รศ.ดร.สุรเชษฐ์ หลิมกำเนิด ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้เรื่องการทำงานของไมโครเวฟว่า เตาไมโครเวฟ ทำให้อาหารสุกโดยคลื่นไมโครเวฟซึ่งจะพุ่งเข้าสู่อาหารจากทุกทิศทุกทางแล้วแผ่กระจายสู่อาหาร เมื่อคลื่นกระทบอาหาร โมเลกุลของอาหารจะเกิดการสั่นและเสียดสีกันเป็นความร้อนทําให้อาหารสุก อาหารโดยทั่วไปประกอบด้วยโมเลกุลของน้ำ จะดูดซึมคลื่นไมโครเวฟ ทําให้อาหารร้อนอย่างรวดเร็ว ความร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ช่วยรักษาคุณค่าของอาหารไว้อย่างครบถ้วน แต่ตัวคลื่นจะหายไปทันทีหลังจากให้ความร้อนโดยไม่สะสมในอาหาร
“คลื่นไมโครเวฟ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่สูงมากถึง 2,450 ล้านรอบต่อวินาที (แต่ไม่ใช่รังสีในแบบของกัมมันตภาพรังสี) มีลักษณะคล้ายกับคลื่นวิทยุแต่มีความถี่สั้นกว่า โดยมีแม็กนิตรอนที่เป็นตัวเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นคลื่นไมโครเวฟ ซึ่งคลื่นไมโครเวฟไม่เป็นอันตรายและไม่กระจายหรือสะสมในร่างกายมนุษย์” รศ.ดร.สุรเชษฐ์ กล่าว
คลื่นไมโครเวฟไม่สามารถทะลุผ่านภาชนะที่เป็นโลหะหรือมีส่วนผสมของโลหะได้ คลื่นจะสะท้อนกลับ (Reflection) ผิวเคลือบโลหะของภาชนะอาจเกิดความร้อนสูง เกิดเป็นประกายไฟหรือเปลวไฟ ทำอันตรายกับเตาไมโครเวฟได้ แต่คลื่นไมโครเวฟสามารถทะลุผ่าน (Transmission) ภาชนะที่ทำจากแก้ว กระดาษ ไม้ เซรามิกและพลาสติกได้
สำหรับภาชนะที่ใช้กับไมโครเวฟได้ดี ได้แก่ 1.ภาชนะกระเบื้อง เช่น จาน ชาม ถ้วย 2.ภาชนะแก้วทนไฟ 3.ภาชนะแก้วที่ใช้สําหรับเตาธรรมดา 4.ภาชนะแก้วที่ทนความร้อน เช่น ไพเร็กซ์ คอร์นนิ่งแวร์ เครื่องเคลือบเซรามิกและเครื่องปั้นดินเผา 5.ภาชนะกระดาษ สําหรับอาหารที่ต้องการความร้อนไม่มาก เช่น การอุ่นอาหาร หรืออาหารที่ใช้เวลาทำให้สุกในระยะสั้นมาก และอาหารที่ไม่มีมันมาก 6.ภาชนะพลาสติก เช่น ถุงพลาสติกทนร้อน และ 7.ภาชนะพลาสติกที่ออกแบบมาโดยเฉพาะกับการใช้งานและต้องระบุด้วยว่าใช้กับเตาไมโครเวฟได้ (Microwavable) ส่วนภาชนะที่ควรหลีกเลี่ยง คือ ภาชนะโลหะ ภาชนะเคลือบโลหะหรือมีขอบเป็นโลหะ เงิน ทอง อะลูมิเนียมฟอยด์ และภาชนะประเภทไม้