเรื่องการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด รวมทั้งการใช้กฎหมายลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างจริงจังและเด็ดขาด
4.ควรมีการบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ และภัยพิบัติต่าง ๆ
5.ควรประชาสัมพันธ์ข่าวสารเพื่อสร้างการรับรู้ของประชาชนเรื่องการถูกหลอกลวง/ล่อลวง ทางโซเซียลมีเดียเพื่อให้รู้เท่าทันภัยออนไลน์ รวมทั้งประชาสัมพันธ์ช่องทางการร้องเรียน/ร้องทุกข์ เช่น สายด่วนศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ 1212 และสายดาวนตำรวจไซเบอร์ 1441