ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

หมอกฤตไท สู้ดิวะ จากไปแล้ว

หมอกฤตไท สู้ดิวะ จากไปแล้ว HealthServ.net
หมอกฤตไท สู้ดิวะ จากไปแล้ว ThumbMobile HealthServ.net

5 ธันวาคม 2566 เพจสู้ดิวะ โดยทีมแอดมิน ได้ระบุว่า หมอกฤตไท ได้จากไปแล้ว ในช่วงเช้า (วันที่ 5 ธันวาคม) และได้บอกเล่าเรื่องราว “บทส่งท้าย จากคุณหมอกฤตไท” ไว้น่าสนใจ

หมอกฤตไท สู้ดิวะ จากไปแล้ว
 
5 ธันวาคม 2566 เพจสู้ดิวะ โดยทีมแอดมิน ได้ระบุว่า หมอกฤตไท ได้จากไปแล้ว ในช่วงเช้า (วันที่ 5 ธันวาคม) และได้บอกเล่าเรื่องราว “บทส่งท้าย จากคุณหมอกฤตไท” ไว้น่าสนใจ ว่า 
 
“สรุปบทเรียนจากน้องมะเร็งในช่วงที่อยู่ด้วยกันมาคงสรุปได้ว่า “ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายเราทุกคนจะต้องตาย จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เขาบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด”
 
บทความนี้ขอนำบทส่งท้ายทั้งหมด มาเผยแพร่ไว้ ณ ที่นี้ 
 
 สวัสดีครับ
 
หลายๆท่านคงได้ทราบเรื่องการจากไปของหมอกฤตไทเมื่อช่วงเช้าวันนี้แล้ว
 
ตั้งแต่คุณหมอไทรู้ว่าตัวเองป่วยเมื่อช่วงปีที่แล้ว
คุณหมอมีความตั้งใจที่จะใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีค่ากับคนรอบข้างมากที่สุด พวกเราได้สร้างเพจ ‘สู้ดิวะ’ นี้ขึ้น เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวแนวคิดต่างๆที่หมอไทได้ตกตะกอนในช่วงที่ต้องต่อสู้กับโรคร้าย
 
ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับสังคม
นั้นเกินกว่าที่หมอไทและพวกเรากลุ่มเพื่อนสนิทหวังไว้ไปมาก หลายท่านได้มีโอกาสกลับมาทบทวนแนวทางการดำเนินชีวิต หลายท่านได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวในฐานะผู้ป่วยระยะสุดท้าย และหลายท่านกลับมามีกำลังใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจากการที่ได้อ่านโพสต์ของคุณหมอ
 
นอกจากจะได้แบ่งปันสิ่งต่างๆให้กับคนรอบตัว
เพจนี้ยังเป็นเสมือนกำลังใจในการใช้ชีวิตให้กับคุณหมออีกด้วย หลายครั้งที่หมอไทท้อแท้หรือหมดกำลังใจจากการรักษาที่แสนทรมาน สิ่งหนึ่งที่คอยเป็นกำลังใจให้หมออยู่เสมอ ก็คือเรื่องราวของผู้ติดตามเพจ ‘สู้ดิวะ’ ที่ได้รับอะไรบางอย่างจากข้อเขียนของหมอไท
 
ตอนนี้เพจ ‘สู้ดิวะ’ ได้บรรลุจุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้เรียบร้อยแล้ว ในฐานะเพื่อนของคุณหมอไท ที่ได้ร่วมช่วยดูแลเพจนี้มาตลอด พวกเราอยากจะขอขอบคุณทุกคน ที่อยู่เป็นกำลังใจให้กันมาจนถึงวันนี้
 
หลังจากนี้ถึงแม้จะไม่มีโพสถัดไปจากคุณหมออีกแล้ว แต่พวกเราหวังว่าแนวคิดและแรงบัลดาลใจที่คุณหมอได้สร้างไว้ จะถูกพูดถึง ส่งต่อ เป็นพลังให้กับผู้คนในสังคมต่อไป
 
ขอบคุณทุกคนมากๆครับ
แม็ก, ศีล, แก๊ป
แอดมินเพจสู้ดิวะ
 
 
 
“บทส่งท้าย จากคุณหมอกฤตไท”
 
ถ้าจะให้สรุปบทเรียนจากน้องมะเร็งในช่วงที่อยู่ด้วยกันมาคงสรุปได้ว่า “ชีวิตไม่แน่นอน สุดท้ายเราทุกคนจะต้องตาย จงอยู่กับปัจจุบัน ใช้แต่ละวันให้เหมือนวันสุดท้าย ถ้ามีอะไรที่ทำเพื่อคนอื่นได้ ก็แบ่งปันความโชคดีให้เขาบ้าง และไม่ว่าชีวิตจะเลวร้ายแค่ไหน อย่าหมดหวังกับชีวิตเด็ดขาด”
 
...
 
มาคิดดูดีๆ ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ดูผิดปกติเหมือนกันนะครับ ที่ผมจะต้องมาตายก่อนที่จะแก่ เมื่อก่อนผมดูแลตัวอย่างดี เพื่อที่จะให้ตอนแก่ไม่เป็นโรคเรื้อรังอย่าง เบาหวาน ไขมัน ความดัน ผมอยากเป็นคนแก่ที่ผมหงอกแต่มีกล้าม สุขภาพแข็งแรง แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีโอกาสไปถึงวันนั้นเสียแล้ว ยอมรับว่ามันก็รู้สึกเจ็บปวดจริงๆ แต่ก็นี่แหละครับ ชีวิต ชีวิตที่แสนเปราะบาง ชีวิตที่เราเคยเข้าใจผิดไปว่าเรามีสิทธิ์ในการจะบงการมันไปอีกยาวนาน ผมรักชีวิตของผมตอนนี้มาก ผมรักทุกคนรอบตัวผม รักทุกอย่างที่ผมมี รักทุกสิ่งที่ผมเป็น แน่นอนว่าผมไม่อยากจากไป แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้
 
ผมหวังว่าเรื่องของผมจะช่วยให้คุณกลับมามองชีวิตตัวเองแล้วฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมาเป็นโรคร้ายแบบผม
 
กับตัวเอง ตั้งแต่ป่วยมา ผมเลิกให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเรื่องน่าหงุดหงิด เรื่องน่ากังวลไร้สาระที่เมื่อก่อนผมให้ความสำคัญกับมันเสียมากมาย ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรอให้ป่วย คุณก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจเรื่องไร้สาระพวกนั้นได้ตอนนี้เลย
 
วันนี้คุณอาจกำลังทำงานเกินเวลา คุณอาจหัวร้อนที่ตีบวกไม่ติด คุณอาจหมดใจกับองค์กร คุณอาจหงุดหงิดพุงย้อยๆ ของตัวเอง คุณอาจไม่พอใจที่ตอนไปดัดผมออกมาแล้วหยิกเกินไป คุณอาจอยากให้ซิกแพ็คคุณชัดกว่านี้สักหน่อย หรือ อาจกำลังรำคาญสิวบนใบหน้า
 
เรื่องไร้สาระพวกนี้ ช่างหัวมันเถอะครับ
 
ผมเคยสนใจเรื่องพวกนี้มากพอๆ กับคุณแหละครับ แต่เชื่อผมเถอะ คุณจะไม่คิดถึงมันเลย ถ้าคุณกำลังจะตาย
 
พอเราไม่ต้องเสียเวลาให้กับเรื่องเล็กๆ พวกนั้นแล้ว คุณจะมีสมาธิมากพอที่จะโฟกัสกับอาหารตรงหน้า โฟกัสกับการวิ่ง โฟกัสกับอากาศบริสุทธิ์ที่คุณยังสามารถหายใจเอามันเข้าไปในปอดของคุณได้ โดยไม่มีอาการเจ็บหน้าอกแบบผม คุณลองมองความสวยงามของธรรมชาติ มองรอยยิ้มของคนรอบข้าง และเสียงหัวเราะของคนที่คุณรัก มันพิเศษมากๆ เลยที่คุณยังทำสิ่งเหล่านี้ได้
 
...
 
ผมเห็นคนบ่นว่ามันยากแค่ไหนที่จะไปออกกำลังกาย เงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้เขาไม่สามารถดูแลร่างกายตัวเองได้ ให้ตายเถอะ ผมอยากไปออกกำลังกายมากๆ คุณควรดีใจนะ ที่คุณยังไปออกกำลังกายได้ ดังนั้น ไปเถอะครับ ออกไปดูแลสุขภาพตัวเองในตอนที่คุณยังทำได้ แม้ว่ารูปร่างของเราจะยังไม่ใช่แบบที่เราต้องการ แต่การออกกำลังกายและกินอาหารที่เป็นประโยชน์ มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เราควรทำจริงๆ ครับ
 
สิ่งสำคัญนอกจากการดูแลร่างกายคือการดูแลสุขภาพจิตของเรา ปัจจุบันเราอยู่ในโลกที่สังคมออนไลน์ที่น่ากลัวมาก และที่สำคัญกว่านั้นคือสังคมรอบข้างตัวคุณ เราเปลี่ยนความคิดคนรอบข้างไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวคนรอบข้างเราได้ครับ เราไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับคนที่ทำให้ชีวิตเราแย่ลง หรือคนที่เราไม่ได้อยากอยู่ด้วย เลือกสังคมให้ชีวิตตัวเองดีๆ
 
ผมเห็นผู้คนที่ไม่อยากให้ถึงวันจันทร์ คนที่ยอมอดทนทั้งที่มีสิทธิ์เลือก คุณไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำงานครับ ชีวิตคุณไม่ได้ยาวนานพอที่จะอยู่อย่างฝืนทน เลือกที่จะปฏิเสธสิ่งที่คุณไม่ต้องการ อย่าไปใช้เวลาของคุณเพื่อความฝันของคนอื่นครับ จำไว้ว่าถ้ามีเรื่องไหนที่คุณไม่โอเคกับมัน คุณมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเปลี่ยนแปลงมัน ทั้งเรื่องงาน ความรัก หรืออะไรก็ตาม คุณต้องกล้าที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตคุณเอง คุณจะไปทนทำไม คุณอาจบอกว่า “ทนไปแล้วค่อยเปลี่ยน” แต่คุณไม่รู้ว่าหรอกว่าคุณเหลือเวลาบนโลกนี้อีกเท่าไหร่ ดังนั้น อย่าเอาเวลาชีวิตที่แสนจำกัดนี้ไปใช้กับสิ่งที่คุณไม่ชอบเลยครับ แค่ทำสิ่งที่ชอบ เวลาก็ไม่พออยู่แล้ว
 
ให้เวลากับคนรักของคุณ กับเพื่อน กับครอบครัว กับคนที่รักคุณ กับคนที่มีความสำคัญกับชีวิตคุณ มากกว่าภาระ การงาน ตำแหน่ง และเงินทองเถอะครับ
 
ผมหวังว่าคุณจะหันมาขอบคุณความปกติในชีวิตคุณให้มากขึ้น
 
ทุกคืนที่คุณล้มตัวลงนอนแล้วนอนหลับได้ การที่คุณไม่ต้องฝันถึงท่อช่วยหายใจ ทุกวันที่คุณตื่นขึ้นมาแล้วไม่ได้หายใจแล้วเจ็บ ไม่ได้มีอาการหอบเหนื่อย ถ้าคุณไม่ได้มีอาการปวดกระดูกทุกครั้งที่คุณขยับตัว หรือคุณไม่ต้องมากลัวว่าวันไหนที่ตื่นมาแล้วคุณจะมองไม่เห็น เดินไม่ได้ พูดไม่ชัด ขยับแขนขาไม่ได้ ในขณะที่ผมเขียนข้อความนี้อยู่ ผมปวดกระดูกและเจ็บเส้นประสาทมาก ผมมีอาการเหมือนโดนน้ำร้อนลวกที่หลัง และโดนมีดแทงที่ลำตัวข้างขวาตลอดเวลา ผมต้องกินยาแก้ปวดมหาศาลเพื่อให้ผมยังเขียนข้อความนี้ได้
 
ขอบคุณชีวิตที่แสนปกติของคุณเถอะครับ แล้วใช้มันให้เต็มที่กับทุกวันที่โลกนี้มอบให้กับคุณ
 
ชีวิตที่ปกติและธรรมดาในแต่ละวันของคุณมันคือของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว
 
คุณไม่มีทางรู้เลยว่าพรุ่งนี้คุณจะตื่นมาแล้วมีทุกอย่างแบบที่คุณมีวันนี้อยู่ไหม
 
วันก่อนที่ผมจะได้รับการวินิจฉัย ผมก็คิดเหมือนทุกคนแหละครับ ว่าคงไม่ใช่ผมหรอกที่ต้องมาเป็นผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ดังนั้น อย่าทำอะไรให้ต้องมาเสียใจทีหลังเลยครับ
 
ใช้ช่วงเวลาที่คุณมีให้มีความสุขไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันพิเศษ เราโชคดีมากที่ยังได้มีโอกาสมาเจอช่วงเวลานี้ และมันอาจเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้ อย่าเอาแต่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายเพื่อเอาไปอวดคนอื่นว่าตัวเองกำลังมีความสุข อย่าเอาความสุขไปแขวนกับความคิดคนอื่นที่ไม่ได้มีความหมายอะไรกับคุณ กลับมาดื่มด่ำกับภาพตรงหน้า กับผู้คนตรงหน้าคุณ กับมื้ออาหารที่คุณได้กิน แล้วรับความสุข ณ ขณะนั้นไปเลย
 
คุณเลือกได้ครับ ที่จะมองเรื่องราวทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตเป็นของขวัญ
 
...
 
ตอนไปญี่ปุ่น ผมได้มีโอกาสไปที่ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) ได้ไปในโซนของ แฮร์รี พ็อตเตอร์ พร้อมกันกับพีม พีมได้ซื้อของฝากที่เป็นเครื่องรางย้อนเวลาในหนังกลับมา พีมพูดกับผมว่า มันคงจะดี ถ้าเราย้อนเวลาได้ ผมจับมือและสบตากับพีมอย่างจริงจัง พร้อมกับบอกว่า “เค้าไม่อยากย้อนเวลาหรอก”
 
“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว ทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิตเค้าทั้งดีและร้าย รวมถึงการที่เราทั้งคู่ต้องมาเผชิญกับโรคมะเร็งนี้ มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งหมด ถ้าย้อนเวลาไปแล้วแก้ไขบางสิ่ง บางอย่างที่เคยเกิดขึ้นอาจจะไม่เกิดก็ได้ ถ้าย้อนเวลาไปแล้วหาทางทำให้ตัวเองไม่เป็นมะเร็ง ความรู้สึกขอบคุณชีวิตในวันนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ผมก็ยังอาจจะวิ่งไล่ตามทุนนิยมเอาแต่อยู่กับอนาคตจนลืมใช้ชีวิตในปัจจุบันแบบที่เป็นอยู่ในตอนนี้ก็ได้”
 
มีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับสวนสนุกอยู่ครับ มีคนไปถามเจ้าหน้าที่สวนสนุก ว่าวันนี้สวนสนุกปิดกี่โมง เจ้าหน้าที่ตอบว่า “สวนสนุก เปิดถึงสองทุ่ม”
 
ตรงนี้น่าสนใจมากครับ เพราะตอนแรกที่ผมทราบตัวเลขจากงานวิจัยว่าผมจะมีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้นานเท่าไหร่ ถ้าผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า “อีกนานเท่าไร ผมจะตายนะ” ผมก็คงจะซึมเศร้าและเอาแต่นั่งนับถอยหลังชีวิตตัวเอง เอาแต่นั่งคิดว่าเวลาผมลดลงทุกวัน
 
แต่จากข้อคิดในเรื่องการปิดของสวนสนุก ที่ไม่ได้มองว่าสวนสนุกจะปิดเมื่อไหร่ แต่กลับมองว่ายังเปิดถึงเมื่อไหร่ เป็นการมองจากจุดที่ยืนอยู่ในปัจจุบัน ไปยังอนาคตข้างหน้า ว่ายังเหลือเวลาแห่งความสุขได้อีกตั้งเท่าไหร่
 
ดังนั้น ผมจึงมีชีวิตแต่ละวันนับไปข้างหน้า วันนี้ได้เพิ่มมาอีกวัน วันนี้ได้เพิ่มมาอีกวัน แบบนี้ไปเรื่อยๆ ผมไม่รู้และไม่มีใครรู้ ว่าสวนสนุกของผมจะปิดเมื่อไหร่
 
แต่ถ้าวันนี้ไฟยังสว่างและม้าหมุนยังคงทำงาน ผมจะมีความสุขไปกับช่วงเวลาที่ผมมีอยู่ครับ
 
ทุกท่านก็เช่นกัน
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด