ผลการสำรวจ มีประเด็นน่าสนใจดังนี้
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันมากกว่า 6 ใน 10 คน (61%) สนับสนุนให้สามารถเข้าถึงยาหลอนประสาทเพื่อการบำบัดรักษาได้อย่างถูกกฎหมาย โดย 35% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สนับสนุน "อย่างแข็งขัน" ตามผลการสำรวจครั้งแรกของศูนย์วิจัยยาหลอนประสาทแห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (UC Berkeley Psychedelics Survey - BCSP)
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่าครึ่งหนึ่ง (56%) สนับสนุนให้มีการสั่งจ่ายโดยแพทย์ได้ สำหรับยาหลอนประสาทที่ผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) นอกจากนี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมากกว่าสามในสี่ (78%) สนับสนุนให้ผู้วิจัยสามารถทำการศึกษาเกี่ยวกับสารหลอนประสาทได้ง่ายขึ้น
เกือบครึ่งหนึ่ง (49%) สนับสนุนการยกเลิกโทษทางอาญาสำหรับการใช้ส่วนตัว ส่วน การครอบครอง โดยสนับสนุนการใช้ในทางจิตวิญญาณและศาสนา มีแค่เพียงสี่ในสิบ (44%)
ข้อมูลเกี่ยวกับแบบสำรวจและผลบน BCSP
ชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนการปฏิรูปนโยบาย
ผลการสำรวจเผยให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันส่วนใหญ่สนับสนุนการปฏิรูปนโยบายยาหลอนประสาท ผลสำรวจระดับชาติครั้งใหม่ที่จัดทำโดยศูนย์วิทยาศาสตร์แห่งจิตวิเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ (BCSP) พบว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกือบเจ็ดในสิบคน (69%) สนับสนุนอย่างน้อยสองนโยบายปฏิรูป ที่ผ่านการทดสอบแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงนโยบายในระดับสูง แต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 61% ยังกล่าวว่าพวกเขาไม่มองว่าสารหลอนประสาทเป็น "สิ่งที่ดีสำหรับสังคม" และ 69% ไม่มองว่าเป็น "สิ่งที่เหมาะสมสำหรับคนอย่างฉัน" ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเปิดใจต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบาย แต่ก็มีข้อสงสัยอย่างมากเช่นกัน
การรับรู้และการใช้ยาหลอนประสาทมีอย่างแพร่หลาย และดูเหมือนจะทำนายความรู้สึกของผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 47% เคยได้ยินอะไรบางอย่างเกี่ยวกับยาหลอนประสาทเมื่อเร็วๆ นี้ และมากกว่าครึ่ง (51%) รายงานว่ามีความเชื่อมโยง "ระดับแรก" กับการใช้สารหลอนประสาท ซึ่งก็คือพวกเขาหรือคนใกล้ชิดของพวกเขาเคยใช้ยาหลอนประสาท
ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีความตระหนักรู้ (awareness) และมีความเชื่อมโยงในระดับแรก (first-degree connection) กับสารหลอนประสาท ยังมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการปฏิรูปนโยบาย มีการรับรู้ในเชิงบวกเกี่ยวกับสารหลอนประสาท และไว้วางใจแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับสารหลอนประสาทเกือบทั้งหมด (ยกเว้นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย) แต่ด้วยข้อยกเว้นในการขยายขอบเขตการวิจัย ยังไม่มีนโยบายปฏิรูปเกี่ยวกับสารหลอนประสาทใด ที่ได้รับการสนับสนุนส่วนใหญ่จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ไม่มีความเชื่อมโยงในระดับแรกในการใช้สารหลอนประสาท
หมายความว่า นโยบายปฏิรูปที่กำหนดมา ล้วนมาจากผู้ที่มีความเชื่อมโยงกับการใช้สารหลอนประสาท มาแล้วทั้งสิ้น
ผลสำรวจในเชิงประชากร
ข้อมูลจากการสำรวจยังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า ความตระหนักรู้และความเชื่อมโยงในระดับแรกกับสารหลอนประสาทนั้น ไม่เท่าเทียมกันในเชิงประชากร โดยชุมชนแอฟริกัน-อเมริกันและลาติน เป็นตัวแทนที่น้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ข้อมูลสำคัญเพิ่มเติมจากการสำรวจ ได้แก่:
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 47% เคยได้ยินอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสารหลอนประสาทเมื่อเร็วๆ นี้ โดย 48% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบอกว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับการใช้สารหลอนประสาทในการรักษาสุขภาพจิต
• ชาวแอฟริกัน-อเมริกันเป็นกลุ่มเชื้อชาติ/ชาติพันธุ์ที่มีแนวโน้มน้อยที่สุดที่จะเคยได้ยินอะไรบางอย่างเกี่ยวกับสารหลอนประสาทเมื่อเร็วๆ นี้ (29%) และยังมีความเชื่อมโยงในระดับแรกกับการใช้สารหลอนประสาทน้อยกว่ามาก (26%) เมื่อเทียบกับกลุ่มอื่นๆ
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้งฝ่ายเสรีนิยม (Liberal voter) สนับสนุนการเข้าถึงการบำบัดด้วยยาหลอนประสาทที่ถูกกฎหมายอยู่ที่ 80% เมื่อเทียบกับฝ่ายกลางที่ 66% และฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่ 45%
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกือบครึ่งหนึ่ง (47%) ที่สนับสนุนการเข้าถึงการบำบัดด้วยยาหลอนประสาทยังเชื่อด้วยว่ายาหลอนประสาทไม่ได้ "ดีต่อสังคม"
• ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่รู้สึกสบายใจกับการใช้การบำบัดด้วยยาหลอนประสาทในการรักษาผู้ป่วยโรคร้ายแรง (80%) ทหารผ่านศึก (69%) และผู้ป่วยโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลที่ดื้อต่อการรักษา (67%) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีเพียงไม่กี่คนที่รู้สึกสบายใจกับการเข้าถึงการบำบัดด้วยยาหลอนประสาทอย่างเปิดเผย สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 21 ปี (44%) หรือการใช้การบำบัดด้วยยาหลอนประสาทในการรักษาการติดยา (45%)
• แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะบอกว่าพวกเขาจะเชื่อข้อมูลเกี่ยวกับยาหลอนประสาทที่มาจากพยาบาล (75%) นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ (74%) แพทย์ (74%) และจิตแพทย์ (70%) แต่ความไว้วางใจใน FDA ในฐานะแหล่งข้อมูลนั้นต่างระดับกันไป
- โดยมีเพียง 56% เท่านั้นที่คิดว่า "น่าเชื่อถือมาก" หรือ "ค่อนข้างน่าเชื่อถือ" (very or somewhat trustworthy)
- 17% คิดว่า "ค่อนข้างน่าสงสัย" (somewhat suspicious) และ
- 22% คิดว่า "น่าสงสัยมาก" (very suspicious)
ผลสำรวจสะท้อนจุดยืนได้
ผลการสำรวจและข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจของ UC Berkeley Psychedelics ได้รับการนำเสนอในการบรรยายสรุปเฉพาะกับผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่อง How to Change Your Mind และผู้ร่วมก่อตั้ง BCSP ไมเคิล พอลแลน ผู้อำนวยการบริหาร BCSP อิมราน ข่าน และหัวหน้าโครงการเทย์เลอร์ เวสต์
"การสำรวจ UC Berkeley Psychedelics ให้ข้อมูลที่สำคัญในการทำความเข้าใจว่าประชาชนมีจุดยืนอย่างไรเกี่ยวกับยาหลอนประสาทในขณะนี้ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่ทำงานในด้านยาหลอนประสาท" ไมเคิล พอลแลนกล่าว “การอภิปรายอย่างละเอียดในสื่อ การปฏิรูปนโยบาย และโครงการการศึกษาสาธารณะ จะมีประสิทธิผลมากที่สุด ก็ด้วยการใช้ข้อมูลเชิงลึก แทนที่จะเป็นการคาดเดา และดำเนินการอย่างมีวิจารณญาณเพื่อตอบสนองต่อความหวัง ความกลัว และการรับรู้ของชุมชนต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา”
ก้าวสำคัญของการศึกษาเรื่องนี้ในอนาคต
การสำรวจความคิดเห็นถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับโครงการการศึกษาสาธารณะของ BCSP และสำหรับการสร้างการวิเคราะห์ความคิดเห็นสาธารณะในระยะยาวเกี่ยวกับสารหลอนประสาทในช่วงเวลาต่างๆ
“ท่ามกลางนานาสารพัดประเด็นทั้งการด้อยค่าและการกล่าวอ้างเกินจริง เกี่ยวกับสารหลอนประสาท สิ่งสำคัญคือ เราต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่สาธารณชนคิดและเชื่อเกี่ยวกับสารหลอนประสาทจริงๆ ข้อมูลของเราแสดงให้เห็นว่าผู้คนได้ยินเกี่ยวกับการวิจัยและสนับสนุนวิทยาศาสตร์มากขึ้น แต่ยังรวมถึงชุมชนบางแห่งที่ถูกละเลยในการสนทนาสาธารณะที่สำคัญด้วย” อิมราน ข่านกล่าว
“ที่ BCSP ภารกิจของเราคือการสนับสนุนสาขาสารหลอนประสาทที่กำลังเติบโตด้วยหลักฐานที่สำคัญและข้อมูลที่เชื่อถือได้ และ การสำรวจสารหลอนประสาทของ UC Berkeley ให้ข้อมูลที่จำเป็นมาก สำหรับการกำหนดนโยบาย ธุรกิจ สื่อ และการวิจัยในปัจจุบันและในอนาคต” ข่านกล่าวสรุป
“การสำรวจครั้งแรกนี้แสดงให้เห็นว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสหรัฐฯ เปิดใจต่อการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงสารหลอนประสาท แม้ว่าพวกเขาจะมีข้อสงวนส่วนตัวเกี่ยวกับบทบาทของสารเหล่านั้นในสังคมของเราก็ตาม” เทย์เลอร์ เวสต์กล่าว “นั่นคือความแตกต่างเล็กน้อยในทัศนคติของสาธารณชนเกี่ยวกับสารหลอนประสาทที่ทุกภาคส่วนที่ทำงานเกี่ยวข้องในด้านนี้ต้องใส่ใจ”
BCSP ขอขอบคุณ Blake Mycoskie สำหรับการสนับสนุนเชิงกุศลของเขาสำหรับการสำรวจสารหลอนประสาท UC Berkeley ฉบับแรกนี้ ขณะนี้ศูนย์กำลังมองหาการสนับสนุนสำหรับโครงการรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต รวมถึงเพื่อให้เราสามารถเริ่มระบุแนวโน้มในข้อมูลหลายปีได้ โปรดติดต่อเราหากคุณสามารถสนับสนุนงานเชิงปริมาณที่สำคัญนี้ได้