ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกัน ประกาศเลิกและกำจัดสิ่งจัดแสดงที่เป็นชิ้นส่วนมนุษย์

พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกัน ประกาศเลิกและกำจัดสิ่งจัดแสดงที่เป็นชิ้นส่วนมนุษย์ Thumb HealthServ.net
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกัน ประกาศเลิกและกำจัดสิ่งจัดแสดงที่เป็นชิ้นส่วนมนุษย์ ThumbMobile HealthServ.net

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่า พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติอเมริกันในนิวยอร์ก (American Museum of Natural History - AMNH) ออกจดหมายประกาศเกี่ยวกับนโยบายการจัดการวัตถุจัดแสดงใหม่ โดยระบุว่า จะนำวัตถุจัดแสดงที่เป็นชิ้นส่วนมนุษย์ หรือเกี่ยวข้องหรือมีชิ้นส่วนของมนุษย์เป็นองค์ประกอบ ที่มีทั้งหมดออกจากพิพิธภัณฑ์ และพิพิธภัณฑ์จะดำเนินการจัดหาพื้นที่สำหรับจัดเก็บซากมนุษย์ราว 12,000 ชิ้น รวมถึงโครงกระดูกคนพื้นเมืองและคนผิวดำที่เป็นทาส

 ประธานพิพิธภัณฑ์ ฌอน เอ็ม. เดคาเทอร์ ระบุในหนังสือที่ส่งถึงสำนักข่าวถึง หลักสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือ ความยินยอมของบุคคล โดยระบุว่า ไม่มีบุคคลใดที่ยินยอมให้นำศพของเขาไปจัดแสดงให้คนอื่นชมในพิพิธภัณฑ์ เว้นเสียแต่บางบุคคลที่ยินยอมมอบร่างกายให้กับโรงเรียนแพทย์เพื่อการศึกษาเท่านั้น  สอดคล้องกับนโยบายของพิพิธภัณฑ์ที่เคยกำหนดไว้เมื่อไม่นานนี้ ว่า จะไม่รับสิ่งใดๆ ทั้งที่เป็นชิ้นเดียวหรือเป็นชุดๆ ก็ตามที่เก็บหรือรวบรวมมา ภายใต้สภาวะการณ์ที่สนับสนุนหรือกระตุ้นให้เกิดการละเมิดหรือทำให้เกิดความเสียหายต่อ แหล่งโบราณคดี อนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรม หรือสถานที่พิธีกรรมการฝังศพมนุษย์ 
 
 
โครงกระดูกและซากมัมมี่ จะถูกนำออกจากการจัดแสดง รวมถึงเครื่องดนตรี เครื่องประดับ ที่ทำขึ้นหรือประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์  
 
ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์ มีโครงกระดูกมนุษย์อยู่นับพันชิ้น ในจำนวนนี้ร้อยละ 26 เป็นโครงกระดูกคนพื้นถิ่นอเมริกันในสหรัฐอเมริกา ที่เหลือมาจากประเทศอื่นๆ มีร่างของคนผิวดำที่ถูกขายเป็นทาสจำนวน 5 ร่าง ที่ขุดพบระหว่างการก่อสร้างตั้งแต่ยุค 1900 
 
สิ่งจัดแสดงที่เกี่ยวกับซากมนุษย์ที่ยังคงมีจัดแสดงอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นส่วนน้อยแล้ว และมีแผนจะนำออกไปเร็วๆ นี้ ได้แก่ แบบจำลองหลุมฝังศพนักรบจากมองโกเลียที่มีอายุราว ค.ศ.1000  ผ้ากันเปื้อนจากทิเบตที่ทำจากกระดูกมนุษย์ รวมถึงเครื่องดนตรีบางชนิดของวัฒนธรรมแอซเทคที่ทำจากกระดูกคน
 
"ไม่มีสิ่งจัดแสดงชิ้นไหน จะสำคัญไปกว่าเป้าหมายและเนื้อหาการจัดแสดง ที่พยายามจะถ่วงดุลข้อขัดแย้งทางจริยธรรม บนข้อเท็จจริงที่ว่า การนำเอาซากศพมาใช้จัดแสดงร่วมกับสิ่งของต่างๆ บนระนาบเวลาเพื่อสะท้อนภาพของยุคอดีตนั้น  ในบางกรณีหรือบางด้าน มันกลับแสดงถึงการตกเป็นเหยื่อของโศกนาฏกรรมจากความรุนแรง หรือการที่พวกเขาเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ถูกกระทำและถูกแสวงประโยชน์  ซึ่งการนำเอาสิ่งนั้นหรือเรื่องราวนั้นมาจัดแสดงต่อสาธารณะ เท่ากับเป็นการขอบเขตการละเมิดหรือการแสวงหาประโยชน์ดังกล่าวต่อๆไปอีก"

เสมือนว่าการกดขี่ ละเมิดและถูกกระทำ ยังคงอยู่และส่งต่อสู่สาธารณะอยู่ต่อไป แม้จะโดยไม่ตั้งใจก็ตาม
 

พิพิธภัณฑ์ได้ตระหนักถึงผลเกี่ยวเนื่องด้านลบเหล่านั้น จึงอยากยุติมันนั่นเอง
 



นายดีเคเตอร์กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้เป็นความพยายามที่จะจัดการกับ "มรดกอันซับซ้อนของชิ้นส่วนของมนุษย์" และความสำคัญลำดับต้นๆ ต่อจากนี้ไปคือการจัดเก็บอย่างเหมาะสมจนกว่ามีการนำส่งคืนกลับไปยังประเทศต้นทางต่อไป
 
นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์มีแผนจะทบทวนและจัดการสิ่งจัดแสดงทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวโยงกับมนุษย์ที่เคยมีชีวิตด้วย
 
 
ในจดหมายดังกล่าว พิพิธภัณฑ์ยอมรับว่านักวิจัยในศตวรรษที่ 19 และ 20 ได้ใช้ซากศพมนุษย์เพื่อพัฒนา "วาระทางวิทยาศาสตร์ที่มีข้อบกพร่องบนรากฐานความคิดอำนาจนิยมสูงสุดของคนผิวขาว (white supremacy) กล่าวคือ การระบุความแตกต่างทางกายภาพที่อาจเสริมแบบจำลองของลำดับชั้นทางเชื้อชาติ" 
และ การจัดแสดงซากศพมนุษย์เกิดขึ้นจากความไม่สมดุลเชิงอำนาจแบบสุดโต่ง
 

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด