ทุกคนที่ใช้ “สิทธิบัตรทอง 30 บาท” หรือสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สามารถเข้ารับบริการการตรวจ การวินิจฉัย และการรักษาตั้งแต่โรคทั่วไปอย่างโรคไข้หวัด ไปจนถึงการรักษาโรคเรื้อรัง หรือโรคเฉพาะทางที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็ง โรคไตวายเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคเอชไอวี วัณโรค ฯลฯ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในกระบวนการรักษา ไม่ว่าจะเป็นค่ายาและเวชภัณฑ์ตามกรอบบัญชียาหลักแห่งชาติ และยาที่มีค่าใช้จ่ายสูงตามประกาศของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ค่าอาหารและค่าห้องสามัญระหว่างการพักรักษาตัวที่หน่วยบริการ แม้กระทั่งกรณีการจัดการการส่งต่อเพื่อรักษาระหว่างหน่วยบริการก็ครอบคลุมด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างโรคที่บัตรทองรักษาฟรี
- โรคมะเร็ง
- ผ่าตัดสมอง
- โรคปอดระยะสุดท้าย
- การผ่าตัดรักษาข้อเข่าเสื่อม
- การปลูกถ่ายตับ
- โรคหลอดเลือดสมอง แตก/ตีบ/ตัน
- การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (สเต็มเซลล์)
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
- การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา
- โรคหายาก
- โรคหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดชนิดเฉียบพลัน สวนหัวใจ การผ่าตัดหัวใจ การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ
- โรคไดวายเรื้อรังระยะสุดท้าย บำบัดทดแทนไต ปลูกถ่ายไต
- การรักษาเฉพาะโรคที่เกิดจากการดำน้ำ
- การรักษาด้วยออกซิเจนความกดดันสูง
- โรคอื่นๆ
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรรู้ไว้คือ หากทุกคนไปรับบริการรักษาพยาบาลและได้รับยาจากโรงพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลชุมชนขึ้นไป (มีเตียงนอน 10 เตียงขึ้นไป) จะต้องจ่ายเงินจำนวน 30 บาทต่อครั้ง ยกเว้นบุคคล 20 กลุ่มตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และผู้ที่มีความประสงค์ไม่จ่ายค่าบริการ 30 บาท สามารถแจ้งความจำนงไม่จ่ายค่าบริการได้ที่หน่วยบริการ
มีสิทธิประโยชน์อะไรบ้างที่ไม่ครอบคลุม
1.เพื่อความสวยงาม โดยไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
2.การตรวจวินิจฉัย และการรักษาที่เกินความจำเป็นจากข้อบ่งชี้ทางการแพทย์
3.การรักษาที่อยู่ระหว่างการค้นคว้าทดลอง
4.การปลูกถ่ายอวัยวะที่ไม่ปรากฏตามบัญชีแนบท้าย
5.การบริการทางการแพทย์อื่น ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) กำหนด
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมการใช้สิทธิบัตรทอง สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. @nhso หรือคลิก https://lin.ee/zzn3pU6 และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ