ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

เปิดไทม์ไลน์ สาวไทยติดโควิดที่เชียงใหม่ มีผู้สัมผัส 326 ราย

เปิดไทม์ไลน์ สาวไทยติดโควิดที่เชียงใหม่ มีผู้สัมผัส 326 ราย Thumb HealthServ.net
เปิดไทม์ไลน์ สาวไทยติดโควิดที่เชียงใหม่ มีผู้สัมผัส 326 ราย ThumbMobile HealthServ.net

ล่าสุดพบเพื่อนสาววัย 26 ติดโควิด-19 ด้วย
กรมควบคุมโรค เผยไทม์ไลน์ หญิงไทย ติดโควิด-19 ที่เชียงใหม่ หลังกลับจากเมียนมา พบเดินทางไปบาร์ กินข้าว ดูหนังที่ห้าง มีผู้สัมผัส 326 ราย

เปิดไทม์ไลน์ สาวไทยติดโควิดที่เชียงใหม่ มีผู้สัมผัส 326 ราย HealthServ
Update 30/11/63
  • เชียงราย แถลงยืนยันพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 2 คน ทำงานสถานบันเทิงที่เดียวกับหญิงเชียงใหม่ที่ติดโควิด-19 [ศูนย์ข้อมูล COVID-19 12.00]

    ลักลอบข้ามแดนจากเมียนมาเข้าไทย รายแรก - เป็นหญิงอายุ 26 ปี มีอาการไข้ต่ำ ๆ และไอ รายที่ 2 - เป็นหญิงอายุ 23 ปี ไม่มีอาการป่วย ทั้ง 2 ราย ส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว
  • สธ.พบผู้ป่วยโควิด 2 รายจังหวัดเชียงราย เป็นเพื่อนร่วมงานผู้ป่วยหญิงเชียงใหม่

    นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า สำหรับผู้ติดเชื้อ 2 รายที่จังหวัดเชียงราย เป็นหญิงไทยอายุ 26 ปี และ 23 ปี ทำงานในสถานบันเทิงในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา เป็นเพื่อนร่วมงานกับหญิงอายุ 29 ปีติดโควิด 19 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยลักลอบเดินทางเข้าทางช่องทางธรรมชาติอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้สัมผัส 27  ราย แบ่งเป็นสัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย คือหญิงไทยอายุ 23 ปีที่เดินทางกลับมาด้วยกัน  โดยวันที่ 29  พฤศจิกายน  มีอาการไอ เจ็บคอ น้ำมูก เมื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อโควิด 19 ถูกนำตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาล พนักงานโรงแรมที่ขับพาไปร้านสะดวกซื้อ 1 ราย รถจักรยานยนต์รับจ้างจากหมู่บ้านไปอำเภอแม่สาย 1 ราย ทั้งคู่รอผลตรวจเชื้อ ส่วนรถจักรยานยนต์รับจ้างที่พาไปอำเภอเมือง 1 ราย ไม่พบเชื้อ ที่เหลือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 23 ราย คือบุคลากรทางการแพทย์ 20 ราย และชุมชน 3 ราย คือ แม่ค้าร้านอาหาร/ร้านขายของชำ พนักงานร้านสะดวกซื้อ และพนักงานโรงแรม ทั้งนี้ ถือว่ามีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรมที่พักและไปโรงพยาบาลเร็ว ทำให้มีผู้สัมผัสน้อย


Update 29/11/63
  • เชียงราย พบสาววัย 26 ติดโควิด-19 อีกราย เป็นเพื่อนสาวเชียงใหม่ที่ป่วย [ไทยรัฐออนไลน์]

    ล่าสุด สสจ.เชียงราย ได้รับรายงานว่า มีหญิงไทย อายุ 26 ปี อาศัยอยู่ที่ อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เพื่อนของหญิงรายแรกที่เดินทางข้ามมาด้วยกัน ติดโควิด-19
    โดยไทม์ไลน์ของสาววัย 26 ผู้ป่วยรายล่าสุด เป็นดังนี้
    • วันที่ 16-22 พ.ย. ขณะทำงานอยู่ท่าขี้เหล็ก มีอาการไอแห้งๆ รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เพียงแต่ซื้อยามากินเท่านั้น
    • วันที่ 23-24 พ.ย. อยู่ท่าขี้เหล็ก ทำงานตามปกติ ไม่มีอาการไข้
    • วันที่ 26-28 พ.ย. ได้แอบลักลอบข้ามพรมแดนเส้นทางธรรมชาติ ไปพักที่โรงแรมแม่สายอินน์ โดยไม่มีอาการไข้
    • ต่อมาวันที่ 28 พ.ย. ได้ข่าวเพื่อนหญิงที่กลับมาด้วยกันไปป่วยอยู่ จ.เชียงใหม่ จึงเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์รับจ้าง ไปตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ-เชียงราย ระหว่างการตรวจ ได้ประสานไปที่ศูนย์โควิด รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ แพทย์ได้แจ้งให้ย้ายไป รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เข้าห้องแยกโรค เมื่อเวลา 21.35 น.ของวันที่ 28 พ.ย.
    ส่วนสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย พบว่า ยังมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากวันที่ 28 พ.ย. จำนวน 9 ราย มีการตรวจพบสะสมขึ้นเป็น 21 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งด่านตรวจเข้าเมืองหลายจุด และประกาศให้ร้านค้าแผงลอยริมทางสะพานข้ามแม่น้ำสายทั้งสะพาน 1-2 ปิดตั้งแต่เวลา 18.00 น. และประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 00.01-04.00 น.
  • ความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวานนี้ (28 พฤศจิกายน 2563) ทีมสอบสวนโรค ได้ทำการติดตามผู้สัมผัสและตรวจหาเชื้อ โดยทำการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงไปแล้ว 65 ราย ผลไม่พบเชื้อ

    นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวานนี้ (28 พฤศจิกายน 2563) ทีมสอบสวนโรค ได้ทำการติดตามผู้สัมผัสและตรวจหาเชื้อ โดยทำการตรวจกลุ่มเสี่ยงสูงไปแล้ว 65 ราย ผลไม่พบเชื้อ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องกักตัวต่อจนครบ 14 วัน ซึ่งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และเน้นย้ำผู้สัมผัสทุกรายให้สังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำ และแยกกักในโรงพยาบาล สำหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานให้ทางโควิดหมู่บ้านดูแลและประเมินจนกว่าจะครบ 14 วัน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก คอนโดและประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา หากพบบุคคลแปลกหน้าหรือพบผู้เดินทางที่ไม่ผ่านการกักตัว 14 วัน ตามมาตรการภาครัฐ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการควบคุมป้องกัน สอบสวนโรค หากพบผู้ติดเชื้อจะสามารถนำส่งรักษาตามระบบได้อย่างทันท่วงที ไม่ให้มีการนำเชื้อมาแพร่สู่คนในประเทศ เป็นวงกว้าง

    ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำให้ประชาชนคงยึดหลัก DMHT โดย D : Distancing เว้นระยะห่าง M : Mask wearing สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่อยู่ในพื้นที่สาธารณะ H : Hand washing ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ และ T : Rapid Testing การตรวจเร็ว รักษาเร็ว ควบคุมโรคได้เร็ว และปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างเกราะป้องกันโควิด 19 แก่ตนเองและคนรอบข้าง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัดและลงทะเบียนเข้าออกสถานที่ ด้วยแพลตฟอร์มไทยชนะ ทุกครั้งที่ใช้บริการสถานที่/ร้านค้าต่าง ๆ รวมถึงเฝ้าระวังสังเกตอาการป่วยของตนเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ หากมีอาการ ไข้ ไอ เจ็บคอ มีอาการระบบทางเดินหายใจและมีอาการจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาทันที  
     
  •  "Grab" ชี้แจง สาว 29 ปี ติดโควิด-19 เรียกใช้บริการรถที่ เชียงใหม่ [Springnews]

    แกร็บ ประเทศไทย ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นต่างๆ รวมถึงสิ่งที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการในทันทีภายหลังรับทราบข้อมูลว่าพบสาววัย 29 ปี คือผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายล่าสุดในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบประวัติการใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน Grab โดย แกร็บ ระบุว่า
    1) บริษัทฯ ได้ติดต่อประสานงานกับ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นับตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2563 โดยให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางย้อนหลังเพื่อระบุตัวตนของพาร์ทเนอร์คนขับ รวมถึงผู้ใช้บริการทุกคนที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับพาร์ทเนอร์คนขับทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว
    2) ขณะนี้พาร์ทเนอร์คนขับที่ได้ให้บริการในช่วงเวลาดังกล่าวได้รับการติดต่อจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อเข้ารับการตรวจเชื้อโควิด-19 ในโรงพยาบาล ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างการกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการแล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการระงับสัญญาณการให้บริการเป็นการชั่วคราวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    3) ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับกรมอนามัย นำหลักปฏิบัติและมาตรการต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขมาใช้เป็นแนวทางในการดูแลสุขอนามัยของพาร์ทเนอร์คนขับ ทั้งยังส่งเสริมให้ทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสารสวมหน้ากากทุกครั้งในระหว่างการเดินทาง โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา คือ หากผู้โดยสารพบว่าพาร์ทเนอร์คนขับ "ไม่สวมหน้ากาก" หรือ "มีอาการป่วยหรือไม่สบาย" สามารถยกเลิกบริการได้ทันทีโดยไม่มีค่าธรรมเนียมการยกเลิก ในขณะเดียวกันพาร์ทเนอร์คนขับก็สามารถยกเลิกการรับงานได้เช่นกันหากพบว่าผู้โดยสารไม่สวมหน้ากากหรือมีอาการป่วย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับทั้งสองฝ่าย
    4) บริษัทฯ ยังคงให้บริการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Grab ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น บริการเรียกรถ บริการจัดส่งอาหาร (GrabFood) บริการจัดส่งสินค้าและพัสดุ (GrabExpress) ตลอดจนบริการทางการเงิน และระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์

    ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอยืนยันว่า เราให้ความสำคัญสูงสุดกับสุขภาพและความปลอดภัยพาร์ทเนอร์คนขับ พาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ผู้ใช้บริการ ตลอดจนพันธมิตรและคู่ค้าทางธุรกิจ โดยนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย บริษัทฯ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และประกาศใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวัง และป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

    ทั้งยังได้ประสานความร่วมมือกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อยกระดับมาตรฐานการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาโดยตลอด อาทิ การแจกหน้ากากอนามัยและเจลฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดให้กับพาร์ทเนอร์คนขับ การร่วมมือกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค จัดกิจกรรมตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 เชิงรุกสำหรับพาร์ทเนอร์คนขับ

    การพัฒนาระบบคัดกรองด้านสุขภาพและสุขอนามัยผ่านแอปพลิเคชัน โดยให้พาร์ทเนอร์คนขับทุกคนต้องประเมิน เพื่อยืนยันว่าไม่มีอาการป่วยจากโรคโควิด-19 รวมถึงต้องปฏิบัติตามแนวทางด้านความปลอดภัยที่แกร็บกำหนดอย่างเคร่งครัด ก่อนการให้บริการในทุกวัน

    การให้พาร์ทเนอร์คนขับถ่ายภาพเซลฟี่ของตนเองขณะสวมใส่หน้ากาก พร้อมอัปโหลดภาพผ่านระบบเพื่อยืนยันก่อนการรับงาน การประกาศใช้มาตรการจัดส่งอาหาร-พัสดุแบบไร้การสัมผัส รวมถึงการกระตุ้นให้ผู้ใช้บริการหันมาชำระค่าใช้บริการโดยหลีกเลี่ยงการใช้เงินสด



Update 28/11/63 จากเพจสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 1 เชียงใหม่
"เบอร์ติดต่อสอบถามเรื่องกรณีพบผป.โควิด-19ที่ชม.ล่าสุด ถามว่า.ตนเองเสี่ยงหรือไม่ ต้องการตรวจได้มั้ยและ...โทร..084-8053131/084-8052121 ครับ"
  • โล่งอกผลตรวจ 102 ราย ที่สัมผัสสาวติดโควิดไม่พบเชื้อ สั่งกัก 14 วันต่อไทยรัฐออนไลน์ [28 พ.ย. 2563 21:14 น.]

    ผลตรวจ 102 ราย ผู้สัมผัสสาวติดโควิด-19 ไม่พบเชื้อ ลุ้นที่เหลือทยอยเข้าตรวจตามระยะฟักตัว พร้อมขอให้กักตัวเฝ้าระวัง 14 วัน ด้าน คกก.โรคติดต่อเผยเวชภัณฑ์ยันพร้อมรับมือ ขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตลาดเชียงใหม่ยังพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่สวมหน้ากากอนามัย หวั่นการ์ดตกทำระบาดหนัก
     
  • ผลออกแล้ว! กลุ่มเสี่ยง 102 รายสัมผัสสาวติดโควิด-19ที่เชียงใหม่ 
    TNN Thailand.com [28/11/2563 20.24]

    ผลตรวจผู้สัมผัส สาวติดโควิด-19 ที่เชียงใหม่ ไม่พบเชื้อทั้ง 102 ราย ลุ้นที่เหลือทยอยตรวจตามระยะฟักตัว

    วันนี้ ( 28 พ.ย. 63 ) จากกรณีคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงกรณีพบหญิง อายุ 29 ปี ติดเชื้อโควิด-19 เป็นรายที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันข้อมูลสอบสวนโรคหญิงรายนี้พบว่าเดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านทางจังหวัดเชียงราย เข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 24 พ.ย. ก่อนเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิค-19 ที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. และ ผลการตรวจยืนยัน 2 แลป ทั้งของโรงพยาบาลเอกชนและห้องแลปของทางโรงพยาบาลนครพิงค์ ระบุตรงกันว่าพบเชื้อโควิด-19  

    ทีมสอบสวนโรคลงพื้นที่ค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสทั้งหมดจำนวน 306 ราย ในนี้มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงจำนวน 85 ราย และ ได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว จำนวน 102 ราย 

    ล่าสุด 18.45 น. วันนี้ ผลตรวจยืนยันเป็นลบทั้งหมด 102 ราย ส่วนที่เหลือ สสจ.เชียงใหม่ ได้แจ้งให้เข้ามาตรวจหาเชื้อตามกลุ่มสถานที่ และ ตามกำหนดวันสุดท้ายที่ต้องเฝ้าระวัง คือ14 วันตามระยะเวลาฟักตัวของเชื้อ โดยในช่วงนี้ได้ให้ผู้สัมผัสกักตัวเองที่บ้าน แต่หากไม่สะดวก คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสใกล้เสี่ยงสูงไว้แล้วและล่าสุดมีผู้เข้ากักกันตนเองแล้วจำนวน 5 ราย 

    ทั้งนี้ผู้สัมผัสทุกรายจะต้องสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำและแยกกักในโรงพยาบาล สำหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานงานให้ทางโควิดหมู่บ้านเข้าไปดูแลและตรวจประเมินจนครบ 14วันหลังสัมผัสผู้ป่วย

    คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยังขอให้ผู้ที่เดินทางไปในสถานที่เสี่ยงตามไทม์ไลน์  กักกันตนเองจนกระทั่งครบ 14 วันหลังวันสัมผัส และ ยืนยันว่าทางทีมงานยังคงดำเนินการสอบสวนค้นหาผู้สัมผัสเพิ่มเติม และยืนยันว่าทางสำนักงานสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านการตรวจแลปและเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้สามารถรองรับกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

    สำหรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้รับฟังความคิดเห็นทั้งภาคประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถป้องกันควบคุมโรคได้ โดยมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด และเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่างๆ ลงทะเบียนด้วย "ไทยชนะ" ทุกครั้ง 
     
เปิดไทม์ไลน์ สาวไทยติดโควิดที่เชียงใหม่ มีผู้สัมผัส 326 ราย HealthServ


สธ. แจงหญิงไทยจังหวัดเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด 19 จากต่างประเทศ ติดตามผู้สัมผัส 326 ราย

  กระทรวงสาธารณสุข แจงข้อเท็จจริงหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด 19 เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ ตรวจติดตามผู้สัมผัส 326 ราย แนะหากสงสัยเข้ารับการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมใช้บทเรียน 9 กรณีพัฒนาระบบเฝ้าระวังควบคุมสอบสวนโรค
 
          วันนี้ (28 พฤศจิกายน 2563) ที่กรมควบคุมโรค  นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงข่าวข้อเท็จจริงการติดเชื้อโควิด 19 ของหญิงไทยอายุ 29 ปี
ที่ จ.เชียงใหม่

นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า ในรอบ 2 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีการพบผู้ติดเชื้อโควิด 19 หลายเหตุการณ์ในประเทศไทยให้เรียนรู้ 9 กรณี คือ

  1. ชาวเมียนมาติดเชื้อชายแดนอำเภอแม่สอด 5 รายในครอบครัวเดียวกัน ขณะนี้สถานการณ์ปกติแล้ว มีการขนส่งสินค้าข้ามแดนปลอดภัยแบบ Safety Zone ตรวจหาเชื้อพนักงานขับรถทุกสัปดาห์ เมื่อเจอผู้ป่วยส่งกลับไปรักษา ถือเป็นต้นแบบให้ด่านชายแดนอื่นๆ
  2. หญิงชาวฝรั่งเศสที่เกาะสมุย เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศที่สถานกักกันที่รัฐกำหนด พบปัญหาระบบระบายอากาศมีการปนเปื้อนเชื้อ จึงต้องเข้มในมาตรการทำความสะอาด และตรวจสอบระบบระบายอากาศ โดยสัปดาห์หน้าจะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง
  3. ชาวเมียนมาที่ลักลอบเข้าเมือง ที่ จ.พัทลุง เบื้องต้นให้ข้อมูลว่าเข้าทางอำเภอแม่สอด แล้วเดินทางไปสงขลา จากผลสอบสวนโรคได้ข้อเท็จจริงว่า มาจากชายแดนมาเลเซีย เป็นประสบการณ์ว่า ข้อมูลที่ได้ครั้งแรกอย่าปักใจเชื่อทั้งหมด เนื่องจากผู้กระทำผิดกฎหมายมักไม่บอกความจริง การสอบสวนโรคต้องอาศัยหลักฐานหลายๆ อย่าง โดยชายแดนยังเป็นจุดสำคัญที่ต้องระมัดระวัง
  4. ชายอินเดียที่กระบี่มาตรวจโควิด 19 เพื่อสมัครงาน มีการเดินทางไปหลายจังหวัด ทำให้ต้องระดมทีมสอบสวนโรค เมื่อติดตามผู้สัมผัสทุกรายผลเป็นลบ คาดว่าเป็นการติดในประเทศ จากการถอดรหัสพันธุกรรมไวรัสทั้งตัวเป็นเชื้อโควิด 19 จริง แม้มีเชื้อปริมาณน้อยจึงอาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว บ่งบอกว่าคนเคยติดเชื้อยังตรวจเจอได้ แต่ไม่ไปติดผู้อื่น อนาคตอาจเจอกรณีนี้พอสมควร
  5. ทหารเกาหลี ในการประชุมมีการใส่หน้ากาก เว้นระยะห่างอย่างดี ทำให้ติดตามผู้สัมผัสมากักกันและได้ตรวจทุกราย ผลไม่พบเชื้อ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากประเทศเกาหลีในการประสานข้อมูล พบว่า รายนี้พบเชื้อค่อนข้างน้อย เมื่อตรวจซ้ำผลเป็นลบ อาจเป็นการติดเชื้อก่อนหน้านี้นานแล้ว
  6. รัฐมนตรีฮังการี ตรวจเจอตั้งแต่วันแรก จากการวางระบบทำให้ตรวจจับได้รวดเร็ว  และการร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไทยส่งข้อมูลให้ทางการกัมพูชา ทำให้ตรวจเจอเชื้อที่กัมพูชาเพิ่ม 3-4 คน ส่วนท่านทูตฮังการีที่ติดเชื้อเนื่องจากสัมผัสใกล้ชิด แต่มีการกักตนเองและใส่หน้ากาก ทำให้ไม่มีการแพร่เชื้อต่อ
  7. ชาวเมียนมาลักลอบเข้าเมืองในค่ายอุ้มเปี้ยม อำเภอพบพระ ปริมาณเชื้อค่อนข้างน้อย อาจเป็นการติดเชื้อนานแล้ว ผู้สัมผัสในค่ายให้ผลเป็นลบ
  8. หญิงอายุ 17 ปี ชาวไทยเมียนมา เป็นโรคพุ่มพวง มารักษาที่ไทยเป็นการติดเชื้อจากชายแดนและลักลอบเข้ามา และ
  9. ล่าสุดหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นการลักลอบเข้ามาเช่นกัน โดยคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จะประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจสอบเพิ่มเติม
 
          “สิ่งที่เรียนรู้จากเหตุการณ์ทั้งหมด คือ การใส่หน้ากากสม่ำเสมอในพื้นที่สาธารณะเป็นสิ่งจำเป็นช่วยป้องกันโรคได้ และการสอบสวนโรคได้รวดเร็ว เนื่องจากร้านค้า อาคาร พื้นที่สาธารณะมีกล้องวงจรปิดช่วยติดตาม การสแกนไทยชนะ แต่จุดเสี่ยงคือชายแดนยังคงต้องเข้มงวดเฝ้าระวังการลักลอบ โดยขอให้ประชาชนในพื้นที่ชายแดนช่วยกันเป็นหูเป็นตาเฝ้าระวังด้วย หากพบผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศไม่ถึง 14 วัน ไม่ได้กักตัวให้รีบแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรค” นายแพทย์โอภาสกล่าว

 

ไทม์ไลน์หญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่

          นายแพทย์โสภณกล่าวว่า กรณีหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโควิด 19 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน รายนี้เป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ เนื่องจากช่วงวันที่
  • 24 ตุลาคม ถึง 23 พฤศจิกายน
    ไปทำงานที่เมียนมา โดยวันที่ 23 พฤศจิกายน เริ่มมีไข้ ปวดศีรษะ ถ่ายเหลว รับประทานยาลดไข้เอง
  • ต่อมาวันที่ 24 พฤศจิกายน
    เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเมื่อเวลา 05.30 น. ทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย แล้วเดินทางเข้าอำเภอเมือง เชียงราย ด้วยรถตู้ และเข้าจังหวัดเชียงใหม่โดยรถบัสโดยสารประจำทางปรับอากาศ ออกเวลา 11.00 น. ถึงเชียงใหม่เวลา 14.51 น. และใช้บริการ Grab Car คันแรกกลับคอนโด ช่วงกลางคืนมีประวัติไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ย่านสันติธรรมร่วมกับเพื่อน 2 คน มีการสูบบุหรี่ร่วมกัน เวลา 02.00 น. เข้าพักค้างคืนที่คอนโดแห่งหนึ่งของเพื่อนที่มาจากสถานบันเทิงด้วยกัน และมีเพื่อนอีก 2 คนจากห้องตรงข้ามเข้ามาร่วมดื่มสุราด้วย
  • วันที่ 25 พฤศจิกายน เวลา 12.00 น.
    เดินทางออกจากคอนโดของเพื่อนกลับไปที่พักโดยใช้บริการ Grab Car คันที่สอง ถึงเวลา 13.00 น. ต่อมาใช้บริการ Grab Car คันที่สามไปห้างสรรพสินค้า โดยอยู่ในห้างตั้งแต่เวลา 15.30 - 20.30 น. และชมภาพยนตร์ รับประทานอาหารและเดินซื้อของ จากการติดตามดูกล้องวงจรปิด สวมหน้ากากอนามัยเป็นส่วนใหญ่ แล้วใช้บริการ Grab Car คันที่สี่กลับคอนโดของตนเอง
  • ส่วนวันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 15.30 น.
    ใช้บริการ Grab Car คันที่ห้า เพื่อไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนเนื่องจากยังมีอาการป่วย โรงพยาบาลซักประวัติเพิ่มเติม พบอาการไม่ได้กลิ่น มีอุณหภูมิ 36.9 องศาเซลเซียส เข้าได้กับโรคโควิด 19 จึงส่งตรวจเชื้อ ผลออกเวลา 22.00 น.พบเป็นบวก จึงส่งรักษาต่อโรงพยาบาลนครพิงค์ ผลตรวจยืนยันเป็นบวกเช่นกัน
 
          นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า สำหรับสถานที่ต่างๆ ที่หญิงรายนี้เดินทางไปใช้บริการ ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้เข้าตรวจสอบและให้ทำความสะอาดแล้ว
  • ทีมสอบสวนโรคกำลังติดตามผู้สัมผัส 326 ราย
  • เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 105 ราย
  • แบ่งเป็นผู้สัมผัสในชุมชน 65 ราย (คอนโดผู้ป่วย 2 ราย คอนโดเพื่อน 2 ราย สถานบันเทิง 55 ราย ห้าง 6 ราย)
  • ผู้สัมผัสกลุ่มยานพาหนะ 40 ราย (จังหวัดเชียงราย 35 ราย เป็นผู้เดินทางข้ามแดนด้วยกัน 1 ราย รถตู้ รถโดยสาร 34 ราย จังหวัดเชียงใหม่ 5 ราย คือ คนขับ Grab car)
  • ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย แบ่งเป็นในชุมชน 140 ราย (สถานบันเทิง 2 ราย ห้าง 138 ราย)
  • และกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ 9 ราย 

โดยประชาชนที่อยู่ในสถานที่เดียวกับหญิงรายดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกัน หรือสงสัยว่าอาจสัมผัสหญิงรายดังกล่าว สามารถเข้ารับบริการตรวจหาเชื้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและแนะนำให้ปฏิบัติตัวป้องกันการแพร่เชื้อโดยสวมหน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ และสังเกตอาการทางเดินหายใจ ทุกวันจนครบ 14วัน หากมีข้อสงสัยโทรศัพท์สอบถามที่ 1422

สารนิเทศ กระทรวงสาธารณสุข
28 พฤศจิกายน 2563

 
เปิดไทม์ไลน์ สาวไทยติดโควิดที่เชียงใหม่ มีผู้สัมผัส 326 ราย HealthServ

ประชาสัมพันธ์ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่

เชียงใหม่ ยืนยันพบผู้ป่วย COVID-19 รายที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่

วันนี้ (28 พ.ย. 2563)  คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงกรณีพบผู้ป่วย COVID-19 คนที่ 42 ของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหญิง อายุ 29 ปี พักคอนโดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรคเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับสำนักควบคุมโรคที่ 1 ผู้ป่วยรายนี้ได้เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านทางจังหวัดเชียงรายเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 24 พ.ย. 2563 และได้ขอเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิค 19 ที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2563 ผลการตรวจยืนยัน 2 แลป ทั้งของโรงพยาบาลเอกชนและห้องแลปของทางโรงพยาบาลนครพิงค์ ระบุตรงกันว่าผลยืนยันพบเชื้อโควิด 19  จึงได้รับผู้ป่วย ซึ่งมีอาการไข้ ไอ ปวดศีรษะ ท้องเสีย จมูกไม่ได้กลิ่น เข้ารักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์ ซึ่งในขณะนี้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่มีหอบเหนื่อย จมูกเริ่มได้กลิ่น 
สำหรับไทม์ไลน์ "ผู้ป่วย COVID-19" คนที่ 42
 
วันที่ 24 พ.ย. 2563 เดินทางจากจังหวัดเชียงรายเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ โดยรถประจำทางบริษัทกรีนบัส เส้นทางเชียงราย-เชียงใหม่ เวลา 11.00 - 15.00 น. จากนั้นได้เดินทางด้วยรถ (Grab1) เข้าพักคอนโดของตนเองที่ ดีคอนโดพิงค์ และได้เดินทางไปเที่ยวร้านคิงส์เวย์ โฮสต์แอนด์คาราโอเกะ กับเพื่อนอีก 2 คน ในช่วงดึก ก่อนที่จะไปพักค้างคืนที่วีดีคอนโดมิเนียมกับเพื่อน 
.
วันที่ 25 พ.ย. 2563 ผู้ป่วยเดินทางกลับถึงที่พักดีคอนโดพิงค์ เวลาประมาณ 12.00 น. โดยเพื่อนมาส่ง หลังจากนั้นเวลา 15.15 น. เดินทางด้วยรถ (Grab3) ไปที่ศูนย์การค้าเซนทรัลเฟสติวัล
  • เวลา 15.24 น. เดินทางถึงเซนทรัลเฟสติวัล โดยเข้าประตูด้านร้าน KFC 
  • เวลา 15.26 – 15.29 น. เข้าไปดูสินค้าที่ร้าน H&M 
  • เวลา 15.32 น. กด ATM ที่ตู้ธนาคาร SCB ชั้น 3(หน้าธนาคารกรุงเทพ)
  • เวลา 15.39 – 16.22 น. รับประทานชาบูที่ร้านชาบูชิ 
  • เวลา 15.36 ซื้อตั๋วหนัง
  • เวลา 16.22– 18.45 น. ชมภาพยนตร์ที่เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ โรงที่ 6 
  • เวลา 18.47 – 19.16 น. เข้าวัตสันชั้น 4
  • เวลา 19.23 – 19.42 น. เดินทางไป Food Hall
  • เวลา 19.45 – 20.13 น. เดินทางไปร้าน CDS
  • เวลา 20.15 –20.24 น. ขึ้น Grab4 กลับ ดีคอนโดพิงค์
 
วันที่ 26 พ.ย. 2563 ได้เดินโดย Grab3 ทางไปขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด 19 
 
ซึ่งจากการลงพื้นที่สอบสวนโรคและค้นหาผู้สัมผัส พบผู้สัมผัสทั้งหมด จำนวน 306 ราย ในนี้มีผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 85 ราย และได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แล้ว จำนวน 102 ราย ทราบผลการตรวจแล้ว 17 ราย ผลตรวจเป็นลบทั้งหมด โดยผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการจะต้องกักตัวทุกคน หากไม่สามารถกักตัวที่บ้านได้ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดสถานที่กักกันผู้สัมผัสใกล้เสี่ยงสูงไว้แล้ว และมีผู้เข้ากักกันตนจำนวน 5 ราย ทั้งนี้ผู้สัมผัสทุกรายจะต้องสังเกตอาการผิดปกติอย่างใกล้ชิด หากมีอาการผิดปกติจะถูกตรวจหาเชื้อซ้ำและแยกกักในโรงพยาบาล สำหรับผู้สัมผัสที่กักกันตนที่บ้านจะมีการประสานงานให้ทางโควิดหมู่บ้านเข้าไปดูแลและตรวจประเมินจนครบ 14 วันหลังสัมผัสผู้ป่วย
สำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงดังที่ต้องเฝ้าระวัง มีดังต่อไปนี้
 
สำหรับผู้ที่ไปในสถานที่ดังกล่าว ขอให้ท่านกักกันตนเองจนกระทั่งครบ 14 วันหลังวันสัมผัส สำหรับผู้ที่ไม่มีอาการ ให้โทรนัดหมายเพื่อตรวจในวันที่ 1 ธ.ค. 2563 (ตามระยะฟักตัวเฉลี่ย) โดยหากพบอาการผิดปกติระหว่างการกักกันให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อขอรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (SAT) สสจ.เชียงใหม่ โทร 084-8053131, 084-8052121
 
ทั้งนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า ทางทีมงานยังคงดำเนินการสอบสวนค้นหา
ผู้สัมผัสเพิ่มเติม และยืนยันว่าทางสำนักงานสาธารณสุขได้เตรียมความพร้อมทั้งทางด้านการตรวจแลปและเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ให้สามารถรองรับกับสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
 
สำหรับมาตรการของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้รับฟังความคิดเห็นทั้งภาคประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถป้องกันควบคุมโรคได้ โดยมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตและเศรษฐกิจให้น้อยที่สุด และเน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชน ให้สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง เข้ารับบริการสถานที่ต่าง ๆ ลงทะเบียนด้วย "ไทยชนะ" ทุกครั้ง

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด