ถึงจะเป็นแค่น้ำมันมะกอกธรรมดา มันก็มีประโยชน์ในหลายๆด้าน ดังนี้
1. ควบคุมคอเลสเตอรอล
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าน้ำมันมะกอกช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลชนิดเลวให้อยู่ในระดับต่ำและส่งผลดีต่อหัวใจ แต่ขณะนี้การศึกษาที่ฟิลาเดลเฟียบ่งชี้ว่าสารประกอบในน้ำมันมะกอกชนิดบริสุทธิ์ยังออกฤทธิ์คล้ายกลุ่มยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน แต่ไม่ส่งผลข้างเคียงหรือกัดกระเพาะอาหาร จากการค้นคว้าวิจัยพบว่า น้ำมันมะกอกนั้นสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) ในขณะเดียวกันจะไม่ทำให้คอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ลดระดับลง
2. ช่วยการเผาผลาญอาหารดีขึ้น
น้ำมันมะกอกช่วยให้ระบบการเผาผลาญอาหาร (metabolic function) ภายในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพน้ำมันมะกอกได้กลายเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานจากการศึกษาล่าสุดพบว่าระดับกลูโคสของผู้ที่มีสุขภาพดีจะลดลง12% เมื่อรับประทานน้ำมันมะกอก
3. ต้านภาวะความเสื่อมถอยของสมอง
การที่เรารู้จักหาวิธีการเพื่อต่อต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเราเพื่อป้องกันภาวะความเสื่อมถอยของสุขภาพอันเนื่องมาจากอายุที่เพิ่มขึ้นนั้นนับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งจากการค้นคว้าวิจัยเราได้ทราบว่าน้ำมันมะกอกมีคุณสมบัติในการต่อต้านภาวะความเสื่อมถอยของสมองและยังช่วยยืดอายุของเราให้ยืนยาวขึ้นอีกด้วย
4. ดีต่อระบบการหมุนเวียนโลหิต
ช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง (arteriosclerosis) รวมทั้งภาวะอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย ไตวาย และเส้นเลือดในสมองแตก
5. ประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหารและกระเพาะอาหาร
ช่วยให้ระบบการทำงานของส่วนต่างๆ ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร ตับอ่อน ลำไส้ และถุงน้ำดี ช่วยป้องกันการเกิดนิ่ว นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่า น้ำมันมะกอกช่วยบรรเทาอาการกระเพาะอักเสบ แผลในกระเพาะ และเป็นยาระบายอ่อนๆ ซึ่งการรับประทานน้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ ในตอนเช้าตอนกระเพาะอาหารว่าง จะเป็นผลดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคท้องผูกเรื้อรังอีกด้วย
6. ประโยชน์ต่อเด็กอ่อน
ด้วยสารประกอบและคุณสมบัติในการช่วยย่อยอาหาร ทำให้น้ำมันมะกอกจัดเป็นไขมันธรรมชาติ ที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำนมของแม่มากที่สุด แม้ว่าน้ำมันมะกอกจะมีปริมาณของกรดไขมันจำเป็นต่ำ แต่สัดส่วนที่มีความสมดุลระหว่างไลโนเลอิค และไลโนเลนิคนั้น เป็นคุณสมบัติที่เหมือนกับที่พบในนมของแม่นั้นเอง