นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นส.แพทองธาร ชินวัตร รองคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข Kick off นโยบาย “30 บาท รักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” ณ ลานสาเกตนคร หน้าหอโหวด 101 จ.ร้อยเอ็ด 7 ม.ค.67
*นโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ใน 4 จังหวัดนำร่องวันนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชน และจะขยายเฟสสองต่อไปอีก 8จังหวัด จนครบทั่วประเทศ ในปี2567
*ไม่ว่าจะเข้ารับบริการที่สถานพยาบาลใด ก็เสมือนเป็นโรงพยาบาลแห่งเดียวกัน สามารถรักษาพยาบาลได้ในโรงพยาบาลในสังกัด ใช้บัตรประชาชนใบเดียว ประวัติการรักษาประวัติการใช้ยาจะเชื่อมข้อมูลถึงกันหมด
*บริการแพทย์ออนไลน์ ประวัติการรักษา จะแสดงให้เห็น และส่งให้แพทย์ผู้รักษา เหมือนนั่งรักษาอยู่ต่อหน้าแพทย์ โดยไม่ต้องเดินทางมาโรงพยาบาล
*เมื่อตรวจเสร็จ สามารถขอรับยาได้ที่ร้านขายยาใกล้บ้าน ไม่ต้องเสียเวลารอรับยา หรือจัดส่งยาให้ถึงบ้าน ด้วย อสม.ไรเดอร์ ส่งยาถึงบ้านเริ่มในเดือนมีนาคมนี้
*มีการพัฒนาระบบบริการและฐานข้อมูล เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพ จากหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ
เพียงโหลดแอป หมอพร้อม แล้วยืนยันตัวตนในแอป หรือยืนยันตัวตนที่สถานบริการใกล้บ้าน ข้อมูลสุขภาพของทุกท่านก็จะย้ายเข้ามาในมือถือ พร้อมนัดจองคิวตรวจ ตรวจแล็บใกล้บ้าน นัดหมายรับยา สะดวก ประหยัดค่าเดินทาง ประหยัดเวลาจากเดิมที่ต้องเสียเวลา
น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า การเปิดโครงการ 30 บาท อัพเกรด ยกระดับปรับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วน ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติการบริการประชาชนด้านสาธารณสุข ตามนโยบายบัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ ใน 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ ร้อยเอ็ด เพชรบุรี นราธิวาส ภาพรวมขณะนี้มีความพร้อม 100% โดยจะมีการคิกออฟพร้อมกันในวันที่ 7 มกราคมนี้ ที่ ลานสาเกตุนคร หน้าหอโหวต 101 จังหวัดร้อยเอ็ด ในช่วงเย็นเวลา 17.00 - 19.00 น. โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดงาน และมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ บุคลากรสาธารณสุข ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น อสม. ชมรมผู้สูงอายุและประชาชน จำนวน 10,101 คน ร่วมงาน
น.ส.ตรีชฎากล่าวต่อว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 7 มกราคม นพ.ชลน่าน น.ส.แพทองธาร และนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จะตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลจตุรพักพิมาน เพื่อรับทราบการดำเนินงานเกี่ยวกับประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ การออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล ใบสั่งยา ใบสั่งแล็บออนไลน์ การแพทย์ทางไกล การนัดหมายออนไลน์ การส่งยาและเวชภัณฑ์ที่บ้าน และระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ ส่วนช่วงบ่ายจะตรวจเยี่ยมหน่วยบริการที่เข้าร่วมโครงการในอำเภอเมือง ที่ โรงพยาบาลจุรีเวช ร้านยาเภสัชกร เซลทรัลแล็บ 101 สหคลินิกบ้านคุณหมอ และโรงพยาบาลร้อยเอ็ด
โฆษกกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า นับถอยหลังจากนี้ไปเหลือเพียง 3 วัน สำหรับการเดินหน้านโยบาย บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่อย่างเป็นทางการใน 4 จังหวัด และจะขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดอื่นๆ ขอให้พี่น้องประชาชนติดตามข่าวสารของกระทรวงสาธารณสุข การดำเนินการเช่นนี้เป็นไปตามนโยบายของพรรคเพื่อไทยและที่รัฐบาลแถลงเป็นนโยบายต่อรัฐสภา ถือเป็นสัญญาประชาคมในการนำสิ่งดีๆ เพื่อสุขภาพอนามัยของคนไทยทุกคน ต่อยอดจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคจากยุคพรรคไทยรักไทย สู่โครงการ 30 บาทอัพเกรด ยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศในยุคที่ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ยุคที่มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว เป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุข โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ทำหน้าที่เป็น รองประธานกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ
“จากนี้ไปบัตรประชาชนของทุกคนจะมีคุณค่า มีความหมายต่อการตรวจรักษาสุขภาพร่างกายให้หายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย ถือเป็นการปฏิวัติการให้บริการตามนโยบายขับเคลื่อนยกระดับโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรค โดยโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน คลินิก ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการ จะให้บริการประชาชนอย่างดี ประชาชนคนไทยต้องได้รับการรักษาพยาบาลที่เท่าเทียมถ้วนหน้า” น.ส.ตรีชฎากล่าว