WHO อัพเดต
ปัจจุบันมีรายงานการพบ "โอมิครอน" ใน 77 ประเทศแล้ว และคาดการณ์ว่าจะกระจายไปในทุกประเทศในไม่ช้า แม้บางประเทศขณะนี้จะยังตรวจไม่พบก็ตาม ตามคำแถลงของผอ.WHO ดร.เทดรอส อัดดานอม เกเบรเยซุส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 64 ถึงอาการของผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะไม่รุนแรง แต่อัตราแพร่ระบาดที่รวดเร็วอย่างมาก เป็นประเด็นที่น่ากังวลต่อการเตรียมการรองรับ
ทั้งนี้
ผอ.WHO กล่าวอีกว่า องค์การอนามัยโลกไม่ได้ต่อต้านการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแต่อย่างใด แต่ต่อต้านความไม่เท่าเทียม ด้วยหวังให้เกิดความปลอดภัยในทุกชีวิตทุกแห่งบนโลก สิ่งสำคัญอันดับแรกสุดของทุกประเทศและทั้งโลก คืออย่างน้อยควรได้รับการปกป้อง ไม่ใช่เน้นให้มากไว้ก่อน
WHO ระบุว่า 41 ประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนเพียง 10% อีก 98 ประเทศมีอัตรการฉีดไม่ถึง 40% ถ้าหยุดความไม่เท่าเทียมได้ ก็หยุดโรคระบาดได้ แต่ถ้าไม่ เราก็ต้องเผชิญกับมันต่อไป
จีน
พบโอมิครอนรายแรกในประเทศเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ในเทียนจินทางตอนเหนือ เป็นชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศมาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ขณะนี้อยู่ในการกักตัวและรับการรักษา Reuters
อังกฤษ
ยกเลิกการห้ามเดินทางจาก 11 ประเทศ "กลุ่มสีแดง" จากแอฟริกาใต้แล้ว ตั้งแต่ 15 ธันวาคมเป็นต้นไป เหตุเพราะปัจจุบันมีการระบาดในชุมชนในประเทศเกิดขึ้นแล้ว การเดินทางระหว่างประเทศไม่ใช่สาเหตุอีกต่อไป
ขณะที่สภาอังกฤษโหวตผ่านการบังคับใช้มาตรการเข้มงวด Plan B ที่รวมการนำ NHS Covid pass กลับมาใช้ เพื่อสกัดโอมิครอน แม้จะมีเสียงค้านไม่น้อยและส่วนใหญ่ใหญ่เป็นสมาชิกพรรคทอรี่ของนายกฯบอริส จอห์นสันเอง
รายงานผู้ติดเชื้อวันอังคารที่จำนวน 59,610 ราย เป็นโอมิครอนกว่า 5,300 ราย ทางการพยายามเร่งแคมเปญบูสเตอร์ในประชาชนให้มากที่สุด
สวิตเซอร์แลนด์
กำหนดจะเริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์สำหรับเด็กอายุ 5-11 ปีในเดือนมกราคม 2565 คำแนะนำสำหรับการฉีดคือ 2 โดส ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลต้องให้ความยินยอม ความจำเป็นแรกสุดสำหรับเด็กที่เหมาะจะรับวัคซีนนี้ คือเด็กที่มีความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง หรืออยู่ภาวะเสี่ยงจากสมาชิกในครอบครัวที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
เนเธอร์แลนด์
ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนเพิ่มขึ้นเป็น 1% ของผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมดที่พบในช่วงนี้ ทางการจึงขยายมาตรการล็อกดาวน์ต่อไปจนถึงวันหยุดเทศกาลคริสมาส โรงเรียนประถมถูกสั่งปิดเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กๆ มีโอกาสติดเชื้อ
สหรัฐ ย้ำการฉีดกระตุ้นนั้นสำคัญ
ข้อมูลภาคสนาม โจฮันเนสเบอร์ก แอฟริกาใต้ บ่งชี้ว่าวัคซีนไฟเซอร์มีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันไวรัสโอมิครอนเหลือเพียง 33% ขณะที่อัตราผู้ป่วยที่ต้องเข้าโรงพยาบาลมีเพียง 29% เทียบกับการระบาดจากเดลต้าก่อนหน้า ข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าวัคซีนช่วยป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงได้อย่างชัดเจน สอดคล้องกับที่นพ.แอนโทนี เฟาซี่ ให้คำอธิบายว่า "ข้อมูลนั้นถูกต้อง หากคุณฉีด mRNA ไปครบแล้วประสิทธิภาพลดลงได้ เมื่อเวลาผ่านไป จาก 90% เหลือ 70% การฉีดเข็มกระตุ้นจะสร้างภูมิกลับขึ้นมาใหม่ สำหรับโอมิครอนที่แพร่ระบาดรวดเร็ว การฉีดเข็ม 3 ดีแน่นอนในการป้องกัน"
ขณะที่ข้อมูลเกี่ยวกับยารักษาโควิดชนิดเม็ดของไฟเซอร์ออกมาล่าสุด ย้ำผลการศึกษาประสิทธิภาพ 90% ในการป้องกันอาการรุนแรงจนต้องเข้าโรงพยาบาลได้และลดการเสียชีวิตในกลุ่มผู้ป่วยเสี่ยงสูง หากผ่านการอนุมัติให้ใช้จะวางจำหน่ายในชื่อ "แพคโลวิด" Paxlovid