13 มีนาคม 2566 ที่ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว กทม. ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมการแถลงข่าวจัดกิจกรรม WORLD ORAL HEALTH DAY 2023 ของประเทศไทย โดยทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายกว่า 20 หน่วยงาน เพื่อสร้างความตระหนักการดูแลสุขภาพช่องปากให้กับประชาชน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในอนาคต พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ว่า สุขภาพอนามัยในช่องปากมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพโดยรวมของประชาชนและเป็นพื้นฐานสําคัญในการดูแลสุขอนามัยเบื้องต้น ทั้งนี้ โรคและปัญหาสุขภาพในช่องปากเกิดขึ้นได้ในทุกกลุ่มวัย แม้ว่าจะสามารถป้องกันได้แต่ก็ยังพบว่ามีผู้ป่วยโรคในช่องปากและสภาวะอื่นๆ ที่เป็นปัญหา ซึ่งนอกจากสร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วยจนส่งผลกระทบต่อการดําเนินชีวิตแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจโดยรวมด้วย
ดร.สาธิต กล่าวต่อว่า จากการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ณ สํานักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2562 ได้บรรจุให้ “สุขภาพช่องปาก” อยู่ในปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของสหประชาชาติ โดยทุกประเทศต้องยกระดับการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพช่องปาก และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษา เพื่อแก้ปัญหาสุขภาพในช่องปากให้กับประชากรโลกได้อย่างยั่งยืน สําหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสําคัญในเรื่องดังกล่าว โดยมีนโยบายมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพบริการทางทันตกรรม ทั้งการสร้างเสริมและป้องกันโรค รวมถึงการสร้างความเสมอภาคในการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลด้านสุขภาพช่องปากอย่างเท่าเทียม พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพช่องปากที่ดีตลอดชีวิต
กิจกรรม WORLD ORAL HEALTH DAY 2023 ประเทศไทยได้จัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยองค์กรวิชาชีพทันตกรรม องค์กรสุขภาพภาครัฐ และภาคีเครือข่าย จะร่วมกิจกรรมรณรงค์พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ และให้ “ทุกวันที่ 20 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสุขภาพช่องปากโลก” โดยมีกิจกรรมที่หลากหลาย อาทิ การรณรงค์ผ่านโซเชียลมีเดีย, การจัดบริการทันตกรรมฟรี, การจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้, การจัดโปรโมชั่นลดราคาผลิตภัณฑ์สุขภาพช่องปาก เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หรือกิจกรรมอื่นๆ ตามบริบทของแต่ละพื้นที่และจะมีการส่งรายงานภาพรวมกิจกรรมของประเทศไทยไปแข่งขันในระดับโลกด้วย
“นับเป็นการเริ่มต้นที่ดี ที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันขับเคลื่อนและปลุกกระแสเรื่องสุขภาพช่องปากให้เป็นวาระระดับโลก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพร้อมให้หน่วยงานในสังกัดทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ร่วมรณรงค์และจัดบริการทันตกรรมให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมสื่อสารสร้างการรับรู้ถึงความสําคัญของการดูแลสุขภาพอนามัยในช่องปากของตนเอง เพื่อสุขภาพโดยรวมที่ดี” ดร.สาธิตกล่าว