ผมคง อยู่ได้อีกไม่นานแล้วครับ - หมอกฤตไทย ผู้ป่วยมะเร็ง #สู้ดิวะ หมอกฤตไทย หมอหนุ่มผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เจ้าของเพจ#สู้ดิวะ โพสต์ถึงอาการล่าสุดของตนและระบุว่าอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน กำลังใจมหาศาลหลั่งไหลเข้าไปให้กำลังใจ
ผมคงไม่ได้ไปดู NBA
ผมคงไม่ทันได้เข้าไปอยู่ในบ้าน
คงไม่ทันได้เจอพี่เพียวอีก
จากนี้ฝากบ้าน ฝากพีม ฝากครอบครัวด้วยนะครับ
ขอบคุณจากใจให้กับทุกคนที่ช่วยดูแลด้วยครับ - 3 พ.ย.66
ผมคง อยู่ได้อีกไม่นานแล้วครับ
ใครมีอะไรอยากพูดอยากบอกผม
เชิญได้เลยครับ
ผมน่าจะไปช่วงกลางเดือนหน้า
จากนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ
ณ ตอนนี้ผมพิมพ์ได้เท่านี้ก็เอาละครับ
ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดช่วง 30ที่ผ่านมาครับ
ขอโทษถ้าผมทำให้ใครไม่พอใจครับ - 2 พ.ย.66
เป็น 2 โพสต์ล่าสุด ของหมอกฤตไทย เรื่องของอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดของตน ที่ขณะนี้ลุกลามไปทั่วร่างกายแล้ว ทำให้แท็ก #สู้ดิวะ ติดเทรนด์กระหึ่มโซเชี่ยลและ x (ทวิตเตอร์) ด้วยกำลังใจจำนวนมหาศาลที่หลั่งไหลเข้าไปให้กำลังใจ
สวัสดีครับ ผมเป็นมะเร็งปอดครับ
สวัสดีครับ
ผมเป็นมะเร็งปอดครับ
…
Squamous cell carcinoma of the lung with multiple brain, pleural, and lung to lung metastasis
.
มันจะเรียกว่า ระยะสุดท้ายก็ได้ครับ ระยะลุกลาม ระยะที่ไม่สามารถผ่าตัดเอาก้อนออกแล้วก็หายขาดได้อย่างแน่นอนครับ
.
กำลังบรรจุเป็นอาจารย์แพทย์ได้ 2 เดือน
ก็ได้ตั๋วเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ใหญ่เฉยเลย
สงสัยใช่ไหมครับ เพราะผมก็สงสัยเหมือนกัน
…
..
.
ผมมั่นใจในสุขภาพร่างกายตัวเองมากๆนะ ทั้งเข้ายิมสม่ำเสมอ เล่นกีฬา กินอาหารคลีน ไม่สูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็น้อยมากๆ ทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เครียด นอน 4 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้ามาอ่านหนังสือ ทำวิจัย สอนนักศึกษา ไม่ได้เข้าเวรอดนอนอะไรเลย การงานอาชีพที่เรียกได้ว่ากำลังไปได้สวย เพิ่งจะอดทนเรียนแพทย์เฉพาะทางจบ พร้อมกับปริญญาโทวิทยาการข้อมูลอีกใบ เพื่อมาทำงานเป็นอาจารย์แพทย์ตามที่ฝันไว้
..
.
แล้วผมก็เริ่มไอครับ
ไอมีเสมหะบ้าง ไอแห้งบ้าง ตรวจโควิดแล้วก็ไม่เจอ ตอนนั้นรักษาไปทางกรดไหลย้อนก่อน
ผ่านไป 2 เดือน ระหว่างนี้ผมสามารถเล่นกีฬาได้ตามปกติ ทำงาน ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยจริงๆ มีแค่เรื่องไอที่ไม่หายสักที ไอจนรบกวนการสอน
จึงตัดสินใจไปตรวจจริงๆจัง เอาจริงๆคือเพิ่งจะมีเวลาว่างจากงานด้วยแหละครับ
3 ตุลาคม 2565 เป็นวันที่ไม่มีตารางงานเลย
จึงถือโอกาสไปตรวจสุขภาพหน่อย
…
..
.
Chest X-ray แผ่นแรกบอกผมว่า ชีวิตผมจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว เป็นฟิล์มที่ปอดข้างขวาผมเหลืออยู่ครึ่งเดียว ลักษณะเหมือนมีก้อนกับน้ำอยู่ในปอดด้านขวา และปอดด้านซ้ายก็มีก้อนเล็กๆเต็มไปหมด
.
จังหวะนี้ผมบอกเลยนะ
คุณจะไม่คิดถึงงานของคุณเลย ผมว่าผมเป็นคนบ้างานคนหนึ่งเลยแหละ แต่ ณ ตอนนั้นผม ไม่มีเรื่องงานเหลือในหัวเลย คุณจะไม่มีความคิดเลยว่าอยากทำงานให้มากกว่านี้ หรืออยากใช้เวลาในออฟฟิศให้นานกว่านี้สักนิดเลยครับ
…
..
ถึงจะคิดว่า อายุเราน้อย ไม่มีปัจจัยเสี่ยงอะไรเลย สุขภาพโคตรแข็งแรง แล้วเอาจริงก็คิดว่าผมไม่ใช่คนทำบาปเยอะอะไรนะ ถึงจะพยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าคงไม่ใช่หรอกน่า..
.
แต่
.
หลังจากผ่านการตรวจทุกอย่างมาแล้ว ทั้งเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ผ่าตัดเข้าไปเพื่อไปเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ ตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง
ผลมันก็คือผมเป็น”มะเร็งปอด” จริงๆ
แถมเป็นระยะสุดท้ายด้วย ตัวก้อนหลักขนาดเกือบ 8 cm ที่ปอดด้านขวา นอกจากนี้ตัวมะเร็งยังมีการกระจายไปที่เยื่อหุ้มปอด และปอดข้างซ้ายอีกหลายจุด ที่สำคัญคือ มันกระจายไปที่สมองถึง 6 ก้อนด้วยกัน แต่ละก้อนก็ใหญ่ซะด้วย โชคดีที่ผมไม่มีอาการทางสมองอะไร ทั้งที่ตำแหน่งที่มันกระจายไป สามารถทำให้ผม แขนขาอ่อนแรง ชา เดินไม่ตรง ทรงตัวไม่ได้ หรือแม้แต่เสียการมองเห็นไปเลย
.
อย่างไรก็ตามผมได้รับการรักษาที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้แล้วครับ ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านจากใจจริงครับที่ให้ความช่วยเหลือผมมากขนาดนี้ ทั้งทีมผ่าตัด ทีมดมยา ทีมอาจารย์โรคมะเร็ง รวมถึงพี่พยาบาลเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่ดูแลอย่างดี
ผมได้รับ chemotherapy Immunotherapy และได้รับการฉายแสงที่ศรีษะทันทีที่เจอก้อน
ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ยอดเยี่ยมและรวดเร็วแบบนี้ผมอาจจะไม่สามารถมานั่งเขียนสเตตัสนี้แล้วก็ได้ครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณจริงๆ
…
..
รวมถึงประกันด้วยครับ ผมโชคดีที่ได้ทำประกันสุขภาพโรคร้ายแรงไว้ ตอนทำคิดแค่ว่าจะเอาไว้ไปผ่าไส้ติ่งที่เอกชน ถึงตอนนี้ประกันจะยังไม่อนุมัติ ยังอยู่ในกระบวนการสืบค้นข้อมูล ซึ่งมันก็เข้าใจได้ครับ ผมเป็นหมอ อายุน้อย ทำไมถึงเลือกประกันนี้ แล้วเป็นเร็วขนาดนี้ แต่ผมอยากจะบอกประกันเลยว่า ผมเนี่ยวางแผนชีวิตไว้เยอะมาก และก่อนหน้านี้ผมก็แข็งแรงมากๆ อนุมัติให้ผมเถอะ ผมไม่ได้ตุกติกครับ สำหรับคนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ ผมแนะนำครับ
.
ถ้าคนแบบผมเป็นมะเร็งได้ ทุกคนมีโอกาสเป็นได้จริงๆครับ โลกเราตอนนี้มันไม่ปกติครับ ทั้งมลภาวะ อากาศ น้ำ รังสีต่างๆ ยีนส์เรามันพร้อมกลายพันธ์ครับ
…
..
.
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ผมเป็นคนที่เชื่อสุดหัวใจว่า ถ้าเรามีเป้าหมายและวางแผน พยายามทุ่มเท อดทน มันจะได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการได้ ผมเชื่อว่าเราสามารถควบคุมชีวิตเราได้ พัฒนาตัวเอง ดูแลสุขภาพ อ่านหนังสือ ลงทุน ใช้ชีวิตให้ยอดเยี่ยมมาเสมอ
.
มันเลยทำให้ในมือผมมีการ์ดดีๆมากมายเลยครับ
.
ผมมีสุขภาพที่โคตรแข็งแรง มีการงานที่โคตรมั่นคงและมีอนาคตสดใส ผมมีสังคมและความสัมพันธ์ที่อบอุ่นมากๆ รายล้อมไปด้วยผู้คนที่สุดยอดและน่ารัก ผมกล้าพูดว่าผมมีแต่คนรักมากกว่าคนเกลียด อาจเพราะผมใช้ชีวิตด้วยคติคือว่า “ทุกคนที่ได้มาเจอและรู้จักผม เขาจะต้องรู้สึกว่าโชคดีจังที่ได้รู้จักกับผม”
ผมทำแบบนั้นมาตลอด และตอนนี้ผมมีการ์ดเหล่านั้น ผมลงทุนมาตลอดเดินไปตามแผนเกษียณได้อย่างสบายๆ ผมกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุด ผมกำลังจะสร้างบ้านในฝันของเรา
.
แล้ว
.
ผมก็จั่วได้การ์ด ที่ชื่อว่า “มะเร็งระยะสุดท้าย”
.
การ์ดที่ถึงผมจะไม่อยากได้ แต่ผมก็มีมันอยู่ในมือ
เป็นวันที่ตระหนักว่าจริงๆแล้ว มนุษย์เรามันโคตรเปราะบางเลยครับ
.
มันเหมือนโลกทั้งใบของเราแตกสลายลงไปต่อหน้าเลยนะครับ แผนชีวิตที่วางมาทั้งหมด พังลง ต่อหน้าต่อตาเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตอนที่ได้ chemo หรือได้ยาอะไรเข้าไปแล้วร่างกายจะเป็นยังไง ฉายแสงที่หัวด้วยรังสีเข้มข้น จะเกิดผลข้างเคียงอะไรไหม จะเดินได้อยู่ไหม จะมองเห็นอยู่ไหม จะกินข้าวได้อยู่ไหม จะยังจำทุกคนได้ไหม จะยังเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน
.
ผมได้ตระหนักว่าชีวิตเรามันมีเวลาชีวิตจำกัด
ไม่ว่าผมจะตอบสนองกับยาดีแค่ไหน หรือผมจะแข็งแรงแค่ไหน ผมคงไม่ได้แก่ตายแน่ๆ
.
เวลาผมจำกัดแค่ไหนเหรอครับ
.
ตัวเลขจากวิจัยก็อาจจะหลักเดือน หกเดือน หนึ่งปี สองปี ถ้าโชคดีมากๆหน่อยก็อาจจะห้าปี
.
.
ผมไม่รู้จริงๆว่าโลกจะให้เวลากับผมเท่าไร และผมไม่สามารถพยายามอะไรได้เลย ทำได้แค่ภาวนาให้ยาตอบสนอง ให้โรคสงบ ให้ไม่มีผลข้างเคียงอะไรเกิดขึ้น ภาวนา ให้มีชีวิตอยู่อย่างปกติไปได้อีกสักวัน หรืออีกสักเดือน
.
..
…
แต่คุณเชื่อไหม
ผมไม่เสียดายชีวิตที่ผ่านมาเลยนะ
.
ผมมีช่วงชีวิตที่ผ่านมาที่โคตรดี ดีแบบไม่มีอะไรเสียใจ ไม่มีอะไรที่อยากย้อนกลับไปทำเลย ไม่มีอะไรที่อยากกลับไปแก้ไขในอดีตเลย
แปลว่าที่ผ่านมาใช้ชีวิตมาได้น่าพอใจมากๆเลยแหละ คือ ไม่ได้รู้สึกว่า รู้งี้ทำแบบนั้นตอนนั้นดีกว่า หรือย้อนกลับไปเปลี่ยนทางเดินชีวิตอะไรเลย ไม่ได้อยากไปเที่ยวรอบโลก ไม่ได้อยากขับ supercar ไม่ได้อยากมีสังคมกลุ่มใหม่ ไม่ได้อยากทำงานอื่น
.
ไม่ได้อยากมีอะไรที่มากไปกว่าที่ชีวิตตอนนี้มีอยู่เลย ผมว่าผมมีชีวิตที่ดีมากแล้วจริงๆ
.
28 ปีที่ผ่านมาของผม มันยอดเยี่ยมและมีคุณค่ามากพอที่จะเรียกว่าชีวิตที่มีความหมายแล้ว
.
.
ผมและพีมใช้เวลาหนึ่งเดือน ไปกับการรักษาทั้งสารรังสี ยาสลบ การผ่าตัด ยากระตุ้นภูมิ เคมีบำบัด รังสีรักษา รวมถึงยา molnupiravir (ใช่ครับ หลังได้คีโม ผมติดโควิด ลูกรักพระเจ้าไหมละ) และตั้งหลักชีวิตใหม่ เพื่อกลับมามองว่าผมจะเล่นการ์ดในมือนี้ต่อไปยังไง
.
การ์ดมะเร็งในมือนี้ เมื่อมันมาอยู่ในมือผม เพลย์ต่อไปที่ผมจะเล่น คือ
“การฝากบางอย่างไว้ให้กับโลกที่อาจจะไม่ได้น่ารักกับผมเท่าไร”
.
ผมได้รับโอกาสที่จะถ่ายทอดสิ่งที่ผมได้ตกตะกอนมาตลอดชีวิตผม สิ่งที่ได้เรียนรู้ มุมมองการใช้ชีวิต ความเชื่อ ความฝัน ความประทับใจ
รวมถึงเรื่องราวที่ผมอยากจะฝากไว้กับโลกนี้ ทั้งช่วงอารมณ์อ่อนไหว และเข้มแข็ง เผื่อถ้าวันหนึ่งที่ผมไม่อยู่แล้ว ตัวตนของผม จะยังอยู่ตลอดไป
.
ผมคงจะยังได้รับบทบาทเป็นอาจารย์
จะยังได้มีลูกศิษย์ ที่เติบโต ที่ได้เรียนรู้จากผมอยู่
.
..
มันคงจะดีมากๆถ้าการที่ชีวิตที่สั้นลงของผมสามารถเป็นกำลังใจ เป็นพลังให้กับคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อ
…
ผมและเพื่อนรักของผม
จึงมีความตั้งใจที่จะสร้างเพจนี้ขึ้นมา
เพื่อส่งต่อสิ่งเหล่านี้ครับ
สู้ดิวะ
10 พฤศจิกายน 2565