เตรียมพร้อมรับมือโควิด-19 อยู่เสมอ
ทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศจีนกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว แต่สถาบันสำคัญต่าง ๆ อย่างเช่นโรงพยาบาล ยังคงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
คุณจง หลินเถา (Zhong Lintao) ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการติดเชื้อในโรงพยาบาลของโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น กล่าวว่า ตอนนี้แพทย์ที่คลินิกไข้ของโรงพยาบาลทำการคัดแยกผู้ป่วยตามความรุนแรงของอาการ แทนที่จะเป็นผลการทดสอบกรดนิวคลีอิกแบบในช่วงสามปีที่ผ่านมา
คุณจงเปิดเผยว่า ทางโรงพยาบาลให้ความสำคัญกับการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อในการปฏิบัติงานประจำวันด้วยเช่นกัน “ยกตัวอย่างเช่น เราได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันส่วนบุคคลสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย ตลอดจนทำความสะอาดและฆ่าเชื้อสิ่งของที่สัมผัสบ่อยเป็นประจำทุกวัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสในสถานพยาบาล”
ขณะเดียวกัน คุณจงเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้สั่งสมประสบการณ์มากมายจากการระบาดระลอกล่าสุด และสามารถเปลี่ยนจากการปฏิบัติงานตามปกติไปสู่การตอบสนองต่อสถานการณ์โรคระบาดได้อย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนของการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ไปยังคลินิกไข้ แผนกฉุกเฉิน และหอผู้ป่วย ไปจนถึงการจัดเก็บยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์
“นอกจากนี้ เราจะขยายขีดความสามารถของแผนกฉุกเฉินด้วยการเปลี่ยนหอผู้ป่วยเฉพาะทางของแผนกอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นสถานที่รักษาผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเมื่อมีความจำเป็น” คุณจงกล่าว
เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทางโรงพยาบาลได้เปลี่ยนอาคารหลังหนึ่งให้เป็นวอร์ดสำหรับดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่อยู่ในขั้นวิกฤต และแม้ว่าจะกลับมาให้บริการในระดับปกติแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นวอร์ดผู้ป่วยโควิดได้อย่างรวดเร็วหากมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น
เสริมแกร่งจุดอ่อน
คุณหลิว เต๋อชุน (Liu Dechun) ผู้อำนวยการสำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรและคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) แถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นอีก 6 หน่วยงาน ได้ออกประกาศและทำงานร่วมกันเพื่อรวบรวมผลสำเร็จที่สำคัญจากการป้องกันและควบคุมโรคระบาด รวมทั้งเสริมแกร่งจุดอ่อนด้านการเชื่อมโยงการแพทย์และการดูแลสุขภาพในเมืองและชนบทกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม
คุณหลิวกล่าวว่า จีนจะเสริมสร้างศักยภาพของระบบเฝ้าระวังโรคระบาด รวมถึงระบบเตือนภัยล่วงหน้าและตอบสนอง ตลอดจนปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกและศักยภาพด้านการตรวจสุขภาพในสถาบันที่มีความสำคัญ เช่น สถาบันการแพทย์ สถานดูแลผู้สูงอายุ และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เป็นต้น
คุณหลิวยังเปิดเผยด้วยว่า จีนสนับสนุนให้มีการประสานงานและจัดสรรเวชภัณฑ์และทรัพยากรต่าง ๆ ตลอดจนสร้างระบบการรักษาพยาบาลแบบลำดับขั้นที่มีหลายระดับ และมีการส่งต่อผู้ป่วยเป็นแนวปฏิบัติมาตรฐาน ไปจนถึงสร้างเครือข่ายบริการสุขภาพสามระดับ ได้แก่ โรงพยาบาลระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ โดยมีสถาบันการแพทย์ภาครัฐเป็นแกนนำ
คุณหลิวกล่าวเสริมว่า จีนจะปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขอนามัยในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน และบริหารจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น หมู่บ้านในเมืองและตลาดสินค้าเกษตร เป็นต้น