ข่าวสุขภาพ
ข่าวสุขภาพทั่วไป ข่าวธุรกิจสุขภาพไทย ข่าว/กิจกรรม/สาระ รพ.ต่างๆ ข้อมูลบริการ รพ.ต่างๆ สาระความรู้สุขภาพ กิจกรรม ESG CSR Health Economy บริจาครพ.ต่างๆ
น่าสนใจไทยแลนด์
About us เผยแพร่เนื้อหา สถิติเว็บไซต์ สำรวจความเห็นสุขภาพ โฆษณา
healthserv.net@gmail.com

มะเร็งปากมดลูก มะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย

มะเร็งปากมดลูก มะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย

มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในหญิงไทย และพบมากในช่วงอายุ 35-50 ปี มะเร็งปากมดลูก เป็นโรคที่ป้องกันได้ แพทย์สามารถตรวจหา “ระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก” ได้ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ ซึ่งวิธีการที่ใช้ตรวจหาระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก เรียกว่า การตรวจแปปสเมียร์ (Pap Smear) โดยการเก็บเอาเซลเยื่อบุบริเวณปากมดลูกไปตรวจหาเซลมะเร็ง

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก
  1. ารมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย (ต่ำกว่า 20 ปี) และมีคู่นอนหลายคน
  2. มีการอักเสบของปากมดลูกเนื่องจากการติดเชื้อ Human Papiloma Virus เริม หูดหงอนไก่
  3. สตรีที่สูบบุหรี่ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่
  4. สตรีที่มีภูมิต้านทานต่ำ
  5. ขาดสารอาหาร เช่น โฟเลท วิตามินเอ วิตามินซี
อาการ
  • ระยะเริ่มต้นจะไม่ปรากฏอาการใด ๆ แต่สามารถตรวจพบมะเร็งปากมดลูกได้จากการตรวจ แปปสเมียร์ (Pap Smear)
  • ระยะลุกลาม จะมีอาการตกขาว มีกลิ่น มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือตกขาว ลักษณะคล้ายน้ำคาวปลา ถ้าเป็นมากอาจถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด หรือมีอาการผิดปกติของระบบขับถ่ายอุจจาระได้ นอกจากนี้มะเร็งอาจกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ เช่น ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ ปอด ตับ และกระดูก เป็นต้น
การรักษา
ถ้าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะแรก ๆ การผ่าตัดเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดี แต่ถ้าเป็นระยะที่มะเร็งลุกลามมากแล้ว จะใช้รังสีรักษา โดยการฉายแสงร่วมกับการใส่แร่ หรือการผสมผสานระหว่างการผ่าตัดรังสีรักษา และการให้ยาเคมีบำบัด

การป้องกัน
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หลายคู่นอน
  • หลีกเลี่ยงการติดเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้าไม่แน่ใจควรใช้ถุงยางอนามัย
  • เมื่อมีอาการตกขาวผิดปกติ หรือเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์
  • สตรีที่มีเพศสัมพันธ์ทุกคน ควรได้รับการตรวจ Pap Smear เพื่อค้นหามะเร็งปากมดลูกอย่างน้อยปีละครั้ง
นพ.มนัส  สุรทานต์นนท์  สูติ-นรีแพทย์ รพ.วิภาวดี

ข่าว/บทความล่าสุด
เนื้อหาอ่านล่าสุด