ดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า ตามที่ กรม สบส.ได้รับเบาะแสการลักลอบนำแพทย์ต่างชาติเข้ามาประกอบวิชาชีพเวชกรรมในคลินิก ย่านปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ตนจึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กลุ่มไซเบอร์ กองกฎหมาย กรม สบส.ประสานความร่วมมือกับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปคบ. และแพทยสภา ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ คลินิกแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
ขณะเข้าตรวจสอบในคลินิก พบบุคคลซึ่งเป็นแพทย์จากประเทศเกาหลีใต้ กำลังให้บริการด้านการให้คำปรึกษา และประเมินการให้บริการเสริมความงามแก่ผู้รับบริการ โดยมีการสัมผัสบริเวณใบหน้า และให้การวินิจฉัยกับผู้รับบริการ
จากการตรวจสอบพบช้อมูลว่า ในการตรวจประเมินและวินิจฉัยในแต่ละครั้งนั้น ทางคลินิกจะให้ผู้รับบริการเข้าพบแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล และแพทย์ชาวเกาหลีใต้ ผ่านเอเจนซี่
การกระทำของแพทย์ชาวเกาหลีใต้ เข้าข่ายการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 ในฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ขึ้นทะเบียนและได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยมีนายแพทย์ต่อพล วัฒนา ผู้ช่วยเลขาธิการแพทยสภา เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการประกอบวิชาชีพเวชกรรม
กรม สบส. แจ้งความเอาผิด
จากกรณีนี้ กรม สบส. จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับ ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ซึ่งจะถือว่ามีความผิดดังนี้
1. ความผิด ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ในฐานปล่อยปละละเลยให้ผู้อื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. ความผิด ตามมาตรการทางปกครองออกคำสั่ง ตามมาตรา 49 ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
3. ความผิด จากการโฆษณาสถานพยาบาลผ่านสื่อโซเชียล โดยมิได้รับการอนุมัติ จากผู้อนุญาต ซึ่งกรม สบส.จะดำเนินการออกคำสั่งระงับ การโฆษณา และส่งคณะกรรมการเปรียบเทียบคดี
ส่วนกรณี ของแพทย์ชาวเกาหลีใต้ กรม สบส.จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยมีหมายเรียกให้แพทย์ชาวเกาหลีใต้มาสอบสวนต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. และจะดำเนินการรวบรวมข้อมูลส่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
และหากมีการหลบหนีจะมีหนังสือแจ้งไปถึงองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือ อินเตอร์โปล เพื่อดำเนินคดีต่อไป
สบส.ย้ำ แพทย์ต่างประเทศต้องมีใบอนุญาต
ด้าน ดร.ทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวเพิ่มเติมว่า บริการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับความงาม เป็นบริการที่ได้รับความนิยมและมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง สถานพยาบาลหลายแห่ง จึงมีการแข่งขัน ทั้งในด้านเทคโนโลยี หรือบุคลากร ซึ่งบางแห่งอาจจะมีการอ้างชื่อแพทย์จากต่างประเทศมาเป็นจุดดึงดูดความสนใจ
อย่างไรก็ดี กรณีที่คลินิกเสริมความงาม จะนำแพทย์จากต่างประเทศ เข้ามาให้บริการในคลินิกไม่ว่าจะให้บริการประจำหรือไม่ประจำก็ตาม จะต้องดำเนินการให้ถูกกฎหมาย โดยต้องขออนุญาตกับ สบส. หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่
และที่สำคัญ คือ ตัวแพทย์ผู้ให้บริการ "จะต้องสอบใบประกอบวิชาชีพเพื่อประกอบวิชาชีพในประเทศไทยให้ได้ก่อน จึงจะมีสิทธิ์ให้การรักษา"
ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน หากใช้แพทย์ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือไม่ก็ตาม จะเข้าข่ายว่าคลินิกแห่งนั้นใช้หมอเถื่อน ซึ่งจะมีบทลงโทษทั้งหมอเถื่อน และแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล
ประการสำคัญ กรม สบส.จะร่วมือกับแพทยสภาตรวจสอบสถานพยาบาลเอกชนที่มีข้อสงสัยว่านำแพทย์ต่างประเทศมาให้บริการ ซึ่งเป็นนโยบายหลักของดร.นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ อธิบดีกรม สบส.
ข่าวและภาพจาก กรม สบส.