ข่าวสุขภาพ โรงพยาบาล77จังหวัด คลินิกทำฟัน30บาท กทม คลินิกทำฟัน30บาท ปริมณฑล+3 รพ.ประกันสังคม 2568
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว

แต่เดิม "สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค" ของสปสช. ให้บริการเฉพาะสิทธิบัตรทอง 30 บาท เท่านั้น ส่วนสิทธิอื่นๆ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ ไม่ครอบคลุม และมีประเด็นข้อกฏหมายหลายประการ แต่ล่าสุด รัฐมนตรีสาธารณสุขอนุมัติปลดล็อกหลังมีข้อยุติทางกฏหมายแล้ว นั่นคือทำให้ คนไทยทุกคนทุกสิทธิ สามารถรับบริการได้

แต่เดิม "สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค" ของสปสช. ให้บริการเฉพาะสิทธิบัตรทอง 30 บาท เท่านั้น ส่วนสิทธิอื่นๆ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ ไม่ครอบคลุม และมีประเด็นข้อกฏหมายหลายประการ แต่ล่าสุด รัฐมนตรีสาธารณสุขอนุมัติปลดล็อกหลังมีข้อยุติทางกฏหมายแล้ว นั่นคือทำให้ คนไทยทุกคนทุกสิทธิ สามารถรับบริการได้
 
 
 
สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค คือ บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ อัตราป่วย/อัตราตายที่เป็นภาระโรคของประเทศและส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็ก บรรลุเป้าประสงค์ที่ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือน
 
 
ภายหลังได้ข้อยุติทางกฎหมาย บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (Promotion and Prevention - บริการ PP) จึงเป็นบริการที่คนไทยทุกคน ทุกสิทธิหลักประกันสุขภาพของรัฐ สามารถเข้ารับได้ ไม่มียกเว้นอีกต่อไป ได้แก่ สิทธิบัตรทอง 30 บาท สิทธิผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น
 
 
 

ประเด็นทางกฏหมาย 

 
ก่อนหน้านี้ มีประเด็นทางกฎหมายและเป็นข้อถกเถียงว่า เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะสามารถนำมาใช้ด้านการจัดบริการด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกับผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทองได้หรือไม่ 
 
 
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวไว้ว่า การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นประเด็นสำคัญที่ต่างจากการรักษาพยาบาล เพราะการจำกัดว่าเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถนำมาใช้ได้เฉพาะกับผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น จะทำให้เกิดปัญหาทันที เช่น การควบคุมโรค หากจัดบริการควบคุมโรคติดต่อเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง จะทำให้คนกลุ่มอื่นๆ ไม่ได้รับบริการและอาจเกิดการเจ็บป่วยได้ เมื่อเกิดการเจ็บป่วยแล้วก็จะเกิดการระบาดเป็นวงกว้าง เป็นต้น ดังนั้นบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจึงจำเป็นต้องจัดให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคนไม่ใช่แค่สิทธิบัตรทอง ซึ่ง สปสช. ก็ได้ยึดแนวทางนี้มาโดยตลอด แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะเกิดความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย แต่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็เป็นกังวลกับเรื่องนี้ และมอบนโยบายแก่ สปสช. และกระทรวงสาธารณสุข ให้แสวงหาความชัดเจนทางด้านกฎหมาย เพื่อหาทางออก ลดผลกระทบแก่ประชาชน และเร่งรัดการสร้างความชัดเจนทางกฎหมาย เพื่อให้ สปสช. สามารถนำเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปสนับสนุนการจัดบริการ PP แก่ประชาชนคนไทยทุกคน ได้อย่างถูกต้องและยั่งยืน 
 
 
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้หาทางออกและความชัดเจนทางกฎหมายในเรื่องนี้ เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ทำหนังสือแจ้งมายัง สปสช. ว่า การใช้เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปสนับสนุนการจัดบริการ PP แก่คนไทยทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง "สามารถทำได้" ภายใต้การมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 5 และมาตรา 18 (14) แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 
 

รัฐมนตรีสธ.ลงนามปลดล็อก 

 
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามใน "ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2566 และ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566"  ซึ่งมีสาระสำคัญ เกี่ยวกับ สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ว่า 
 
"ข้อ 90/1 การจ่ายค่าใช้จ่ายค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่กำหนดในหมวดนี้ ให้นำไปใช้จ่ายกับประชากรไทยทุกคนที่มิใช่ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้วย" และ 
 
"ข้อ 8 การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามประกาศนี้ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จนถึงวันก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือเป็นการดำเนินการตามประกาศนี้ด้วย"
 
    ความหมายคือ  สปสช. สามารถใช้เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  มาใช้จ่ายชดเชยค่าบริการด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP) แก่หน่วยบริการที่ให้บริการ PP  ไม่จำกัดเฉพาะสิทธิบัตรทองอีกต่อไป  แต่ครอบคลุมถึงสิทธิอื่น เช่น สิทธิข้าราชการ สิทธิผู้ประกันตนประกันสังคม  หรือ สิทธิพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วย และมีผลย้อนหลังไปครอบคลุมการดำเนินการ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมาอีกด้วย

 

หน่วยบริการเบิกเงินชดเชยค่าบริการได้

 
“หลังจากนี้ หน่วยบริการไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล รพ.สต. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขอื่นๆ สามารถจัดบริการ PP ให้แก่คนไทยทุกคนแล้วมาเบิกเงินจาก สปสช. ได้ตามปกติ ส่วนในช่วงก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา หน่วยบริการใดที่ให้บริการ PP แก่สิทธิอื่นๆที่ไม่ใช่บัตรทอง และยังไม่สามารถเบิกเงินชดเชยค่าบริการได้ ก็สามารถทำเรื่องส่งเบิกย้อนหลังมายัง สปสช. ได้ทันที” นพ.จเด็จ กล่าว
 
 
หน่วยงานที่จะให้บริการ PP
 
หน่วยบริการสุขภาพให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ทันที
• หลังจากนี้ หน่วยบริการไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล รพ.สต. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขอื่นๆ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถจัดบริการ P&P ให้แก่คนไทยทุกคนแล้วมาเบิกเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ตามปกติ
 
• นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา หน่วยบริการใดที่ให้บริการ P&P แก่สิทธิอื่นๆ ที่ไม่ใช่บัตรทอง สามารถทำเรื่องส่งเบิกย้อนหลังมายัง สปสช. ได้ทันที
 
 
 

ประชาชนตรวจสอบสิทธิการรับบริการได้ออนไลน์

 
สปสช. ได้ทำระบบสำหรับตรวจสอบสิทธิประโยชน์ไว้ให้แล้ว โดยเข้าไปที่ 
• pp platform คลิก https://ppplatform.nhso.go.th/web/form/login
หรือ ผ่านทาง 
• แอปเป๋าตัง (กระเป๋าสุขภาพ เมนู สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค)

บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (Promotion and Prevention - PP)

 
สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค คือ บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ อัตราป่วย/อัตราตายที่เป็นภาระโรคของประเทศและส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็ก บรรลุเป้าประสงค์ที่ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือน
 
  • การสร้างเสริมสุขภาพ หมายถึง บริการหรือกิจกรรมที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัวหรือกลุ่มบุคคล เพื่อสร้างเสริมความตระหนักและขีดความสามารถของบุคคลในการดูแลสุขภาพของตนเอง
  • การป้องกันโรค หมายถึง บริการหรือกิจกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัวหรือกลุ่มบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค
 
 

ขอบเขตของการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค

มีดังนี้
 
  1. การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยงต่อการเสียสุขภาพ และศักยภาพที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างเสริมสุขภาพ
  2. การส่งเสริมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การให้คำปรึกษาแนะนำ การให้ความรู้ และการสาธิตเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
  3. การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน การใช้ยา และการทำหัตถการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
 
ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการเฝ้าระวังโรค และการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ป่วยมีอาการแทรกซ้อนหรือการชะลอความรุนแรงของการป่วย โดยให้ถือว่าบริการดังกล่าวเป็นกิจกรรมด้านการรักษาพยาบาล
 
 
บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทุกกลุ่มวัย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว
บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทุกกลุ่มวัย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว
คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดสรรงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้มีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึง ทุกคน ทุกสิทธิ ทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่แรกเกิดตลอดช่วงชีวิต เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง
  1. กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด
  2. กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี
  3. กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6 - 24 ปี
  4. กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี
  5. กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป


 

กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด

กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด
 
  • ทดสอบการตั้งครรภ์
  • ตรวจครรภ์และประเมินความเสี่ยง
  • ตรวจครรภ์ด้วยอัลตราซาวด์
  • ตรวจเลือดคัดกรองภาวะซีด ซิฟิลิส เอชไอวี ตับอักเสบบี ธาลัสซีเมียและดาวน์
  • ตรวจปัสสาวะ
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยักและวัคซีนไข้หวัดใหญ่
  • ให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก โฟลิกและไอโอดีน
  • การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก
  • ตรวจช่องปากและฟัน ขัดและทำความสะอาดฟันรวมถึงการขูดหินน้ำลาย
  • ประเมินสุขภาพจิต
  • ตรวจหลังคลอดและคุมกำเนิด
  • ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สมุดบันทึกสุขภาพ
  • การคัดกรองธาลัสซีเมีย รวมทั้งการคัดกรองธาลัสซีเมียในคู่ของหญิงตั้งครรภ์
 

กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี

กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี
 
  • ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค ตับอักเสบบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้หวัดใหญ่และไข้สมองอักเสบเจอี
  • ตรวจเลือดคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์(โรคเอ๋อ) โรคฟีนิลคีโตนูเรียและโรคทางพันธุกรรมเมตาบอลิกภาวะซีดการติดเชื้อเอไอวี
  • ตรวจคัดกรองการได้ยิน
  • ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต
  • ตรวจคัดกรองพัฒนาการ
  • ตรวจคัดกรองวัณโรค(กลุ่มเสี่ยง)
  • ตรวจช่องปากและฟัน เคลือบฟลูออไรด์
  • การให้ยาไทรอกซินป้องกันภาวะพร่องไทรอยด์
  • ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก
  • ยาต้านไวรัสเอชไอวี
  • สมุดบันทึกสุขภาพ/บันทึกพัฒนาการ
  • แว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ    

กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6 - 24 ปี

กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6 - 24 ปี
 
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก
  • ฉีดวัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูก (สำหรับนักเรียนหญิง ป.5)
  • ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต
  • ตรวจเลือด คัดกรองภาวะซีด เอชไอวี
  • ตรวจวัดความดันโลหิต
  • ตรวจคัดกรองสายตาและการได้ยิน
  • คัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่/สุรา/สารเสพติด
  • ตรวจคัดกรองวัณโรค
  • ตรวจช่องปากและฟัน เคลือบฟลูออไรด์และหลุมร่องฟัน
  • การให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก
  • แว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ (สำหรับอายุ 6-12 ปี หรือนักเรียน ป.1-ป.6)
  • การป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การคุมกำเนิด
  • การให้คำปรึกษาแนะนำการป้องกันเอชไอวีหลังสัมผัส
 

กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี

กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี
 
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก
  • ตรวจวัดความดันโลหิต
  • ตรวจเลือดคัดกรองเบาหวาน เอชไอวี
  • คัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่/สุรา/สารเสพติด
  • คัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ตรวจคัดกรองวัณโรค มะเร็งช่องปาก
  • ตรวจคัดกรองการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม
  • คัดกรองมะเร็งปากมดลูก
  •  ตรวจอุจจาระคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (50-70 ปี)
  • เคลือบฟลูออไรด์
  • การให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก
  • การป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิด
  • การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง
  • การให้คำปรึกษาแนะนำการป้องกันเอชไอวีหลังสัมผัส
 

กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก
  • ตรวจประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน (ADL)
  • ตรวจวัดดัชนีมวลกาย ความดันโลหิต
  • ตรวจเลือดคัดกรองเบาหวาน เอชไอวี
  • คัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง คั
  • ดกรองโรคซึมเศร้า
  • การคัดกรองวัณโรค มะเร็งช่องปาก
  • ตรวจคัดกรองการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม
  • ตรวจอุจจาระคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (50-70 ปี)
  • การเคลือบฟลูออไรด์
  • การให้ความรู้ออกกำลังกายและฝึกสมองป้องกันโรคสมองเสื่อม
  • การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง
  • การตรวจวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน
  • การให้คำปรึกษาแนะนำการป้องกันเอชไอวีหลังสัมผัส
 

บริการสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 และสายด่วนสุขภาพจิต 132

นอกจากนี้ยังมีบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 และสายด่วนสุขภาพจิต 132 สำหรับทุกกลุ่มวัย รายละเอียดบริการที่แต่ละกลุ่มอายุจะได้รับสามารถอ่านได้จากประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 

7 กลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี

7 กลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี * มีดังนี้
 
  1. หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
  2. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
  3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรังทุกกลุ่มอายุ(เบาหวาน ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หลอดเลือดสมอง และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด)
  4. ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
  5. ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
  6. ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย  ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมถึงผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ
  7. ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
*ติดต่อขอรับวัคซีนในช่วงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (พฤษภาคม-สิงหาคมของทุกปี) 

เช็คสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค

เช็คสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค
ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิใช้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแต่ละกลุ่มวัยได้ที่
 
แอปพลิเคชันเป๋าตัง เมนูกระเป๋าสุขภาพ
เว็บไซต์ สปสช. ppplatform.nhso.go.th
 
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  
สายด่วน สปสช. 1330 
ช่องทางออนไลน์
ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก 
Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  
ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด