อาสาสมัครทำหน้าที่ดูแลผู้ต้องขังอื่นๆที่สูงอายุ เจ็บป่วย พิการ ปัญญาอ่อน เป็นต้น โดยเรือนจำจะมีหลักสูตรอบรมความรู้ ที่ผู้ต้องขังสามารถนำไปใช้ในการดูแลผู้อื่นได้ เช่นอบรมทางด้านการปฐมพยาบาล การนวดแผนโบราณ การดูแลผู้มีปัญหาทางด้านจิตใจ ฯลฯ
ร่วมกิจกรรมต่างๆที่เรือนจำจัดขึ้น เช่น รณรงค์งดสูบบุหรี่ ร่วมกิจกรรมในวันสำคัญทางศาสนา
"ถ้าต้องการอยู่ในเรือนจำให้สบายเหมือนอยู่ข้างนอก ผู้ต้องขังต้องช่วยกันทำเรือนจำให้น่าอยู่"
มีผู้ต้องขังจำนวนไม่น้อย ที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวด้วยเหตุผลด้านการเจ็บป่วยผู้ต้องขังที่เข้ามาอยู่ในเรือนจำหาก เจ็บป่วยและมีความจำเป็นต้องใช้ใบความเห็นแพทย์เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาขอ ประกันตัวที่ศาล ...
ข้อมูลประวัติการเจ็บป่วยหรือประวัติการรักษาผ่าตัดก่อนหน้าที่จะเข้ามาในเรือนจำนั้นมีประโยชน์มาก เพราะช่วยให้แพทย์สามารถใช้ประกอบการออกความเห็นได้ถูกต้องและรวดเร็ว
************
วิธีออกจากคุกให้เร็วขึ้น
1. ยื่นคำร้องขอประกันตัวต่อศาล
น่าจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดสำหรับผู้ต้องขัง ที่คดียังอยู่ใระหว่างการพิจารณาของศาล โดยเฉพาะคดีที่มีโทษจำคุกไม่มาก และเป็นคดีที่ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติด ศาลอาจพิจารณาให้ประกันตัวในกรณีที่มีหลักทรัพย์ ค้ำประกันเพียงพอหรือมีเหตุผลอื่นในการให้ประกัน เช่น สูงอายุ เจ็บป่วยร้ายแรง
2. พยายามเลื่อนชั้นให้เร็ว และ หลีกเลี่ยงการถูกตัดชั้น
ผู้ต้องขังที่คดีถึงที่สุดแล้ว จะได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกมากหรือน้อยตาม "ชั้น"ของผู้ต้องขัง ดังนี้
- ชั้นเยี่ยม ได้ลดโทษ เดือนละ 5 วัน
- ชั้นดีมาก ได้ลดโทษ เดือนละ 4 วัน
- ชั้นดี ได้ลดโทษ เดือนละ 3 วัน
เรือนจำจะแบ่งชั้นของผู้ต้องขังออกเป็นชั้นต่างๆ 6 ชั้นคือ
ชั้นเยี่ยม ชั้นดีมาก ชั้นดี ชั้นกลาง ชั้นเลว และชั้นเลวมาก
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความประพฤติการปฏิบัติตามระเบียบของเรือนจำ และความตั้งใจในการฝึกวิชาชีพหรือเรียนหนังสือ เพราะฉะนั้น ถ้าอยากพ้นโทษเร็ว ก็อย่าฝ่าฝืนระเบียบเรือนจำจนถูกตัดชั้น
3. ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ
ผู้ต้องขังสามารถยื่นทูลเกล้าขอพระทานอภัยโทษเป็นรายบุคคล และ อาจได้รับการพิจารณาเพื่อรับพระราชทานอภัยโทษ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันสำคัญต่างๆ เช่นวันเฉลิมพระชนม์พรรษา เป็นต้น
4. อาสาสมัครออกทำงานสาธารณะ
ผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดี และมีโทษจำคุกเหลือไม่มาก อาจได้รับการพิจารณาให้ออกมาทำงานสาธารณะนอกเรือนจำ เช่น การขุดลอกคูคลอง ท่อระบายน้ำ ซึ่งนอกจากจะได้รับเงินปันผลสูงถึง 80 % ของกำไรสุทธิจากรับจ้างงานสาธารณะแล้ว ผู้ต้องขังยังได้รับการลดโทษ เป็นจำนวนวันเท่ากับจำนวนวันที่ออกทำงานสาธารณะอีกด้วย
5. การขอพักการลงโทษ
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ผู้ต้องขังออกจากเรือนจำได้เร็วกว่ากำหนด โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
ต้องจำคุกมาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของกำหนดโทษ
ถ้าเป็นคดีจำคุกตลอดชีวิต ต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปี
ระยะเวลาของการพักโทษมีดังนี้
- ชั้นเยี่ยม ได้พักไม่เกิน 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ
- ชั้นดีมาก ได้พักไม่เกิน 1 ใน 4 ของกำหนดโทษ
- ชั้นดี ได้พักไม่เกิน 1 ใน 5 ของกำหนดโทษ
ต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อสอบถามได้ที่ ส่วนพักการลงโทษ สำนักทัณฑปฏิบัติ
กรมราชทัณฑ์ โทร. 0-2967-3371 , 0-2967-3372 หรือสอบถามได้ที่เรือนจำทุกแห่ง
*****************
เตรียมตัวออกจากคุก
เมื่อใกล้พ้นโทษ เรือนจำทุกแห่งจะต้องเตรียมการดังนี้
- เตรียมข้อมูลผู้ต้องขังพ้นโทษ พร้อมรูปถ่ายของผู้ต้องขัง ส่งไปยังกองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- เตรียมอบรมก่อนปลดปล่อย ซึ่งจะมีทั้ง การอบรมด้านศีลธรรม การฝึกวิชาชีพ การศึกษา ในเรือนจำบางแห่ง อาจย้ายผู้ต้องขังมาอยู่รวมกันในแดนเดียวกันเพื่อสะดวกในการอบรม
- ให้คำแนะนำแก่ผู้ต้องขัง ในการปฏิบัติตัวเมื่อกลับไปอยู่ในสังคมภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ยังอยู่ในระหว่างการคุมประพฤติ ซึ่งผู้ต้องขังจะต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด หากทำผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติ ก็อาจถูกส่งตัวกลับไปในเรือนจำได้อีก
- ประสานงานแจ้งให้ญาติทราบเพื่อมารับตัววันพ้นโทษ
ส่วนตัวผู้ต้องขังเองนั้น สิ่งที่ควรทำก็คือ
- ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดี ผู้ต้องขังส่วนใหญ่มีสุขภาพจิตดีขึ้นเมื่อใกล้พ้นโทษ แต่บางคนอาจเครียดและกังวลเพราะไม่รู้ว่าพ้นโทษแล้วจะไปอยู่ที่ไหน ทำมาหาเลี้ยงชีพอย่างไร
- ในเรือนจำผู้ที่พอจะให้คำปรึกษาได้ ก็คือ นักสังคมสงเคราะห์ อนุศาสนาจารย์ นักจิตวิทยา เจ้าหน้าที่พยาบาล
ผู้ต้องขังใกล้พ้นโทษที่มีปัญหาด้านสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่เคยได้รับการบำบัดรักษาโรคจาก เรือนจำ เช่น วัณโรคปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ฯลฯจำเป็นต้องเตรียมขอประวัติการรักษาพยาบาล เพื่อนำไปใช้ในการรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลภายนอก
************
ปัญหาวันพ้นโทษ
พ้นโทษแล้วไปไหน
เคยมีคนทำวิจัย (เรือนจำที่เสปน) พบว่า ภายใน 24 ชั่วโมงหลังพ้นโทษ
- 80% ของผู้ต้องขังที่พ้นโทษจะ ไปเที่ยวโสเภณี
- 75% ของผู้ต้องขังที่พ้นโทษจะ ไปหายาเสพย์ติด (ผู้ต้องขังที่มีประวัติติดยา)
ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายว่า จะทำอะไรขอให้คิดถึงผลร้ายที่จะตามมา ถ้าไม่รู้ว่าจะไปไหน ก่อนพ้นโทษขอให้ติดต่อกับอนุศาสนาจารย์ของเรือนจำ มีหลายเรือนจำให้บริการติดต่อกับวัดใกล้เคียงเพื่อทำพิธีอุปสมบทให้ เพื่อเป็นศิริมงคล
นอกจากนี้ หลายเรือนจำก็มีบ้านกึ่งวิถี (Half way house) สำหรับรองรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษแล้วญาติมารับตัวไม่ทัน เช่น ศาลสั่งปล่อยตัวกระทันหัน จึงไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ผู้ต้องขังบางคนอาจจะไม่มีญาติเลย จึงต้องอาศัยอยู่ในบ้านกึ่งวิถีไปพลางๆก่อนเพื่อรอหางานทำหรือรอความช่วยเหลือจากกรมประชาสงเคราะห์
สำหรับในบริเวณเรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน ก็มีบ้านกึ่งวิถีที่ชื่อว่า "บ้านสวัสดี" ไว้รองรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษจากเรือนจำกลางคลองเปรม เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเรือนจำอื่นๆในเขตกรุงเทพและปริมณฑล
****************
วิธีนอนให้สบายในคุก
รูปที่เห็นพร้อมกรอบข้างล่างแสดงถึงพื้นที่นอนของผู้ต้องขัง 1 คนตามมาตรฐานสากลคือ 7.5 ตารางเมตร ต่อ คน
ส่วนในประเทศไทยนั้น มาตรฐานขั้นต่ำของพื้นที่นอน สำหรับผู้ต้องขังที่กำหนดโดยกรมราชทัณฑ์ คือ 2.25 ตารางเมตรต่อผู้ต้องขัง 1 คน (ดังรูปข้างล่าง)ซึ่งเป็นขนาดที่พอจะยอมรับได้ ถ้าการระบายอากาศในห้องนอนอยู่ในเกณฑ์ดี
แต่ ในความเป็นจริงนั้น ผู้ต้องขังมีพื้นที่นอน น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ถึง 3 เท่า !! (สถิติปี 2542)คือ เฉลี่ยแล้วผู้ต้องขังแต่ละคนจะมีพื้นที่นอนเพียง 0.85 ตารางเมตร ซึ่งหมายความว่าถ้าผู้ต้องขังมีส่วนสูง 170 เซนติเมตร ก็จะมีเนื้อที่นอนกว้างเพียง 50 เซนติเมตรเท่านั้น (ดังรูป) เพราะฉะนั้น การจะนอนให้หลับสบายจึงเป็นไปไม่ได้
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะจำนวนผู้ต้องขังถูกจับกุมเข้ามาอยู่ในเรือนจำมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะผู้ต้องขังคดียาเสพย์ติด
การแก้ไขปัญหา โดยผู้บริหารเรือนจำ
ต่อเติมเรือนนอนเพิ่มขึ้น เช่น ใช้ใต้ถุนเรือนนอนที่ยังว่างอยู่ หรือทำที่นอนให้เป็นสองชั้น เป็นต้น ซึ่งทำได้ยากเนื่องจากกรมราชทัณฑ์ได้รับงบประมาณน้อยมาก และไม่มี งบสร้างเรือนจำเพิ่ม
ลดความรู้สึกอึดอัดในเรือนนอน โดยติดตั้งพัดลมและพัดลมระบายอากาศเพิ่มขึ้น พยายามแก้ไขปัญหาเรื่องยุงหรือแมลง ที่มารบกวนซึ่งจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นอนไม่หลับ
ทำทุกวิถีทางที่จะปล่อยตัวผู้ต้องขังที่มีโทษเหลือน้อย และมีความประพฤติดีออกจากเรือนจำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดความแออัดลง โดยวิธีการพักการลงโทษ หรือลดวันต้องโทษจำคุก หรือ โอนตัวผู้ต้องขังตามสนธิสัญญาโอนตัวผู้ต้องขังต่างชาติ กลับไปจำคุกที่ประเทศของตนเอง
พยายามโยกย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำที่แออัดมาก ไปยังเรือนจำที่มีความแออัดน้อยกว่า
โยกย้ายผู้ต้องขังคดีเสพยาเสพย์ติดที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด ไปรับการบำบัดการติดยาเสพย์ติดที่ค่ายทหารต่างๆ
ข้อแนะนำสำหรับผู้ต้องขัง....ทางสว่าง.....
ถ้ามีปัญหานอนไม่หลับ พยายามออกกำลังกายหรืออาสาสมัครทำงานที่ต้องใช้แรงงาน ซึ่งนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้หลับง่ายขึ้น
ไม่ควรใช้ยานอนหลับช่วย เพราะจะทำให้ติดยา และต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้นเรื่อยๆ
การสวดมนต์ ไหว้พระ หรือนั่งสมาธิ ทำวิปัสสนา ก็อาจช่วยได้ ควรปรึกษาอนุศาสน์ของเรือนจำ
ขอยืมหนังสือธรรมะจากห้องสมุดเรือนจำมาอ่านก่อนนอน (วิธีนี้ทำให้ง่วงนอนได้เร็วมาก ไม่ว่าผู้ต้องขังจะรู้ซึ้งถึงรสพระธรรมหรือไม่ก็ตาม)
********************
ติดคุกฟรี ใครรับผิดชอบ
เมื่อติดคุกฟรี และถูกปล่อยตัวแล้ว สิ่งที่มักจะตามมา (ตามประสาคนไทย) ก็คือ
ไปหาหลวงพ่อ รดน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ ส่วนการที่ต้องเสียเวลาเข้ามาอยู่ในคุกถูกไล่ออกจากงาน จนป่านนี้ก็ยังหางานทำไม่ได้ ก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไป.....เวรกรรม.....
ญาติพี่น้องเพื่อนฝูง พาไปเลี้ยงฉลองที่ไม่ต้องติดคุก...ไชโย ๆ ๆ...ส่วนที่ต้องหลงเข้ามาอยู่ในคุกเป็นเดือนหรือเป็นปี ก็ถือว่าแล้วกันไป...ขอกันกินมากกว่านี้ถ้าท่านพอใจอยู่แค่นี้ ความยุติธรรมจะมีเหลืออยู่อีกหรือ
เราขอแนะนำให้ผู้ต้องขังที่ต้องติดคุกฟรีทุกคน ใช้สิทธิเรียกร้องค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายซึ่ง เรื่องนี้รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดย
จ่ายเงินชดเชยที่ต้องเข้ามาอยู่ในคุก โดยนับเป็นรายวัน ติดคุกนานก็ได้รับเงินค่าชดเชยมาก
จ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ถ้าความเจ็บป่วยเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี
ถ้าติดคุกแล้วตาย และการตายเป็นผลจากการถูกดำเนินคดี รัฐบาลต้องจ่ายในอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงฯ
ระหว่างติดคุก ไม่ได้ทำงาน ครอบครัวขาดรายได้ ก็ต้องได้รับเงินชดเชยด้วย
ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการต่อสู้คดี รัฐบาลก็ต้องรับผิดชอบ
อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมก็ติดต่อไปได้เลยครับ ที่.....
สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา สำนักงานที่ว่านี้อยู่ที่ ชั้น 25 ตึกกระทรวงยุติธรรม เลขที่ 99 หมู่4 ถนนแจ้งวัฒนะ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 โทรศัพท์ 0-2502-8083, 0-2502-6539
ที่สำคัญก็คือ ต้องเรียกร้องภายในกำหนดเวลา 1 ปี
มิฉะนั้นหมดสิทธิ.....นะ...จะบอกให้
********************
เรื่องจาก ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์