ข่าวสุขภาพ
ค้นหา รพ.-คลินิก-ร้านยาทั่วไทย ร้านยาคุณภาพของฉัน บริการสุขภาพ คลินิกเอกชน งาน รพ.
บริการวัคซีนโควิด บริการตรวจโควิด
ตำแหน่งงาน
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าวธุรกิจสุขภาพรอบโลก กิจกรรม-บริการ รพ.ต่างๆ สิทธิสุขภาพชาวไทย สาระความรู้สุขภาพ Health Economy ท่องเที่ยวสุขภาพ กิจกรรม ESG CSR กิจกรรม Event บริจาค
น่าสนใจไทยแลนด์
English
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

โควิดทองหล่อสายพันธุ์อังกฤษ แพร่เร็วและรุนแรงทวีคูน 10x10x1.75 - นพ.ยง ภู่วรวรรณ

โควิดทองหล่อสายพันธุ์อังกฤษ แพร่เร็วและรุนแรงทวีคูน 10x10x1.75 - นพ.ยง ภู่วรวรรณ HealthServ.net

พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 24 คนที่ตรวจที่ได้จากทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด สายพันธุ์เดียวกันทั้งหมด แพร่ระบาดเร็วมาก ติดต่อง่ายมาก ง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดา อยู่ประมาณ 1.7 เท่า

โควิดทองหล่อสายพันธุ์อังกฤษ แพร่เร็วและรุนแรงทวีคูน 10x10x1.75 - นพ.ยง ภู่วรวรรณ ThumbMobile HealthServ.net
โควิดทองหล่อสายพันธุ์อังกฤษ แพร่เร็วและรุนแรงทวีคูน 10x10x1.75 - นพ.ยง ภู่วรวรรณ HealthServ
ศ.นพ.ยง ภูวรวรรณ ได้ให้ข้อมูลและอรรถาธิบายถึงไวรัสโควิดที่ระบาดในรอบนี้ สายพันธุ์ ความรุนแรง และคำแนะนำที่จำเป็นสำหรับช่วงเวลาที่สำคัญนี้ ดังนี้ 

เปรียบเทียบการระบาดปีนี้กับปีที่แล้ว

ผมจะให้ข้อมูล ปีนี้เปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ปีที่แล้วการระบาดในระลอกแรกเกิดขึ้นเดือนมีนาและเมษา ทั้งระลอก 2 เดือน มีผู้ป่วยทั้งสิ้นไม่ถึง 3 พันคน วันที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ 188 คน เป็นวันที่พบผู้ป่วยกลับจากพิธีกรรมทางศาสนาจากอินโดนีเซีย โดยเฉลี่ยปีที่แล้ว ผู้ป่วยอยู่ที่หลักสิบคน ทั้งเดือนเมษา
 
การระบาดปีนี้ เริ่มตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมมาถึงตอนนี้ (เมษายน) ก็ยังไม่ได้ยุติลง แล้วก็เกิดการระบาดระลอกใหม่ ซ้อนขึ้นมาอีก ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะสถานบันเทิง ที่จริงเราก็เริ่มสงสัยว่า ทำไมการระบาดที่สถานบันเทิงแพร่กระจายเร็วมาก แล้วมีผู้ป่วยจำนวนมาก หรืออาจจะเรียกว่าเป็นซุปเปอร์สเปรดก็ได้ เพราะในสถานบันเทิงมันเป็นที่อับ ที่ปิด ในระยะหลังมีหลักฐานว่า ถ้าอยู่ในสถานที่ปิด โรคนี้จะสามารถแพร่กระจายได้ แม้กระทั่งทางอากาศ หรือทางการหายใจ เพราะว่ามีหลักฐานในการร้องเพลงในโบสถ์ พบว่าไม่ได้มีการสัมผัสกันเลยก็ติดโรคนี้ได้  จึงไม่แปลก ถ้ามีดนตรีเสียงดัง ร้องเพลงเสียงดัง พูดเสียงดัง โอกาสที่เชื้อจะกระจายลอยไปในอากาศ ก็ติดได้ง่าย
 

เพราะผิดสังเกตจึงพบว่าเป็นคนละสายพันธุ์

ครั้งแรกผมคิดว่าเหตุการณ์คงเป็นแบบนั้น ที่ทำให้สถานบันเทิงแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วและง่ายเหลือเกิน แต่เมื่อหลังจากการตรวจปริมาณไวรัสในคอผู้ป่วย ที่ Swab ไป ก็เริ่มเห็นผิดสังเกตอันนึงว่า ปริมาณไวรัสในตัวผู้ป่วย ถึงแม้จะไม่มีอาการ มีปริมาณไวรัสที่ค่อนข้างสูงมาก เราคงเคยได้ยินค่า CT (Cycle Threshold) ถ้ามีค่ายิ่งต่ำ ก็แสดงว่ามีไวรัสสูงมาก หลังจากนั้น ก็รีบทำการตรวจอย่างรวดเร็ว เราใช้เรียกว่า สเปคซิฟิก โพรบ (Specific Probe) ใช้ตัวชี้นำ เพื่อตรวจจำเพาะเลยว่าเป็นสายพันธุ์ใด (อังกฤษ หรือ พื้นบ้านเรา ที่ระบาดตั้งแต่สมุทรสาคร เป็นต้นมา) แล้วก็พบว่า ผู้ป่วยทั้ง 24 คนที่ตรวจที่ได้จากทองหล่อ เป็นสายพันธุ์อังกฤษทั้งหมด สายพันธุ์เดียวกันทั้งหมด เมื่อพูดถึงสายพันธุ์อังกฤษที่รู้จักกันกัน ในรูปของ B.1.1.7 สายพันธุ์อังกฤษนี้ เริ่มมาตั้งแต่พฤศจิกายน ถึงธันวาคม (63) แพร่ระบาดเร็วมาก ติดต่อง่ายมาก ง่ายกว่าสายพันธุ์ธรรมดา อยู่ประมาณ 1.7 เท่า เรารู้ว่าปีที่แล้ว บ้านเราระบาดด้วยสายพันธุ์ S แล้วไปเจริญเติบโตเป็นสายพันธุ์ L G  สายพันธุ์ G แพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์ S สายพันธุ์ G จึงครองโลกอยู่ขณะนี้ 
 

การระบาดในเวฟที่ 2 ของบ้านเราเป็นสายพันธุ์ G เป็น GH แต่สายพันธุ์อังกฤษเป็น GRV แยกเป็นอีกสายพันธุ์นึงเลย  

แล้วก็แพร่กระจายเร็วมาก จากเดือนธันวาคมเท่านั้นเอง ในยุโรปขณะนี้ การระบาดเกือบทั้งหมดจะเป็นสายพันธุ์อังกฤษ จะเห็นว่าในเยอรมัน ในฝรั่งเศสตอนนี้ สายพันธุ์อังกฤษแพร่ระบาดอย่างหนัก มีระลอกที่ 3 ทำให้ถึงกับเริ่มมีการล็อกดาวน์กันใหม่ แต่ในอังกฤษเอง ถึงแม้จะมีสายพันธุ์อังกฤษ แต่อังกฤษเป็นประเทศที่ฉีดวัคซีนมากที่สุดในยุโรป มากกว่าฝรั่งเศสและเยอรมัน ทำให้เคสในอังกฤษลดลงแบบเห็นได้ชัดเจน อัตราการตายของอังกฤษลดลงแบบมโหฬาร เมื่อเปรียบเทียบกับเยอรมันและฝรั่งเศส ซึ่งกล้าๆ กลัวๆ กับวัคซีน ว่าจะมีอาการข้างเคียง 
 

ความน่ากลัวของสายพันธุ์อังกฤษ

ฉะนั้นในเรื่องของสายพันธุ์อังกฤษ สิ่งที่เรากลัวก็คือ ประเด็นที่หนึ่ง มันแพร่กระจายได้เร็วมาก คงไม่แปลกที่เห็นภาพในสถานบันเทิง ว่าทำไมมันแพร่มากกว่าปีที่แล้ว จำนวนผู้ป่วยมากกว่าปีที่แล้ว เราคาดคะเนว่า การระบาดปีนี้ จะมากกว่าปีที่แล้ว ประมาณ 10 เท่า เพราะตัวเลขเป็นหลักร้อย ปีที่แล้วเป็นหลักสิบ เราก็คาดคะเนว่า 10 เท่า แต่ในขณะเดียวกันมาตรการของเรา เปรียบเทียบปีนี้กับปีที่แล้ว ปีที่แล้วมีล็อคดาว มีเคอร์ฟิว มีห้ามขายเหล้า ห้ามขายแอลกอฮอล์ทั้งหมด มีการปิดห้าง ปิดโรงเรียน ปิดอะไรสารพัด เลื่อนสงกรานต์ มาตรการของปีที่แล้วเทียบกับปีนี้ บอกได้เลยว่าอาจจะห่างกัน 10 เท่า ถ้าเปรียบเทียบว่าปีที่แล้วหนักกว่าปีนี้เป็น 10 เท่า 
 
ดังนั้นถ้าเชื้อระบาดมากกว่ากัน 10 เท่า มาตรการต่างๆ ลดหย่อนลงมาอีก 10 เท่า โอกาสที่เชื้อจะแพร่กระจายออกไปอีกเป็น 100 เท่า ตรงไปตรงมา ทีนี้มาเจอสายพันธุ์อังกฤษอีก ที่จะแพร่กระจายได้ง่ายเป็น 1.75 เท่า พูดง่ายๆ ก็คือ 170 เท่า มันยิ่งทวีคูณ ขึ้นไปใหญ่ 

เมื่อเห็นตัวเลขอันนี้แล้ว ก็ทำให้เราค่อนข้างที่จะกลัวเหมือนกัน 

โอกาสแพร่เชื้อในช่วงสงกรานต์

ว่าหลังสงกรานต์หรือในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะในวัยหนุ่มสาว การติดเชื้อในส่วนใหญ่อาการจะน้อย แต่มีปริมาณไวรัสในลำคอ เป็นปริมาณมาก และในขณะที่ไม่มีอาการ แต่มีไวรัสเป็นปริมาณมาก เราสามารถเดินทางไปได้ไกลโดยที่ไม่รู้ ว่ามีไวรัสอยู่ แล้วถ้าบอกว่าเราต้องไปรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จะน่าเป็นห่วงอีกอันก็คือว่า เราอาจจะนำเชื้อไปสู่ท่าน แล้วท่านเกิดติดเชื้อหรือป่วยขึ้นมาจริงๆ แล้ว เรารู้ว่าถ้าอายุมากหรืออายุที่สูงวัย ความรุนแรงของโรค โอกาสจะเกิดปอดบวมก็เกิดได้สูง โอกาสจะเสียชีวิตก็ขึ้นตามอายุที่มากขึ้น 
 
ทำให้ส่วนตัวผมเอง ถ้าบอกว่าเป็นห่วงไหม เป็นห่วงมาก การเคลื่อนย้ายของประชากรเป็นเหตุอันหนึ่งที่จะทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคไปได้ไกล  ขนาดสายพันธุ์อยู่อังกฤษ มันยังหลุดเข้ามาได้อย่างไร ในเมื่อเรามี State Quarantine เรามีทุกวิถีทางที่พยายามที่จะบล็อกแล้ว ก็ยังหลุดเข้ามาจนได้ 
 
สิ่งที่สำคัญก็คืออยากจะให้พวกเราทุกคน ช่วยกันสื่อออกไป ว่าในช่วงสงกรานต์ปีนี้ ในเมื่อไม่สามารถที่จะไปบล็อกอะไรต่างๆ ได้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ใครที่ไม่มีความจำเป็น ก็ลดการเคลื่อนย้ายประชากรให้น้อยที่สุด แต่ถ้าจำเป็นต้องไป หากมีวางแผนล่วงหน้าแล้ว ถ้าจำเป็นต้องไป ก็จะต้องมีมาตรการทุกอย่างให้เคร่งครัด ตั้งแต่เริ่มออกจากบ้านเลย ไม่ว่าจะเริ่มขึ้นรถ หรือจะไปถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ให้ปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด และมีระเบียบวินัย คงไม่ต้องบอกแล้ว ว่าจะต้องปฏิบัติตนอย่างไร
 
ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่า การที่จะปฏิบัติตนให้ลดลง ทำได้อย่างไร ตั้งแต่ Social Distancing สุขอนามัย 
การใส่หน้ากากอนามัย ทุกอย่าง 
 
ในปัจจุบันนี้ ถ้าทุกคนช่วยกัน ผมเชื่อว่ามันก็จะสามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
 

วัคซีนจะคุมอยู่ได้ไหม

หลายคนถามว่าสายพันธุ์อังกฤษนี้ เมื่อฉีดวัคซีนไปแล้ว วัคซีนจะคุมอยู่ได้ไหม ผมตอบได้เลยว่า
สายพันธุ์ที่มีการกลายพันธุ์ทั่วโลกขณะนี้ ที่เราเรียกว่าต้องคำนึงถึง ต้องระวัง ที่เรียกว่า Variant of concern มีอยู่ 3 สายพันธุ์ สายพันธุ์อังกฤษ สายพันธุ์แอฟริกาใต้ สายพันธุ์บราซิล สายพันธุ์อังกฤษนี้ แพร่กระจายได้เร็ว แต่วัคซีนยังมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม ย้ำ

ความรุนแรงของโรค ไม่ว่าจะสายพันธุ์อังกฤษ หรือสายพันธุ์ใดก็ตาม ความรุนแรงของโรคยังเหมือนเดิม เพียงแต่การกระจายหรือการระบาดเพิ่มขึ้น ง่ายขึ้น ติดง่ายขึ้น แต่ความรุนแรงเหมือนเดิม ฉะนั้นวัคซีนจึงยังมีประสิทธิภาพเหมือนเดิม

กลัวอาการข้างเคียง

หลายคนเมื่อจะมีการฉีดวัคซีน ก็มีอาการกล้าๆ กลัวๆ โดยเฉพาะกลัวเรื่องของอาการข้างเคียง อาการข้างเคียงที่เราฟังไม่ว่าจะในข่าว หรือในมีเดียต่างๆ ผมพูดเสมอเลยว่า วัคซีนทุกชนิด ไม่ว่าฉีดวัคซีนเด็ก หรือวัคซีนอะไรก็ตามแต่ โอกาสที่จะแพ้วัคซีน มีทั้งนั้น เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามันไม่แพ้ แต่โอกาสแพ้จริงๆ น้อยมากๆ โอกาสที่จะเกิดที่เราฟังข่าวกันบ้างว่าเกิดลิ่มเลือด ลิ่มเลือดไปอุดตันในเส้นเลือดส่วนลึกหรือเส้นเลือดในสมอง แล้วทำให้สร้างปัญหาถึงกับต้องเข้านอนโรงพยาบาลหรือเสียชีวิต อุบัติการณ์อันนี้ บอกได้เลยว่า ไม่ว่าในเยอรมัน ในออสเตรีย หรือในอังกฤษ อุบัติการณ์จริงๆ ที่สัมพันธ์กับวัคซีน จะใช่-ไม่ใช่ ไม่รู้แล้วเนี่ย เมื่อเปรียบเทียบแล้ว 1 ราย ต่อการฉีดวัคซีน ตั้งแต่แสนถึงล้านโดส พูดง่ายๆ ว่า วัคซีนที่ฉีดไป 1 แสน ถึง 1 ล้านโดส โอกาสที่จะเกี่ยวข้องกับโรคนี้มี 1 คน
 
โรคนี้ รู้กันอย่างหนึ่งว่า ส่วนใหญ่แล้ว เป็นในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 55 ปี แล้วที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเอสโตรเจน โดยเฉพาะในสตรีตั้งครรภ์ที่เอสโตรเจนสูง ซึ่งเราไม่ให้อยู่แล้ว หรือเกี่ยวข้องกับคนที่ต้องกินยาคุมกำเนิด หรือยาที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง ก็อาจจะเกิดได้ง่ายขึ้น แต่โอกาสที่เกิดในผู้ชายนี้น้อยมากๆ 
 
เมื่อเปรียบเทียบผลดีของการฉีดวัคซีน แล้วป้องกันโรคแล้ว มันเทียบกันไม่ติด โอกาสที่จะต้องกันโรคได้ มีสูงกว่ามาก ประโยชน์มีมากกว่ามาก 
 
ครั้งที่แล้วผมเคยเปรียบเทียบว่า ความเสี่ยงของการฉีดวัคซีน เทียบกับการเดินข้ามถนนไปสีลม จากรพ.จุฬา บอกได้เลยว่า การข้ามถนนความเสี่ยงอาจจะมากกว่าการฉีดวัคซีน ลองให้ข้ามไปซักหมื่นครั้งหรือแสนครั้ง อุบัติเหตุเกิดขึ้นง่ายกว่ามาก 
 
เมื่อเปรียบเทียบแบบนี้แล้วว่า ชีวิตต้องดำเนินต่อไป ต้องโกออน ผมมีความจำเป็นที่จะต้องไปสีลม ผมก็ต้องไป ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็ต้องหยุดอยู่กับที่ ความเสี่ยงมันมี แต่ประโยชน์ในการที่จะเดินทางไปมันมีมากกว่า 
 
แต่เราก็อีกนะว่า ปัจจุบันนี้ ความเสี่ยงในการข้ามถนน ยิ่งไม่มีเลย เพราะผมรู้ว่าผมจะข้ามสะพานลอย ทำนองเดียวกัน วัคซีนตัวนี้ก็เหมือนกัน คือเราพยายามหลีกเลี่ยง โดยให้ฉีดในโรงพยาบาลนะ เกิดมีอาการแพ้แบบช็อคขึ้น จะได้แก้ไขได้ ก็เปรียบเสมือนการขึ้นสะพานลอย ลดความเสี่ยงลงไปอีก
ก็อยากให้สบายใจได้ ในเรื่องของอาการข้างเคียงของวัคซีน
 

ฉีดวัคซีนให้เร็วคือความสำเร็จ

เราอยากเห็นมากๆ เลยว่าประชากรไทย ได้รับวัคซีนให้เร็วที่สุด ผมเคยประมวลข้อมูลแล้วว่า ถ้าคนไทยฉีดวัคซีนวันละ 10,000 โดส เราจะใช้เวลา 30 ปี ถึงจะได้ภูมิคุ้มกันกลุ่มเกิดขึ้น ซึ่งรอไม่ได้ เราเปลี่ยนใหม่ให้ฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นเป็น 100,000 โดสต่อวัน ก็จะใช้เวลาประมาณ 3 ปี ในการที่ให้เกิด Herd Immunity ภูมิคุ้มกันกลุ่ม  เพื่อให้โรคมันลดลง แต่ถ้าเราสามารถฉีดวัคซีนได้ถึงวันละ 300,000 โดส ต่อวัน แน่นอนเราจะใช้เวลาเพียง 1 ปี เพื่อที่จะยุติโรคร้าย หรือวิกฤต covid-19 นี้ 
 

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งนะครับว่า ทุกคนไม่ต้องรีรอเลย ถึงเวลา ถึงคิว ถึงกำหนด ให้เร่งการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด 

 
 
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19)
วันที่ 7 เมษายน 2564
ณ กระทรวงสาธารณสุข

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด