คุณพ่อคุณแม่ย่อมปรารถนาให้ลูกน้อยที่เกิดมา มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีความพิการทั้งทางร่างกายและสมอง มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ในอดีตการที่จะทราบว่าทารกมีความผิดปกติ หรือไม่ก็ต้องรอจนทารกคลอดแล้ว ซึ่งทำให้สูญเสียทั้งทางด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะทางด้านจิตใจของคุณพ่อคุณแม่รวมทั้งครอบครัว
แต่ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน ทำให้การวินิจฉัยความผิดปกติของทารกในครรภ์ตั้งแต่ก่อนคลอด ทั้งทางด้านโครงสร้าง คืออวัยวะต่างๆ ซึ่งมองเห็นได้โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูง หรือความผิดปกติที่มองไม่เห็นเช่น โรคต่างๆ ที่อาจทำให้เกิดความพิการทางด้านร่างกายหรือสติปัญญา ทำให้ทารกเกิดมามีพัฒนาการที่ล่าช้าหรือปัญญาอ่อน ในบางรายโรครุนแรงมากจนทำให้ทารกเสียชีวิตหลังคลอดไม่นาน
การวินิจฉัยก่อนคลอด จะทำให้คุณพ่อคุณแม่มีความมั่นใจว่าลูกของท่านจะมีสุขภาพสมบูรณ์ ไม่มีความเสี่ยงต่อโรคที่รุนแรงหรือในกรณีที่ตรวจพบความผิดปกติ ท่านจะได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับทางเลือก และการเตรียมพร้อมเพื่อการดูแลรักษาทั้งขณะที่อยู่ในครรภ์และหลังคลอด เพื่อให้ลูกของท่านได้รับสิ่งที่ดีที่สุดตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ศูนย์วินิจฉัยก่อนคลอด
บริการให้คำปรึกษา แนะนำ วินิจฉัยดูแลมารดาและทารกในครรภ์เกี่ยวกับความผิดปกติและโรคต่างๆ ที่อาจเกิดกับทารกในครรภ์ ด้วยความก้าวหน้าทางอนุพันธ์ศาสตร์เซลพันธุศาสตร์ และการตรวจทางคลื่นเสียงความถี่สูง ทำให้แพทย์สามารถให้การวินิจฉัยความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้เกือบทุกชนิด ทั้งความพิการแต่กำเนิด โรคที่เกิดจากความผิดปกติของโครโมโซม เช่น กลุ่มอาการดาวน์ โรคทางพันธุกรรม เช่น โรคโลหิตจาง ธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนไทย นอกจากนี้ยังให้บริการเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ในกรณีที่มารดามีภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรม เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไทรอยด์เป็นพิษ SLEเป็นต้น
ศูนย์วินิจฉัยก่อนคลอด รพ.วิภาวดีให้บริการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด ครอบคลุมปัญหาต่างๆ โดยบแบ่งระยะของการให้บริการตรวจดังนี้
1.ตรวจในระยะแรกของการตั้งครรภ์ (อายุครรภ์10-13สัปดาห์) ด้วยคลื่นความถี่สูง เพื่อการตรวจหาจำนวนทารก การมีชีวิตของตัวอ่อน การคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซม
2.ระยะที่สองของการตั้งครรภ์(16-18สัปดาห์) บริการเจาะน้ำคร่ำและเลือดจากสายสะดือทารก เพื่อวิเคราะห์ความผิดปกติของโครโมโซม โรคทางพันธุกรรมเช่น ธาลัสซีเมีย
3.ระยะที่สองของการตั้งครรภ์(20-24สัปดาห์) ตรวจทางคลื่นเสียงความถี่ เพื่อตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะต่างๆของทารกในครรภ์(anomaly scan) เช่น ระบบหัวใจ ทางเดินอาหาร ปากแหว่ง เพดานโหว่ ระบบสมอง แขน ขา
4.ตรวจคลื่นเสียง 4 มิติ เพื่อดูใบหน้า ขา แขน กระดูกสันหลัง นิ้วมือ นิ้วเท้าของทารก
5.ระยะที่สามของการตั้งครรภ์ (มากกว่า28สัปดาห์) ตรวจหาการเจริญเติบโตช้าของทารก สุขภาพของทารก เช่นbiophysical profile ปริมาณน้ำคร่ำ การไหลเวียนโลหิตในเส้นเลือดที่สายสะดือทารก (Doppler Blood Flow)
6.การตรวจหัวใจเด็กเพื่อดูความผิดปกติ และดูระบบการทำงานของหัวใจ
นอกจากนี้ยังมีการตรวจพื้นฐาน เพื่อหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ (Baseline Fetal anomaly scan)อีกด้วย