สาเหตุหลักๆ มาจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) ที่ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ เชื้อไวรัส HPV พบมากกว่า 130 สายพันธุ์ แต่มีประมาณ 40 สายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์ 16 และ 18 ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดรอยโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก ดังนั้น การมีคู่นอนหลายคน การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย จึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากกว่าปกติ นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ การมีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคเพิ่มขึ้นด้วย อาการที่เป็นสัญญาณเตือนของมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ มีตกขาว เลือดหรือของเหลวที่ผิดปกติออกทางช่องคลอด ประจำเดือนมามากหรือนานกว่าปกติ ในระยะลุกลามอาจมีอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย ปัสสาวะขัดหรือถ่ายอุจจาระลำบาก ขาบวม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด เป็นต้น
นายแพทย์จินดา โรจนเมธินทร์ ผู้อำนวยการสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า เนื่องจากสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ดังนั้นจึงมีการพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ขึ้น ซึ่งองค์การอนามัยโลก (World Health Organization ; WHO) แนะนำให้วัคซีน HPV เป็นส่วนหนึ่งของวัคซีนพื้นฐานสำหรับประเทศที่มีงบประมาณเพียงพอ สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้ผลักดันให้การฉีดวัคซีน HPV เป็นนโยบายประเทศ โดยกลุ่มเป้าหมายของการฉีดวัคซีน HPV คือ เด็กผู้หญิงที่กำลังเรียนอยู่ประถมศึกษาปีที่ 5 ถือเป็นวัยก่อนมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกจึงเหมาะสมในการได้รับวัคซีน ปัจจุบันมีกลุ่มเป้าหมายประมาณ 4 แสนคนทั่วประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปการฉีดวัคซีนสามารถการป้องกันโรคได้ 70-90% สำหรับข้อควรระวังในการฉีดวัคซีน ได้แก่ ไม่ควรฉีดวัคซีนในช่วงเจ็บป่วยหรือมีไข้สูง และเพิ่มความระมัดระวังในผู้ที่มีปัญหาเลือดหยุดยาก อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนยังไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้ทั้งหมด ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วยังคงต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก อีกทั้งยังจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่ไปด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรคให้ได้มากที่สุด ปัจจุบันการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV test ได้รับการผลักดันให้เป็นนโยบายของประเทศ ผู้หญิงไทยอายุระหว่าง 30-60 ปี สามารถเข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV Test ได้ที่โรงพยาบาลตามสิทธิ์การรักษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย