ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว

คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว Thumb HealthServ.net
คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว ThumbMobile HealthServ.net

แต่เดิม "สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค" ของสปสช. ให้บริการเฉพาะสิทธิบัตรทอง 30 บาท เท่านั้น ส่วนสิทธิอื่นๆ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ ไม่ครอบคลุม และมีประเด็นข้อกฏหมายหลายประการ แต่ล่าสุด รัฐมนตรีสาธารณสุขอนุมัติปลดล็อกหลังมีข้อยุติทางกฏหมายแล้ว นั่นคือทำให้ คนไทยทุกคนทุกสิทธิ สามารถรับบริการได้

แต่เดิม "สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค" ของสปสช. ให้บริการเฉพาะสิทธิบัตรทอง 30 บาท เท่านั้น ส่วนสิทธิอื่นๆ เช่น ประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ ไม่ครอบคลุม และมีประเด็นข้อกฏหมายหลายประการ แต่ล่าสุด รัฐมนตรีสาธารณสุขอนุมัติปลดล็อกหลังมีข้อยุติทางกฏหมายแล้ว นั่นคือทำให้ คนไทยทุกคนทุกสิทธิ สามารถรับบริการได้
 
 
 
สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค คือ บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ อัตราป่วย/อัตราตายที่เป็นภาระโรคของประเทศและส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็ก บรรลุเป้าประสงค์ที่ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือน
 
 
ภายหลังได้ข้อยุติทางกฎหมาย บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (Promotion and Prevention - บริการ PP) จึงเป็นบริการที่คนไทยทุกคน ทุกสิทธิหลักประกันสุขภาพของรัฐ สามารถเข้ารับได้ ไม่มียกเว้นอีกต่อไป ได้แก่ สิทธิบัตรทอง 30 บาท สิทธิผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม สวัสดิการข้าราชการ พนักงานส่วนท้องถิ่น
 
 
 

ประเด็นทางกฏหมาย 

 
ก่อนหน้านี้ มีประเด็นทางกฎหมายและเป็นข้อถกเถียงว่า เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะสามารถนำมาใช้ด้านการจัดบริการด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคกับผู้ที่ไม่ได้ใช้สิทธิบัตรทองได้หรือไม่ 
 
 
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวไว้ว่า การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นประเด็นสำคัญที่ต่างจากการรักษาพยาบาล เพราะการจำกัดว่าเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสามารถนำมาใช้ได้เฉพาะกับผู้มีสิทธิบัตรทองเท่านั้น จะทำให้เกิดปัญหาทันที เช่น การควบคุมโรค หากจัดบริการควบคุมโรคติดต่อเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง จะทำให้คนกลุ่มอื่นๆ ไม่ได้รับบริการและอาจเกิดการเจ็บป่วยได้ เมื่อเกิดการเจ็บป่วยแล้วก็จะเกิดการระบาดเป็นวงกว้าง เป็นต้น ดังนั้นบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคจึงจำเป็นต้องจัดให้แก่ประชาชนคนไทยทุกคนไม่ใช่แค่สิทธิบัตรทอง ซึ่ง สปสช. ก็ได้ยึดแนวทางนี้มาโดยตลอด แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาจะเกิดความไม่ชัดเจนทางกฎหมาย แต่ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็เป็นกังวลกับเรื่องนี้ และมอบนโยบายแก่ สปสช. และกระทรวงสาธารณสุข ให้แสวงหาความชัดเจนทางด้านกฎหมาย เพื่อหาทางออก ลดผลกระทบแก่ประชาชน และเร่งรัดการสร้างความชัดเจนทางกฎหมาย เพื่อให้ สปสช. สามารถนำเงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปสนับสนุนการจัดบริการ PP แก่ประชาชนคนไทยทุกคน ได้อย่างถูกต้องและยั่งยืน 
 
 
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้หาทางออกและความชัดเจนทางกฎหมายในเรื่องนี้ เมื่อเร็วๆ นี้คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ทำหนังสือแจ้งมายัง สปสช. ว่า การใช้เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติไปสนับสนุนการจัดบริการ PP แก่คนไทยทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะผู้มีสิทธิบัตรทอง "สามารถทำได้" ภายใต้การมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ตามมาตรา 5 และมาตรา 18 (14) แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 
 
คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว HealthServ

รัฐมนตรีสธ.ลงนามปลดล็อก 

 
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามใน "ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ 2566 และ หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข การรับค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2566"  ซึ่งมีสาระสำคัญ เกี่ยวกับ สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค ว่า 
 
"ข้อ 90/1 การจ่ายค่าใช้จ่ายค่าบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่กำหนดในหมวดนี้ ให้นำไปใช้จ่ายกับประชากรไทยทุกคนที่มิใช่ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติด้วย" และ 
 
"ข้อ 8 การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติตามประกาศนี้ที่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 จนถึงวันก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ให้ถือเป็นการดำเนินการตามประกาศนี้ด้วย"
 
    ความหมายคือ  สปสช. สามารถใช้เงินจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  มาใช้จ่ายชดเชยค่าบริการด้านการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP) แก่หน่วยบริการที่ให้บริการ PP  ไม่จำกัดเฉพาะสิทธิบัตรทองอีกต่อไป  แต่ครอบคลุมถึงสิทธิอื่น เช่น สิทธิข้าราชการ สิทธิผู้ประกันตนประกันสังคม  หรือ สิทธิพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ด้วย และมีผลย้อนหลังไปครอบคลุมการดำเนินการ ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมาอีกด้วย

 

หน่วยบริการเบิกเงินชดเชยค่าบริการได้

 
“หลังจากนี้ หน่วยบริการไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล รพ.สต. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขอื่นๆ สามารถจัดบริการ PP ให้แก่คนไทยทุกคนแล้วมาเบิกเงินจาก สปสช. ได้ตามปกติ ส่วนในช่วงก่อนหน้านี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา หน่วยบริการใดที่ให้บริการ PP แก่สิทธิอื่นๆที่ไม่ใช่บัตรทอง และยังไม่สามารถเบิกเงินชดเชยค่าบริการได้ ก็สามารถทำเรื่องส่งเบิกย้อนหลังมายัง สปสช. ได้ทันที” นพ.จเด็จ กล่าว
 
 
หน่วยงานที่จะให้บริการ PP
 
หน่วยบริการสุขภาพให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ทันที
• หลังจากนี้ หน่วยบริการไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล รพ.สต. หรือหน่วยบริการสาธารณสุขอื่นๆ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถจัดบริการ P&P ให้แก่คนไทยทุกคนแล้วมาเบิกเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ตามปกติ
 
• นับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา หน่วยบริการใดที่ให้บริการ P&P แก่สิทธิอื่นๆ ที่ไม่ใช่บัตรทอง สามารถทำเรื่องส่งเบิกย้อนหลังมายัง สปสช. ได้ทันที
 
 
 

ประชาชนตรวจสอบสิทธิการรับบริการได้ออนไลน์

 
สปสช. ได้ทำระบบสำหรับตรวจสอบสิทธิประโยชน์ไว้ให้แล้ว โดยเข้าไปที่ 
• pp platform คลิก https://ppplatform.nhso.go.th/web/form/login
หรือ ผ่านทาง 
• แอปเป๋าตัง (กระเป๋าสุขภาพ เมนู สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค)
คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว HealthServ

บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (Promotion and Prevention - PP)

 
สิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค คือ บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ อัตราป่วย/อัตราตายที่เป็นภาระโรคของประเทศและส่งเสริมสุขภาพแม่และเด็ก บรรลุเป้าประสงค์ที่ต้องการให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของครัวเรือน
 
  • การสร้างเสริมสุขภาพ หมายถึง บริการหรือกิจกรรมที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัวหรือกลุ่มบุคคล เพื่อสร้างเสริมความตระหนักและขีดความสามารถของบุคคลในการดูแลสุขภาพของตนเอง
  • การป้องกันโรค หมายถึง บริการหรือกิจกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้โดยตรงแก่บุคคล ครอบครัวหรือกลุ่มบุคคล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรค
 
 

ขอบเขตของการสร้างเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค

มีดังนี้
 
  1. การตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาภาวะเสี่ยงต่อการเสียสุขภาพ และศักยภาพที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างเสริมสุขภาพ
  2. การส่งเสริมปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การให้คำปรึกษาแนะนำ การให้ความรู้ และการสาธิตเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
  3. การสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน การใช้ยา และการทำหัตถการเพื่อสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
 
ทั้งนี้ ไม่รวมถึงการเฝ้าระวังโรค และการป้องกันไม่ให้ผู้ที่ป่วยมีอาการแทรกซ้อนหรือการชะลอความรุนแรงของการป่วย โดยให้ถือว่าบริการดังกล่าวเป็นกิจกรรมด้านการรักษาพยาบาล
 
 

บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทุกกลุ่มวัย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี LINK

บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทุกกลุ่มวัย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว
บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคทุกกลุ่มวัย เพื่อสุขภาพอนามัยที่ดี คนไทยทุกคนทุกสิทธิ รับบริการ "สร้างเสริมสุขภาพป้องกันโรค" ของสปสช. ได้แล้ว
คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดสรรงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้มีบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชนคนไทยอย่างทั่วถึง ทุกคน ทุกสิทธิ ทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่แรกเกิดตลอดช่วงชีวิต เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง
  1. กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด
  2. กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี
  3. กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6 - 24 ปี
  4. กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี
  5. กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป


 

กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด

กลุ่มหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด
 
  • ทดสอบการตั้งครรภ์
  • ตรวจครรภ์และประเมินความเสี่ยง
  • ตรวจครรภ์ด้วยอัลตราซาวด์
  • ตรวจเลือดคัดกรองภาวะซีด ซิฟิลิส เอชไอวี ตับอักเสบบี ธาลัสซีเมียและดาวน์
  • ตรวจปัสสาวะ
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยักและวัคซีนไข้หวัดใหญ่
  • ให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก โฟลิกและไอโอดีน
  • การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก
  • ตรวจช่องปากและฟัน ขัดและทำความสะอาดฟันรวมถึงการขูดหินน้ำลาย
  • ประเมินสุขภาพจิต
  • ตรวจหลังคลอดและคุมกำเนิด
  • ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สมุดบันทึกสุขภาพ
  • การคัดกรองธาลัสซีเมีย รวมทั้งการคัดกรองธาลัสซีเมียในคู่ของหญิงตั้งครรภ์
 

กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี

กลุ่มเด็กเล็ก อายุ 0-5 ปี
 
  • ฉีดวัคซีนป้องกันวัณโรค ตับอักเสบบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้หวัดใหญ่และไข้สมองอักเสบเจอี
  • ตรวจเลือดคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์(โรคเอ๋อ) โรคฟีนิลคีโตนูเรียและโรคทางพันธุกรรมเมตาบอลิกภาวะซีดการติดเชื้อเอไอวี
  • ตรวจคัดกรองการได้ยิน
  • ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต
  • ตรวจคัดกรองพัฒนาการ
  • ตรวจคัดกรองวัณโรค(กลุ่มเสี่ยง)
  • ตรวจช่องปากและฟัน เคลือบฟลูออไรด์
  • การให้ยาไทรอกซินป้องกันภาวะพร่องไทรอยด์
  • ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก
  • ยาต้านไวรัสเอชไอวี
  • สมุดบันทึกสุขภาพ/บันทึกพัฒนาการ
  • แว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ    

กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6 - 24 ปี

กลุ่มเด็กโตและวัยรุ่นอายุ 6 - 24 ปี
 
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก
  • ฉีดวัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูก (สำหรับนักเรียนหญิง ป.5)
  • ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต
  • ตรวจเลือด คัดกรองภาวะซีด เอชไอวี
  • ตรวจวัดความดันโลหิต
  • ตรวจคัดกรองสายตาและการได้ยิน
  • คัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่/สุรา/สารเสพติด
  • ตรวจคัดกรองวัณโรค
  • ตรวจช่องปากและฟัน เคลือบฟลูออไรด์และหลุมร่องฟัน
  • การให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก
  • แว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ (สำหรับอายุ 6-12 ปี หรือนักเรียน ป.1-ป.6)
  • การป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การคุมกำเนิด
  • การให้คำปรึกษาแนะนำการป้องกันเอชไอวีหลังสัมผัส
 

กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี

กลุ่มผู้ใหญ่อายุ 25-59 ปี
 
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก
  • ตรวจวัดความดันโลหิต
  • ตรวจเลือดคัดกรองเบาหวาน เอชไอวี
  • คัดกรองความเสี่ยงจากการสูบบุหรี่/สุรา/สารเสพติด
  • คัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ตรวจคัดกรองวัณโรค มะเร็งช่องปาก
  • ตรวจคัดกรองการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม
  • คัดกรองมะเร็งปากมดลูก
  •  ตรวจอุจจาระคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (50-70 ปี)
  • เคลือบฟลูออไรด์
  • การให้ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็กและโฟลิก
  • การป้องกันและแก้ไขการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ การคุมกำเนิด ยาคุมกำเนิด
  • การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง
  • การให้คำปรึกษาแนะนำการป้องกันเอชไอวีหลังสัมผัส
 

กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป

กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
  • ฉีดวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก
  • ตรวจประเมินความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน (ADL)
  • ตรวจวัดดัชนีมวลกาย ความดันโลหิต
  • ตรวจเลือดคัดกรองเบาหวาน เอชไอวี
  • คัดกรองปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง คั
  • ดกรองโรคซึมเศร้า
  • การคัดกรองวัณโรค มะเร็งช่องปาก
  • ตรวจคัดกรองการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม
  • ตรวจอุจจาระคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (50-70 ปี)
  • การเคลือบฟลูออไรด์
  • การให้ความรู้ออกกำลังกายและฝึกสมองป้องกันโรคสมองเสื่อม
  • การให้ความรู้ตรวจเต้านมด้วยตนเอง
  • การตรวจวัดความดันโลหิตด้วยตนเองที่บ้าน
  • การให้คำปรึกษาแนะนำการป้องกันเอชไอวีหลังสัมผัส
 

บริการสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 และสายด่วนสุขภาพจิต 132

นอกจากนี้ยังมีบริการสายด่วนเลิกบุหรี่ 1600 และสายด่วนสุขภาพจิต 132 สำหรับทุกกลุ่มวัย รายละเอียดบริการที่แต่ละกลุ่มอายุจะได้รับสามารถอ่านได้จากประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 

7 กลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี

7 กลุ่มเสี่ยงรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฟรี * มีดังนี้
 
  1. หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
  2. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
  3. ผู้ป่วยโรคเรื้อรังทุกกลุ่มอายุ(เบาหวาน ไตวาย หอบหืด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หลอดเลือดสมอง และผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด)
  4. ผู้ที่อายุ 65 ปีขึ้นไป
  5. ผู้พิการทางสมองช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
  6. ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย  ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องรวมถึงผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ
  7. ผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร
*ติดต่อขอรับวัคซีนในช่วงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล (พฤษภาคม-สิงหาคมของทุกปี) 

เช็คสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค

เช็คสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค
ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิใช้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแต่ละกลุ่มวัยได้ที่
 
แอปพลิเคชันเป๋าตัง เมนูกระเป๋าสุขภาพ
เว็บไซต์ สปสช. ppplatform.nhso.go.th
 
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่  
สายด่วน สปสช. 1330 
ช่องทางออนไลน์
ไลน์ สปสช. พิมพ์ไลน์ไอดี @nhso หรือคลิก 
Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ  

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด