ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) หรือภาวะหัวใจวาย

ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure) หรือเรียกว่า ภาวะหัวใจวาย คือภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้เพียงพอต่อความต้องการในขณะพัก หรือเมื่อต้องการออกกำลัง เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระยะสุดท้ายของโรคหัวใจทุกชนิด และยังเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆอีกหลายโรค

ภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure)
หรือเรียกว่า ภาวะหัวใจวาย คือภาวะที่หัวใจไม่สามารถบีบเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้เพียงพอต่อความต้องการในขณะพัก หรือเมื่อต้องการออกกำลัง เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระยะสุดท้ายของโรคหัวใจทุกชนิด และยังเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคอื่นๆอีกหลายโรค

สาเหตุของภาวะหัวใจล้มเหลว
แบ่งออกได้เป็น 3 อย่างคือ

  1. หัวใจต้องทำงานหนักเกินกำลัง จาก
    - ภาวะลิ้นหัวใจรั่ว
    - ปริมาตรของเลือดในระบบไหลเวียนมากเกินไป
    - มีความพิการของหัวใจแต่กำเนิด
  2. มีความผิดปกติในการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น
    - กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
    - กล้ามเนื้อหัวใจตาย
    - กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
  3. มีความผิดปกติของเยื่อบุหัวใจ
    - มีน้ำ เลือด หรือ หนองภายในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ
    - เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ

อาการของภาวะหัวใจล้มเหลว

  • ไอตอนกลางคืน อาจมีเสมหะเป็นฟองสีชมพูร่วมด้วย
  • หอบเหนื่อยตอนกลางคืน
  • นอนราบหายใจไม่สะดวก
  • หอบเหนื่อยง่ายหลังออกแรง
  • ทำงานหนักไม่ได้
  • อ่อนเพลีย เหนื่อย เวียนศีรษะ
  • ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
  • บวมที่ปลายเท้า ข้อเท้า และกดบุ๋ม

การป้องกันภาวะหัวใจล้มเหลว

  1. สังเกตอาการของตนเอง หากน้ำหนักเพิ่มรู้สึกผิวหนังตึง ข้อเท้าบวม รองเท้าหรือผ้าคับ และไอบ่อยขึ้น รู้สึกเพลีย และการทำกิจวัตรประจำวันได้ช้าลง อาจเป็นอาการเริ่มแรกของภาวะหัวใจล้มเหลวควรรีบมาพบแพทย์
  2. ป้องกันไม่ให้เป็นโรคหัวใจ เพราะโรคหัวใจบางอย่างสามารถป้องกันได้ เช่น โรคหัวใจรูห์มาติก โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  3. พักผ่อนให้เพียงพอ โดยการนอนพักในช่วงกลางวันอย่างสม่ำเสมอ ลดชั่วโมงการทำงานให้สั้นลง
  4. หลีกเลี่ยงการทำให้อารมณ์เสียหรือความเครียด
  5. จำกัดกิจกรรมต่างๆลง ไม่ทำงานที่ออกแรงมากๆ อย่างหักโหม
  6. จำกัดอาหารเค็ม จำกัดน้ำดื่ม และรับประทานยาตามแพทย์สั่ง
  7. มาพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างสม่ำเสมอ

จาก เอกสารเผยแพร่ รพ.พระมงกุฎฯ

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด