ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

โรคของสตรี 9 กลุ่ม ที่ชายควรทราบไว้ เพื่อช่วยดูแลและเอาใจใส่

โรคของสตรี 9 กลุ่ม ที่ชายควรทราบไว้ เพื่อช่วยดูแลและเอาใจใส่ HealthServ.net

สตรีมีอวัยวะสืบพันธ์ที่สลับซับซ้อนแตกต่างจากบุรุษมาก และร่างกายของสตรีส่วนใหญ่รับภาระในการให้กำเนิดลูก ฉะนั้นอวัยวะของสตรีต้องทำงานหนักเป็นพิเศษเป็นเวลานานก่อนการมีลูกแต่ละคน และถ้ามีลูกหลายคนอวัยวะเหล่านั้นก็ยิ่งต้องทำงานมากขึ้นอีกหลายเท่า จึงปรากฎว่าสตรีมีโอกาสเป็นโรคหรือมีความผิดปกติของอวัยวะที่ต่างไปจากบุรุษหลายอย่าง

โรคของสตรี 9 กลุ่ม ที่ชายควรทราบไว้ เพื่อช่วยดูแลและเอาใจใส่ ThumbMobile HealthServ.net
โรคของสตรี 9 กลุ่ม ที่ชายควรทราบไว้ เพื่อช่วยดูแลและเอาใจใส่ HealthServ

สตรี สตรีมีอวัยวะสืบพันธ์ที่สลับซับซ้อนแตกต่างจากบุรุษมาก และร่างกายของสตรีส่วนใหญ่รับภาระในการให้กำเนิดลูก ฉะนั้นอวัยวะของสตรีต้องทำงานหนักเป็นพิเศษเป็นเวลานานก่อนการมีลูกแต่ละคน และถ้ามีลูกหลายคนอวัยวะเหล่านั้นก็ยิ่งต้องทำงานมากขึ้นอีกหลายเท่า จึงปรากฎว่าสตรีมีโอกาสเป็นโรคหรือมีความผิดปกติของอวัยวะที่ต่างไปจากบุรุษหลายอย่างเช่น 

1.โรคเกี่ยวกับประจำเดือน 
เช่น
1.1 ความผิดปกติเกี่ยวกับระยะ เวลาของรอบเดือน เช่นมาช้ากว่าปกติ หรือมาเร็วกว่าปกติ หรือขาดหายเป็นเวลาหลายเดือนโดยไม่ได้ตั้งครรภ์
1.2 ความผิดปกติเกี่ยวกับจำนวนเลือดที่ออก เช่นน้อยกว่าปกติหรือมากกว่าปกติ 
1.3 การปวดท้อง ขณะมีประจำเดือน 


2. อวัยวะสืบพันธุ์ผิดปกติ 
เช่น
 2.1 เยื่อพรหมจารีไม่เปิด ทำให้เลือดประจำเดือนคั่งอยู่ในช่องคลอดและโพรงมดลูกต้องรักษาโดยการผ่าตัด
 2.2 ไม่มีช่องคลอด หรือมีช่องคลอดเป็นบางส่วน
 2.3 มีมดลูก 2 อัน หรือมีผนังกั้นในโพรงมดลูก 
2.4 มีรังไข่ผิดปกติ เช่น มีขนาดเล็กมาก หรือไม่มีเลย 


3. การมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
 
(ที่ไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์) ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบหรือเยื่อบุมดลูกหนาหรือเนื้องอกในมดลูก หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่หรือเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งของมดลูก


4. การอักเสบและโรคติดเชื้อที่อวัยวะสืบพันธุ์  
เช่นมีตกขาวผิดปกติ เป็นโรคซิฟิลิส หนองใน แผลริมอ่อน กามโรคที่ต่อมน้ำเหลือง กามโรคเนื้อตายที่บริเวณขาหนีบ หูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศเริม 


5. กระบังลมหย่อน
 คือการหย่อนของผนังช่องคลอดด้านหน้าหรือด้านหลัง และหรือมีการเคลื่อนต่ำลงมาของมดลูก มักพบในหญิงที่คลอดบุตรหลายครั้ง คลอดบุตรยาก คลอดแล้วไม่ได้เย็บฝีเย็บหรือเย็บไม่ดี มักเป็นในหญิงที่มีอายุมาก อาการคือ ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อยทั้งสองข้างหลังจากยืนนานๆ ไอ จาม หรือยกของหนัก แล้วรู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อจุกบริเวณปากช่องคลอด ถ้าเป็นมากต้องผ่าตัดซ่อมแซมผนังช่องคลอด หรืออาจต้องตัดมดลูกออกเลย


 
6.ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่


7.เนื้องอกของอวัยวะสืบพันธุ์
 

8.เนื้องอกชนิดร้ายหรือมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
 มะเร็งที่ช่องคลอด มะเร็งปากมดลูก มะเร็งที่เยื่อบุโพรงมดลูก และกล้ามเนื้อมดลูก มะเร็งรังไข่และท่อนำไข่


 

9.ความผิดปกติในการตั้งครรภ์
 

หญิงบางคนโชคดีที่ตั้งครรภ์และคลอดทารกได้อย่างปกติ แต่บางคนก็โชคร้ายที่มีความผิดปกติต่างๆ กันในการตั้งครรภ์ เช่น

9.1 การคลื่นไส้อาเจียนอย่างมากเป็นเวลานานเกิน 12 สัปดาห์ 
และเป็นตลอดวันจนทำให้ร่างกายได้รับน้ำและอาหารไม่เพียงพอ จำเป็นต้องพบแพทย์โดยเร็ว

9.2 การแท้ง 
คือ มีเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องมากต้องรีบพบแพทย์ 

9.3 การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก
 คือรกเปลี่ยนเป็นเม็ดใสๆ คล้ายเม็ดสาคู ทำให้มดลูกมีขนาดโตอย่างรวดเร็ว มักมีอาการแพ้ท้องมากกว่าธรรมดา มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย หรือออกครั้งละมากๆ พร้อมกับมีเม็ดคล้ายเม็ดสาคูออกมาด้วย ต้องรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นอันตรายได้มาก 

9.4 การตั้งครรภ์นอกมดลูก
 
เกิดจากไข่ที่ผสมแล้วฝังตัวและเจริญเติบโตภายนอกโพรงมดลูก อาการสำคัญที่ต้องทำให้ไปพบแพทย์คือ ปวดท้องน้อย อาจมีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริดกะปรอย ถ้ามีเลือดออกในช่องท้องเนื่องจากการทำแท้งหรือหลอดมดลูกแตกจะมีอาการเป็นลม ซีด เหงื่อแตก ใจสั่น และหมดสติ 

9.5 ภาวะพิษแห่งครรภ์ 
เช่น เกิดอาการบวม ความดันเลือดสูง มีไข่ขาวในปัสสาวะ ซึ่งมักเกิดในระยะท้ายของการตั้งครรภ์ ถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ถูกต้องจากแพทย์อาจทำให้ผู้ตั้งครรภ์ชัก หลอดเลือดในสมองแตกและหหัวใจวายได้ 

9.6 รกเกาะต่ำ
 
คือ การที่รกบางส่วนหรือทั้งหมดเกาะที่ตอนล่างของมดลูก แทนที่จะเกาะที่ผนังตอนบนของมดลูก อาการคือมีเลือดออกในช่องคลอดในระยะหลังๆ ของการตั้งครรภ์โดยไม่มีสาเหตุและไม่มีอาการเจ็บปวด ถ้าเลือดออกมากแพทย์จะต้องเอาทารกในท้องและรกออกให้เร็วที่สุดเพื่อให้เลือดหยุด 

9.7 รกลอกตัวก่อนกำหนด 
ปกติ รกจะลอกตัวจากผนังมดลูกหลังจากทารกคลอดออกมาแล้ว แต่ถ้ารกลอกตัวก่อนทารกคลอด จะทำให้มีเลือดออกในโพรงมดลูก ทารกในท้องจะขาดออกซิเจนไปเลี้ยง อาจเสียชีวิตได้ สาเหตุของรกลอกตัวก่อนกำหนดอาจเกิดจากภาวะพิษแห่งครรภ์หรืออาจถูกกระทบกระแทกบริเวณหน้าท้องอย่างรุนแรง อาการสำคัญคือ เลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้อง หน้าท้องแข็งตึง และกดเจ็บ มดลูกโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะมีเลือดขังอยู่ภายใน ต้องรีบพบแพทย์ 

9.8 ครรภ์แฝด 
 
คือการตั้งครรภ์ที่มีทารกในครรภ์มากกว่า 1 คนขึ้นไป อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทั้งต่อแม่และทารก เช่น โลหิตจาง ภาวะพิษแห่งครรภ์ คลอดก่อนกำหนด คลอดผิดปกติ ผู้ที่ตั้งครรภ์แฝดควรพักผ่อนให้มากในระยะ 2 เดือนสุดท้ายของครรภ์ เพื่อป้องกันการคลอดก่อนกำหนด ครรภ์แฝดน้ำ  คืออาการท้องโตเร็วผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว 

9.9 ครรภ์เกินกำหนด 
คือตั้งครรภ์เกิน 42 สัปดาห์ ผลเสียคือรกทำงานเลวลง ปริมาณน้ำคร่ำลดลง ทารกผอม ผิวหนังเหี่ยวย่น เล็บยาว กะโหลกศรีษะแข็งขึ้น ทำให้คลอดยาก และทารกมีภาวะขาดออกซิเจนได้ง่าย
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด