ประเด็นที่ 1 แนวทางการจ่ายยาต้านไวรัสกับผู้ป่วยโควิด
อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด 19 ในช่วงกลางเดือนกรกฏาคม 2565 นี้ มีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ประชาชนบางส่วนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับแนวทางการจ่ายยาผู้ป่วยโควิด 19
และมีความเข้าใจผิดว่า "ผู้ป่วยทุกรายต้องได้รับยาต้านไวรัส"
กรมการแพทย์ขอยืนยันว่าผู้ป่วยโควิด 19 ควรได้รับการรักษาตามแนวทางการรักษาที่กรมการแพทย์ร่วมมือกับคณาจารย์ ผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานต่าง ๆ และผู้แทนทีมแพทย์ที่ปฏิบัติหน้างานมีการทบทวนและปรับแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย ตามข้อมูลวิชาการในประเทศ และต่างประเทศตั้งแต่มีการระบาดโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันได้มีการประกาศใช้แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษา และป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 24 วันที่ 11 กรกฎาคม 2565 มาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด 19 แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1.กลุ่มที่ไม่มีอาการหรือสบายดี
ให้ดูแลรักษาตามอาการ ไม่ให้ยาต้านไวรัส โดยดูแลการรักษาแบบผู้ป่วยนอก โดยแยกกักตัวที่บ้าน (Out-patient with self Isolation) เนื่องจากส่วนมากหายได้เอง แพทย์อาจให้ยาฟ้าทะลายโจรเพื่อบรรเทาอาการที่ไม่รุนแรงได้
2. ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ไม่มีปอดอักเสบ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง/โรคร่วมสำคัญ
กลุ่มนี้ แพทย์อาจให้ favipiravir ในช่วง 4 วันแรก หลังมีอาการ หาก ผู้ป่วยมีอาการมาแล้วเกิน 5 วัน และผู้ป่วยไม่มีอาการ แพทย์อาจไม่ให้ยาต้านไวรัส เพราะผู้ป่วยจะหายได้เองโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน
3. ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรงหรือมีโรคร่วมสำคัญ หรือ ผู้ป่วยที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแต่มีปอดอักเสบเล็กน้อยถึงปานกลางยังไม่ต้องให้ออกซิเจน
แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส 1 ชนิด ตั้งแต่เริ่มมีอาการ โดยแพทย์จะพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน ได้แก่ ปัจจัยเสี่ยง ประวัติโรคประจำตัว ข้อห้ามการใช้ยา ปฏิกิริยาต่อกันของยาต้านไวรัสกับยาเดิมของผู้ป่วย
4. กลุ่มที่มีอาการปอดอักเสบต้องได้รับการรักษาด้วยออกซิเจน
ผู้ป่วยจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเพื่อติดตามอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เป็นไปตามแนวทาง ที่กำหนดตามแนวทางเวชปฏิบัติฯ ทั้งนี้ ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพราะยาทุกตัวเป็น emergency used
สรุปก็คือ กลุ่มที่ 2 และ 3 ที่จะเป็นกลุ่มที่จะได้รับยาต้านไวรัส หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่า มีความเสี่ยง/มีปัจจัยเสี่ยง ที่อาการจะรุนแรงขึ้น
ส่วนกลุ่มที่ 1 ที่ติดเชื้อ ไม่มีอาการ ไม่มีแนวโน้มจะรุนแรง "จึงไม่ต้องจ่ายยาต้านไวรัสให้" เพียงรักษาตามอาการไป หรือ ฟ้าทะลายโจรก็เพียงพอ
แต่หากเป็นกลุ่ม 4 คืออาการรุนแรง ต้องเข้าโรงพยาบาลเท่านั้น
ประเด็นที่ 2 แนวทางการต่อยอด เจอ-แจก-จบ การประสานเครือข่าย รับรักษาผู้ป่วย
สาระสำคัญของประเด็นนี้ คือ กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์ ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อ "ต่อยอดระบบการดูแลจากเดิมเจอ-แจก-จบ สู่ สแกน(หรือโทร)-แจก-จบ" ได้แก่
- กรุงเทพมหานคร
- โรงพยาบาลภาคีเครือข่าย UHosNeT
- กระทรวงกลาโหม
- โรงพยาบาลเอกชน
- ภาคประชาสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
แนวทางคือการ "สแกน(หรือโทร)-แจก-จบ" แทน โดยจะ
- ให้ผู้ที่มีผลตรวจว่าติดเชื้อ/ตรวจ ATK ขึ้นสองขีด ทำการสแกน QR code หรือ โทรศัพท์ติดต่อสถานพยาบาล สังกัดกรมการแพทย์ และทำตามคำแนะนำ
- ข้อมูลผลตรวจที่ส่งเข้าไป เพื่อให้แพทย์วินิจฉัย และเข้าระบบรักษา/รับยาต่อไป
แนวทางนี้ จะช่วยให้ ผู้ป่วยกลุ่มที่ไม่มีอาการ หรือ อาการไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องมาสถานพยาบาล เพื่อลดเสี่ยง ลดแออัด
สถานพยาบาล สังกัดกรมการแพทย์ ได้แก่
สถาบันมะเร็งแห่งชาติ สถาบันโรคผิวหนัง สถาบันพยาธิ โรงพยาบาลหญิง โรงพยาบาลเด็ก โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา โรงพยาบาลศรีธัญญา โรงพยาบาลประสาท โรงพยาบาลปัญญาอ่อน โรงพยาบาลธัญญารักษ์